“เวลาเขาออกจากบ้านก็จะมองเขาจนสุดตา แล้วภาวนาขอพรตลอดให้เขารอดปลอดภัย และลูกน้องทุกคนปลอดภัย”
เป็นความในใจของ อุบล จันทวาส ภรรยาของ ด.ต.เชิด จันทวาส ตำรวจ สภ.เมืองนราธิวาส ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุคาร์บอมบ์ เมื่อวันที่ 22 พ.ย.65 ปัจจุบันยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์
ความรู้สึกของ อุบล คงไม่ต่างจากภรรยาตำรวจทุกคนที่สามีต้องทำงานอยู่ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ แม้สถานการณ์โดยรวมจะดีขึ้นขนาดไหน ฝ่ายความมั่นคงจะเปิดตัวเลขสถิติว่าเหตุรุนแรงลดลงอย่างไร แต่ภยันตรายที่ไม่คาดฝันยังเกิดได้ทุกวินาที
อย่างเช่นครั้งนี้ ใครจะคิดว่าคนร้ายจะกล้ามาวางระเบิดถึงในพื้นที่แฟลตตำรวจ แถมยังเป็น “คาร์บอมบ์” โดยขับรถมาจอดหน้าตาเฉย กลางวันแสกๆ ไม่กลัวโดนตรวจจับ ไม่กลัวถูกจับสังเกตได้ เมื่อซ้อนรถจักรยานยนต์ของเพื่อนร่วมขบวนการออกไป ก็กดจุดระเบิด โดยไม่สนว่าใครจะเจ็บ ใครจะตาย ทั้งครอบครัวตำรวจ ผู้หญิง คนแก่ และเด็ก
พื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้จึงไม่เคยปลอดภัย 100% และคนเป็นแม่ เป็นเมีย เป็นลูก ก็ต้องคอยห่วง ตั้งตารอเวลาที่พ่อ เวลาที่สามีออกไปปฏิบัติหน้าที่แต่ละวัน ว่าจะได้กลับมากินข้าวร่วมกับครอบครัวหรือไม่
“วันนั้นอยู่ด้วยกัน ลูกไปโรงเรียน ก็ตลอดที่ผ่านมา ก็ห่วงทุกครั้ง...ก็ไม่ได้คิดว่าแต่ละวันจะเจออะไร แต่เราก็ขอพรตลอดให้ปลอดภัย ให้คนของเราปลอดภัย ลูกต้องปลอดภัยด้วย” อุบลเล่าถึงหัวอกของคนเป็นแม่ เป็นเมีย
มาลัยรัตน์ สาระพิชยาภรณ์ แม่บ้านตำรวจ ที่ได้รับบาดเจ็บ ต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ เล่าเหตุการณ์ในวินาทีคาร์บอมบ์
“กำลังป้อนข้าวลูก ส่วนแฟนกำลังเตรียมตัวจะไปเข้าเวรพร้อมกับผู้กองอ๊อด (ร.ต.อ.สุทธิรักษ์ พันธนิยะ รอง สวป.ที่เสียชีวิต) แต่ระเบิดดังขึ้นเสียก่อน ยังไม่ทันได้ออกไป แฟนก็ได้รับบาดเจ็บ แต่เล็กน้อยส่วนตัวเองมีสะเก็ดระเบิดติดอยู่ ถามว่ายังสู้ไหม ก็พร้อมสู้ต่อไป” เธอเล่าเหมือนเป็นชะตาชีวิตที่ต้องยอมรับ เมื่อเลือกเป็นภรรยาของตำรวจชายแดนใต้
ขณะที่ ด.ต.เชิด ผู้เป็นสามี และหัวหน้าครอบครัวจันทวาส เล่าว่า เขาได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบ ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้ว
“แม้ครั้งนี้ไม่ได้รับบาดเจ็บมาก หมอให้กลับมารักษาตัวที่บ้านได้ แต่หูก็ยังรู้สึกไม่ปกติ ต้องไปตามนัดของแพทย์ ระหว่างนี้ก็ยังปฏิบัติหน้าที่ปกติ ก็ต้องสู้ แม้จะโดนระเบิดมา 3 ครั้ง ครั้งแรกปี 2549 ครั้งที่ 2 ปี 2551 และครั้งนี้เป็นครั้งที่สาม แต่ถือว่าไม่ได้รับบาดเจ็บมาก แค่โดนแรงอัด”
“จริงๆ ถ้านับเรื่องเหตุรุนแรง ผมโดนมาเยอะมาก เราต้องเข้าเวร ต้องทำงาน มีลูกสองคน เราอยู่ที่เกิดเหตุก็โชคดีที่ไม่เป็นอะไร ก็ต้องสู้ต่อไป เพราะไม่รู้จะไปไหน ที่นี่บ้านเรา เราอยู่มานานแล้ว บ้านใครใครก็ห่วง ไม่มีที่ไหนมีความสุขเท่าบ้านของเรา” เป็นภาพชีวิตของตำรวจที่สะท้อนมาจากผู้ปฏิบัติงานจริง ที่เรียกกันว่า “เล่นจริง เจ็บจริง
ส่วน ด.ต.รัตชัย สุขนันท์ ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อีก 1 นายที่อาการหนักกว่า ด.ต.เชิด เพราะต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เขาบอกว่า ครั้งนี้เป็นครั้งแรกชองเขาที่เกิดเหตุกับตัวเอง แต่ก็ขอภาวนาให้เป็นเหตุการณ์สุดท้าย ตนนี้ยังต้องรักษาอาการต่อเนื่อง เพราะสะเก็ดระเบิดยังฝังใน
@@ นักเรียนผวา ร้องไห้หนีระเบิด เปิดเรียนแล้วยังขาดเพียบ
ผู้ได้รับผลกระทบอีกกลุ่มหนึ่งจากเหตุคาร์บอมบ์ ก็คือนักเรียนและครูโรงเรียนนราสิกขาลัย ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับแฟลตที่พักข้าราชการตำรวจที่โดนคาร์บอมบ์
หลังเกิดเหตุทางโรงเรียนได้ประกาศหยุดการเรียนการสอนแบบฉุกเฉินเป็นเวลา 2 วัน คือวันพุธที่ 23 และพฤหัสบดีที่ 24 พ.ย.65 เนื่องจากวันเกิดเหตุมีเศษซากชิ้นส่วนจากอานุภาพของระเบิดกระเด็นไปตกสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินของโรงเรียน ทั้งกระเบื้อง กระจก และเพดาน ดยทางโรงเรียนประเมินความเสียหายประมาณ 200,000 บาท
ในวันเกิดเหตุเด็กนักเรียนส่วนใหญ่เกิดความหวาดกลัว บางคนถึงกับร้องไห้และวิ่งหนีเสียงระเบิดกันอย่างชุลมุน ทำให้โรงเรียนประกาศปิดเรียนออนไซต์ (On-site) และเปิดเรียนออนไลน์แทน 2 วัน
กระทั่งวันศุกร์ที่ 25 พ.ย. โรงเรียนเปิดการเรียนการสอนตามปกติ แม้นักเรียนกว่าร้อยละกว่า 80 จะมาเรียนหนังสือตามปกติ แต่อีกกว่าร้อยละ 10 ไม่มาโรงเรียน ส่วนหนึ่งเป็นลูกหลานของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประสบเหตุ
จากการตรวจสอบของทางโรงเรียนพบว่า นักเรียนบางส่วนได้รับผลกระทบทางจิตใจ และบางส่วนต้องรับหน้าที่ดูแลครอบครัวและเครือญาติที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์คาร์บอมบ์
ภานุวัฒน์ เดิมขุม นักเรียนโรงเรียนนราสิกขาลัย เล่าว่า ตอนเกิดเหตุตนอยู่ในห้องสมุด และได้ยินเสียงดังมากหน้าโรงเรียน ผมไม่คิดว่าจะเป็นระเบิด และได้เดินออกมาเห็นกลุ่มควันที่ลอยขึ้นบริเวณแฟลตตำรวจ รู้สึกสะเทือนขวัญมาก หลังจากนั้นคุณครูและนักเรียนได้ช่วยเหลือกัน โดยพากันหลบหนีไปทางด้านหลังของอาคาร ซึ่งเด็กนักเรียนไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ แต่มีอาการตกใจ นักเรียนบางคนงกับร้องไห้
ด้าน นายสัญญา สุขเพชร ผู้อำนวยการโรงเรียนนราสิกขาลัย กล่าวว่า เมื่อวันศุกร์นักเรียนส่วนใหญ่กลับมาเรียนตามปกติ บางคนยังมีอาการหวาดกลัวอยู่บ้าง แต่ได้ให้คุณครูและเพื่อนๆ คอยให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ทำให้เด็กมีกำลังใจมากขึ้น และทางโรงเรียนได้ให้เด็กทุกคนทำแบบประเมินสภาพจิตใจ เพื่อจะวัดว่าเด็กคนไหนที่ยังมีปัญหาอยู่ ก็จะรีบให้สหวิชาชีพเข้ามาดูแล
@@ “ทวี” วอนสังคมร่วมให้กำลังใจตำรวจชายแดนใต้
เมื่อวันเสาร์ที่ 26 พ.ย.65 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ พร้อมด้วย นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ, นายกูเฮง ยาวอหะซัน ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ, พล.ต.ท.พัฒนวุธ อังคะนาวิน ผู้บัญชาการสำนักงานงบประมาณและการเงิน และอดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส, นายธนาวิทย์ ไชยานุพงศ์ อดีตนายกเทศมนตรีเมืองนราธิวาส ในฐานะคณะกรรมการยุทธศาสตร์ของพรรคประชาชาติ และ นายอัฟฟาน หะยียูโซะ ผู้ประสงค์ลงสมัคร ส.ส.นราธิวาส เขต 1 ของพรรค ได้ร่วมกันพื้นที่เยี่ยมเยียนและให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บ และครอบครัวข้าราชการตำรวจที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ลอบวางระเบิด “คาร์บอมบ์” บริเวณแฟลตที่พักข้าราชการตำรวจ ตรงข้ามโรงเรียนนราสิขาลัย ถนนสุริยะประดิษฐ์ ต.บางนาค อ.เมืองนราธิวาส เมื่อช่วงเที่ยงของวันอังคารที่ 22 พ.ย.65 เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 46 ราย และเสียชีวิต 1 ราย
การเดินทางลงพื้นที่ครั้งนี้มี พ.ต.อ.เจฟฟรีย์ ไศลมานกุล อดีตผู้กำกับการ สภ.เมืองนราธิวาส ซึ่งเพิ่งถูกย้ายไปช่วยราชการ มารอต้อนรับ และพาพบปะครอบครัวข้าราชการตำรวจ พร้อมแจ้งถึงสิทธิและการช่วยเหลือจากผู้บังคับบัญชา โดยข้าราชการตำรวจและครอบครัวยืนยันว่ามีกำลังใจสู้ต่อไป เพราะ การดูแลประชาชน คือหน้าที่ของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์
จากนั้น พ.ต.อ.ทวี ได้นำคณะไปที่วัดบางนรา อ.เมืองนราธิวาส เพื่อเคารพศพ ร.ต.อ.สุทธิรักษ์ พันธ์นิยะ หรือ “ผู้กองอ๊อด” รองสารวัตรป้องกันและปราบปราม (รอง สวป.) สภ.เมืองนราธิวาส ที่เสียชีวิตจากเหตุคาร์บอมบ์ และได้ร้องเตือนคนอื่นๆ ไม่ให้เข้าใกล้รถต้องสงสัยก่อนจะโดนแรงอัดระเบิดจนสิ้นชีพ
โอกาสนี้ พ.ต.อ.ทวี ได้ให้กำลังใจครอบครัวของ ร.ต.อ.สุทธิรักษ์ ทั้งยังชื่นชม ร.ต.อ.สุทธิรักษ์ ว่าเป็นฮีโร่ ปกป้องทุกคนจนต้องยอมสละชีพ
นอกจากนั้น พ.ต.อ.ทวี ยังได้เดินทางไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บที่อาการสาหัส ยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เมืองนราธิวาส อีก 2 ราย คือ ด.ต.รัตชัย สุขนันท์ และ นางมาลัยรัตน์ สาระพิชยาภรณ์ ทั้ง 2 รายมีสะเก็ดระเบิดฝังในร่างกาย แพทย์ต้องรักษาอาการอย่างต่อเนื่อง
สำหรับเหตุการณ์คาร์บอมบ์ที่เกิดขึ้น มีผู้ได้รับผลกระทบด้านร่างกายจำนวน 47 ราย แบ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ 26 ราย และประชาชน 21 ราย โดยในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บสาหัส 2 ราย บาดเจ็บปานกลาง 5 ราย และบาดเจ็บเล็กน้อย 39 ราย ขณะนี้แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว 36 ราย และนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 10 ราย
ที่น่าตกใจคือ ในจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บ เป็นเด็ก 2 ราย อายุ 1 ปี 1 ราย และอายุ เพียง10 เดือน อีก 1 ราย
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ได้มาเยี่ยมให้กำลังใจครอบครัวของ “ผู้กองอ๊อด” ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ และครอบครัวข้าราชการตำรวจที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด ขอชื่นชม “ผู้กองอ๊อด” ที่ได้ร้องเตือนทุกคน ถือเป็นความรอบคอบ ไม่ประมาท แต่ก็ยังเกิดความสูญเสีย ครอบครัวของ “ผู้กองอ๊อด” ถือเป็นครอบครัวตัวอย่าง เป็นคนที่เก็บหอมรอมริบ ส่งลูกเรียนสูงๆ ทุกคน คนโตจบปริญญาตรี คนที่สองเรียนแพทย์ และคนที่สามกำลังเรียนมัธยม ขณะที่ตัว “ผู้กองอ๊อด” ก็ทำงานให้กับประชาชนจริงๆ การสูญเสียครั้งนี้เป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ ส่วนตัวและพรรคประชาชนขอให้กำลังใจ พร้อมยังให้กำลังใจข้าราชการตำรวจในจังหวัดชายแดนภาคใต้ทุกคน และขอให้สังคมร่วมกันให้กำลังใจด้วย