“โปรดฟัง อีกครั้งนะครับ นี่คือผู้ใหญ่บ้าน ใครที่อยู่ในบ้าน ก็ขอให้ออกมานะครับ ถ้ามี...เวลาออกมามอบตัวก็ขอให้ถอดเสื้อ หลังจากนั้นก็ขอให้ยกมือขึ้น เจ้าหน้าที่ยืนยันว่าปลอดภัยแน่นอน ถ้าออกมามอบตัว เจ้าหน้าที่รับประกัน”
นี้คือคำพูดสุดท้ายของผู้ใหญ่บ้าน เจ๊ะมูหามะญากี เจ๊ะเด็ง แห่งบ้านดอนรักจะรัง หมู่ 7 ต.ดอนรัก อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ขณะเจรจาเกลี้ยกล่อมให้ นายมะนาเซะ ไซร์ดี ผู้ต้องหาคดีความมั่นคงคนสำคัญออกมามอบตัว หลังถูกเจ้าหน้าที่ปิดล้อม แต่แล้ว...ไม่มีใครคาดคิด เขากลับถูกกระสุนปืนที่ยิงสวนออกมา จนได้รับบาดเจ็บสาหัส และไปสิ้นใจระหว่างทางไปโรงพยาบาล
ความสูญเสียลักษณะนี้ แทบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตลอดสถานการณ์ไฟใต้ที่ยืดเยื้อมาเกือบครบ 2 ทศวรรษ
จุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ คือเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงนำกำลังเข้าปิดล้อมบังคับใช้กฎหมายกับผู้ต้องสงสัยที่เข้าไปเคลื่อนไหวและหลบซ่อนเพื่อเตรียมการก่อเหตุในพื้นที่บ้านดอนรักจะรัง โดยคนร้ายยิงต่อสู้เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่บาดเจ็บ 2 นาย และเจ๊ะมูหามะญากี ผู้ใหญ่บ้านที่ร่วมปฏิบัติหน้าที่เจรจา ถูกยิงเสียชีวิต ส่วน นายมะนาเซ ถูกวิสามัญฆาตกรรม ปิดตำนานผู้ต้องหาคดีความมั่นคง 7 หมายจับ
การสูญเสียในครั้งนี้เกิดจากหน้าที่และความรับผิดชอบที่ในฐานะผู้ใหญ่บ้านของ เจ๊ะมูหามะญากี ที่ไม่อยากให้เกิดความรุนแรงในพื้นที่รับผิดชอบของตนเอง และหวังลดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนไม่ว่าจะฝ่ายใดก็ตาม
หลังการเสียชีวิตของผู้ใหญ่บ้าน มีการเผยแพร่ภาพของเจ๊ะมูหามะญากี ขณะกำลังเจรจาเกลี้ยกล่อมให้ผู้ที่ซ่อนตัวอยู่ภายในบ้านต้องสงสัย ออกมามอบตัว โดยพูดผ่านเครื่องขยายเสียง ขณะที่คลิปวีดีโอที่บันทึกคำพูดสุดท้่ายเอาไว้ ก็ถูกแชร์ต่อๆ กันด้วย เนื้อหาไม่ปรากฏว่าเป็นความยั่วยุให้ใช้ความรุนแรงแต่อย่างใดทั้งสิ้น
หลังจากนั้น ผู้ใหญ่บ้านจึงได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบบ้านแต่ละหลังในละแวกเดียวกันกว่า 10 หลัง กระทั่งมาถึงบ้านหลังสุดท้าย คนร้ายที่หลบซ่อนตัวอยู่ได้ใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม.ยิงออกมาจนถูกผู้ใหญ่บ้านได้รับบาดเจ็บสาหัส เนื่องจากกระสุนปืนถูกยิงที่ขาขวาตัดเส้นเลือดใหญ่ เสียเลือดมาก เป็นเหตุให้ผู้ใหญ่บ้านเสียชีวิตระหว่างถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลปัตตานี
เมื่อครอบครัวและญาติๆ ของผู้ใหญ่บ้านทราบข่าว ทุกคนต่างเร่งเดินทางไปที่โรงพยาบาลปัตตานี แต่ก็ไม่ทันได้สั่งเสียดูใจ เพราะทราบข่าวร้ายว่าผู้ใหญ่บ้านเสียชีวิตแล้ว ทำให้ครอบครัวและญาติๆ ร้องไห้เสียใจ โดยเฉพาะลูกสาวที่ยังรับไม่ได้กับเรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้น
ทางครอบครัวและญาติได้นำร่างไร้วิญญาณของนายเจ๊ะมูหามะญากี ไปประกอบพิธีทางศาสนาอิสลาม ที่บ้านเลขที่ 1/6 หมู่ 8 ต.ตุยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี และได้ทำพิธีฝั่งศพที่กูโบร์บ้านดอนรัก ในวันอังคารที่ 8 พ.ย.65 ชาวบ้านและประชาชนในพื้นที่จำนวนมากต่างเดินทางมาให้กำลังใจแก่ครอบครับของผู้ใหญ่บ้าน โดยมี พล.ต.ขจรศักดิ์ อินทร์ทอง ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี, ว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี พร้อมด้วยตัวแทนหน่วยงานราชการและภาคประชาสังคมเดินทางมาให้กำลังใจและมอบเงินช่วยเหลือแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต
สำหรับครอบครัวของเจ๊ะมูหามะญากี มีสมาชิก 3 คน โดยมี น.ส.รอมียะห์ มูดอ อายุ 48 ปี เป็นภรรยา และมีลูกสาว 2 คน คือ น.ส.รอยฮาน เจ๊ะเด็ง อายุ 25 ปี ลูกสาวคนโต และ น.ส.นารีมัน เจ๊ะเด็ง อายุ 21 ปี ลูกสาวคนเล็ก หลังจากต้องสูญเสียผู้เป็นพ่อ ซึ่งถือว่าเป็นเสาหลักของครอบ ภาระหน้าที่ในการดูและต้องตกอยู่กับ น.ส.รอยฮาน บุตรสาวคนโต ที่ต้องทำหน้าที่ดูแลครอบครัวต่อจากผู้เป็นพ่อที่ต้องจากไป
น.ส.รอยฮาน เจ๊ะเด็ง ลูกสาวคนโตของผู้ใหญ่บ้าน เผยว่า ปกติพ่อเป็นคนทุ่มเทในการทำงาน ชอบช่วยเหลือผู้อื่น เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ก็รู้สึกเสียใจ ไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ต้องยอมรับมันให้ได้ แต่ก็ภาคภูมิใจในตัวพ่อที่ได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุด
"คุณพ่อถือเป็นวีรบุรุษสำหรับหนูและก็อีกหลายๆ คน ตอนนี้มีทุกหน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือ และตัวหนูเองก็ต้องทำหน้าที่แทนพ่อ ต้องดูแลแม่และน้องสาวให้ดีต่อไป"
ว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า ในการให้ความช่วยเหลือครอบครัวของผู้เสียชีวิต มีหลายหน่วยงานทั้งเยียวยาจังหวัด สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด กองทัพบก ชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านจังหวัดปัตตานี และภาคส่วนอื่นๆ ที่พร้อมใจกันดูแล เพราะถือว่าเป็นความเสียสละของผู้ที่ทำหน้าที่เพื่อบ้านเมือง สิ่งที่คนไม่อยากเห็นก็คือ ภาพของความสูญเสีย ซึ่งไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ฉะนั้นขอถือโอกาสนี้วิงวอนให้ผู้เกี่ยวข้องหันกลับมาทบทวน และมาช่วยกันทำให้บ้านเมืองเรามีความผาสุกและเจริญยิ่งขึ้น
พล.ต.ขจรศักดิ์ อินทร์ทอง ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี กล่าวว่า การสูญเสียของผู้ใหญ่บ้าน สำหรับตนรู้สึกสรรเสริญอย่างมาก เนื่องจากผู้ใหญ่บ้านท่านดูแลลูกบ้านของท่าน ดูแลประชาชนในพื้นที่ของท่าน ท่านมีความเข้าใจดี และมีความรับผิดชอบในหน้าที่มาก ท่านไม่ต้องการที่จะทำร้ายใคร ท่านต้องการให้เกิดความสงบสุข ท่านต้องการไม่ให้เกิดความสูญเสีย แม้กระทั่งผู้ที่ทำผิดกฎหมาย ผู้เห็นต่าง ท่านก็ไม่อยากให้เกิดความสูญเสีย ท่านจึงได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ในการเข้าไปเจรจาเพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสีย แต่เหตุการณ์สุดวิสัยที่เกิดขึ้น ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น การกระทำของท่านต้องยอมรับว่าหาที่ไหนไม่ได้ ในการเสียสละของผู้ใหญ่บ้าน เพราะท่านเห็นแก่ความสันติสุขที่เกิดขึ้น "ท่านสมควรเป็นวีรบุรุษ ขอสดุดีท่านด้วยหัวใจ"
นายบาฮารุดดีน ยูโซะ นายกสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า รู้สึกเสียใจต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิตในครั้งนี้ ผู้ใหญ่บ้านถือว่าเป็นผู้ที่กล้าหาญ ทำเพื่อบ้านเมืองและประเทศชาติ ซึ่งหลังจากนี้ทางเราจะมีการเพิ่มมาตรการในการสร้างความเข้าใจให้กำนันและผู้ใหญ่บ้าน ให้เพิ่มความระมัดระวังในการในการเข้าไปเคลียร์พื้นที่ ครั้งนี้ถือว่าเป็นบทเรียนราคาแพง ซึ่งผู้ใหญ่เองก็คงไม่คาดคิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ก็ถือว่าเป็นการทำหน้าที่ที่ดีที่สุด