การรถไฟฯ ส่งเจ้าหน้าที่เร่งซ่อมราง หลังพบหมุดยึดรางรถไฟสายชุมทางหาดใหญ่ – คลองแงะ ถูกถอดไป 300 กว่าตัว ส่งผลรถไฟล่าช้า 2 ขบวน ส่วนพื้นที่ อ.เทพา พบเหตุพ่นสีถนน - วางระเบิดปลอม อีกจุดเป็นถังดับเพลิงต้องสงสัยผูกติดเสาไฟฟ้าแรงสูง ขณะที่ฝ่ายความมั่นคงคุมเข้มนราธิวาสครบรอบ 19 ปีไฟใต้
วันอังคารที่ 3 ม.ค.66 นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์ประชาสัมพันธ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 08.55 น.ได้รับแจ้งเหตุมีคนร้ายได้ลักลอบถอดเครื่องยึดเหนี่ยวรางรถไฟ (หมุดยึดรางรถไฟ) บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 942/12-15 ระหว่างสถานีชุมทางหาดใหญ่ – คลองแงะ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา หลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายการช่างโยธาการรถไฟฯ ได้ตรวจพบว่า มีอุปกรณ์ราง ซึ่งเป็นโค้ชสกรู จำนวน 325 ตัว และจานรองรางไม้หมอนบนสะพาน จำนวน 5 อัน ถูกถอดไป จึงได้ประสานขอความร่วมมือไปยังเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เพื่อเข้าตรวจสอบพื้นที่และสาเหตุที่เกิดขึ้น
จากเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบให้ขบวนรถไม่สามารถวิ่งผ่านได้ การรถไฟฯ จึงได้ทำการปิดเส้นทางช่วงสถานีทางหาดใหญ่ – คลองแงะ เพื่อดำเนินการซ่อมแซมทางรถไฟ ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ซึ่งล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการซ่อมแซมทางรถไฟที่ได้รับความเสียหาย รวมทั้งตรวจสอบสภาพทางให้มีความปลอดภัยสำหรับการเดินรถเรียบร้อยแล้วโดยพร้อมเปิดให้บริการเดินขบวนรถในเส้นทางสายใต้ ช่วงชุมทางหาดใหญ่ – คลองแงะ ได้ตามปกติ ในวันนี้ (3 ม.ค.66) ตั้งแต่เวลา 12.15 น. เป็นต้นไป
โดยขบวนรถที่ได้รับผลกระทบจากจุดเกิดเหตุ ซึ่งจะล่าช้ากว่ากำหนดเวลาการเดินทาง จำนวน 2 ขบวน ดังนี้
1. ขบวนรถพิเศษโดยสารที่ 948 (ปาดังเบซาร์ - ชุมทางหาดใหญ่)
2. ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 45 (ชุมทางหาดใหญ่ - ปาดังเบซาร์)
ซึ่งทางการรถไฟฯ ต้องขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้ โดยผู้โดยสารสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนลูกค้าสัมพันธ์ CALL CENTER 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง
นายเอกรัช กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอให้ประชาชนและผู้โดยสารให้ความมั่นใจในความปลอดภัย เนื่องจากที่ผ่านมาการรถไฟฯ ได้ร่วมกับฝ่ายความมั่นคงในการเพิ่มระดับการรักษาความปลอดภัยและเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด พร้อมทั้งเดินหน้ากิจกรรมมวลชนสัมพันธ์กับชุมชนในพื้นที่ ตามนโยบายของ นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่กำชับให้เจ้าหน้าที่การรถไฟฯ ปฏิบัติหน้าที่โดยเน้นสร้างการมีส่วนร่วมจากชุมชนอย่างใกล้ชิด ด้วยการเปิดรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วน ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากพี่น้องประชาชน ผู้นำศาสนา และหน่วยงานท้องถิ่น ในการนำเสนอความเห็นเพื่อนำมาใช้ปรับแนวทางเดินรถในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้มีความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัยต่อประชาชน และเพิ่มความเข้มข้นในการรักษาความปลอดภัยเส้นทางเดินรถภาคใต้จากสถานีชุมทางหาดใหญ่ – ปาดังเบซาร์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนในการเดินทาง
@@ พ่นสีสเปรย์บนถนน – วางระเบิดปลอม
เมื่อเวลา 09.00 น.วันจันทร์ที่ 2 ม.ค.66 พ.ต.ท.สุวัฒน์ เจ๊ะดาโอ๊ะ สารวัตรสอบสวน สภ.ห้วยปลิง อ.เทพา จ.สงขลา ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่กำลังผสมว่า พบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิดข้างทาง ขณะนำกำลังเข้าไปตรวจจุดและทำการลบรอยพ่นสีสเปรย์สีแดงบนพื้นถนนซึ่ฃเขียนข้อความ “PATANI MERDEKA" ซึ่งแปลว่า “เอกราชปาตานี” ที่บริเวณถนนระหว่าง หมู่ 10 บ้านควนหรัน - หมู่ 6 บ้านนาจวก ต.ท่าม่วง อ.เทพา จ.สงขลา ซึ่งรับได้รับแจ้งตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 ม.ค.66 จึงประสานกำลังเจ้าหน้าที่อีโอดีเข้าตรวจสอบ
หลังจากทางเจ้าหน้าที่ชุดอีโอดี มาถึงที่เกิดเหตุได้เข้าทำการปิดกั้นพื้นที่ เพื่อทำการเข้าตรวจสอบพบว่า วัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิดมีจำนวน 2 ลูก ทำจากท่อพีวีซีสีฟ้า เส้นผ่าศูนย์กลางขนาด 7 เซ็นติเมตร ยาว 25 เซ็นติเมตร ห่อหุ้มด้วยเทปพันสายไฟต่อสายไฟและสวิตช์ ด้านในบรรจุด้วยดินและทราย ไม่พบเชื้อปะทุหรือดินระเบิดแต่อย่างใด จึงได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ชุดพิสูจน์หลักฐานเข้าเก็บวัตถุพยานเพื่อนำไปตรวจพิสูจน์ต่อไป
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่า การพ่นสีสเปรย์บนถนนและวางวัตถุต้องสงสัยของกลุ่มก่อเหตุรุนแรง เป็นการสร้างสถานการณ์เพื่อแสดงสัญลักษณ์ก่อนครบรอบ 19 ปีไฟใต้
@@ พบถังดับเพลิงผูกติดโคนเสาไฟฟ้าแรงสูง
ต่อมาเมื่อเวลา 15.40 น.วันอังคารที่ 3 ม.ค.66 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ห้วยปลิง ได้รับแจ้งพบวัตถุต้องสงสัยบริเวณเสาไฟฟ้าแรงสูงในพื้นที่บ้านลำไพล หมู่ 1 รอยต่อกับบ้านควนหลุด บ้านย่อยบ้านควนเจดีย์ หมู่ 6 ต.ลำไพล อ.เทพา จ.สงขลา จึงได้ประสานกำลังเจ้าหน้าที่อีโอดีเข้าตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบเป็นถังดับเพลิงสีส้ม ถูกผูกติดไว้กับโคนเสาไฟฟ้าแรงสูง จำนวน 1 ถัง และมีวัตถุต้องสงสัยตั้งอยู่บนพื้นดินใกล้ๆ ใต้เสาไฟฟ้าแรงสูงอีก 3 ลูก ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการปิดกั้นพื้นที่ เพื่อรอทางเจ้าหน้าที่ชุดอีโอดีเข้าทำการตรวจสอบและเก็บกู้ต่อไป
@@ ฝ่ายความมั่นคงคุมเข้มนราธิวาส ครบรอบ 19 ปีไฟใต้
ด้านมาตรการดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ จ.นราธิวาส ซึ่งในวันพุธที่ 4 ม.ค.66 จะครบรอบ 19 ปี เหตุการณ์ปล้นปืน ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ หรือ "ค่ายปิเหล็ง” อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ทำให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของ จ.นราธิวาส ได้เพิ่มความเข้มงวดในการเฝ้าระวังดูแลสถานที่ราชการ และมีการตั้งจุดตรวจจุดสกัดในพื้นที่ชุมชนเป็นพิเศษ
โดยในพื้นที่ อ.เมืองนราธิวาส พ.ต.อ.เจฟฟรีย์ ไศลมานกุล ผู้กำกับการ สภ.เมืองนราธิวาส ได้สั่งกำชับเจ้าหน้าที่ 4 ฝ่าย (ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ภาคประชาชน) เฝ้าระวังสถานการณ์ร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นด้วยการจัดกำลังคุมเข้ม จุดตรวจ จุดสกัดบนถนนสายหลักและสายรองก่อนเข้าตัวเมืองนราธิวาส ด้วยการตรวจสอบรถยนต์-รถจักรยานยนต์เป้าหมาย รวมทั้งบุคคลต้องสงสัยที่จะสัญจรผ่านด่านตรวจผ่านเข้าไปยังเขตเทศบาลเมืองนราธิวาสอย่างละเอียด เพื่อป้องกันกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบแฝงตัวนำสิ่งของวัตถุระเบิด ปะปนเข้ามากับประชาชนเข้าพื้นที่ โดยให้มีการปฏิบัติเป็นไปอย่างเข้มข้นตลอด 24 ชั่วโมง อีกทั้งให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความไม่ประมาท เพิ่มความระมัดระวังในทุกภารกิจ
ขณะที่ น.ท.อำนาจ ภู่ทอง ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน กองทัพเรือ 33 ได้สั่งการให้กองร้อยปืนเล็กที่ 1 หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน กองทัพเรือ 33 ซึ่งรับผิดชอบในพื้นที่ ต.โคกเคียน อ.เมือง จ.นราธิวาส ตั้งจุดตรวจ จุดสกัดไม่ประจำที่ เพื่อสกัดกั้นกลุ่มผู้ไม่หวังดีลอบมาก่อเหตุในพื้นที่ พร้อมทั้งพบปะพูดคุยสร้างความเข้าใจกับชาวบ้านในพื้นที่ เพื่อเป็นหูเป็นตาให้อีกแรงหนึ่ง
ส่วนพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก ซึ่งเป็นแนวชายแดน ไทย- มาเลเซีย พ.ต.อ.ปรัชญา ไบเตะ ผู้กำกับการ สภ.สุไหงโก-ลก ได้กำชับกองกำลังทั้ง 4 ฝ่าย (ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ภาคประชาชน) จัดกำลังคุมเข้มตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ติดตามเฝ้าระวังและป้องกันพื้นที่อย่างเข้มงวด โดยเฉพาะเส้นทางเข้า-ออก อ.สุไหงโก-ลก ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจ พร้อมเน้นย้ำในการปฎิบัติหน้าที่ตั้งอยู่บนความไม่ประมาท เนื่องจากเกรงจะตกเป็นเป้าของกลุ่มผู้ก่อเหตุความไม่สงบ ที่พยายามเคลื่อนไหวก่อเหตุร้ายในการตอบโต้ พร้อมกำชับให้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่เข้ามาในพื้นที่เป็นพิเศษอีกด้วย