“บิ๊กป้อม” เป็นประธานเปิด “มหกรรมแรงงานไทยจากชายแดนใต้สู่ตลาดแรงงานโลกมุสลิม” นำร่องซาอุฯที่เพิ่งฟื้นความสัมพันธ์ พร้อมถือฤกษ์เปิดสถาบันภาษานานาชาติ จับมือ 4 มหาวิทยาลัย ส่งเสริมการเรียนรู้ 6 ภาษา โดยเฉพาะอาหรับ มลายู ตุรกี และจีน ลุยพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษนราธิวาส ควบคู่เมืองต้นแบบ เตรียมเปิด “หอดูดาวจำลอง” เปิดโลกดาราศาสตร์ให้เด็กๆ ชายแดนใต้
เมื่อเวลา 10.00 น. วันเสาร์ที่ 22 ต.ค.65 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) พร้อมด้วย นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม, นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง, พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และคณะ เดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อติดตามความก้าวหน้าและผลการปฏิบัติงาน
คณะของ พล.อ.ประวิตร ไปที่ศูนย์ราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ อ.เมืองยะลา จ.ยะลา โดยได้เยี่ยมชมนิทรรศการท้องฟ้าจำลอง โดยมีผู้อำนวยการหอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษาสงขลา เป็นผู้รายงานความคืบหน้า จากนั้นรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานเปิด “มหกรรมแรงงานไทยจากจังหวัดชายแดนภาคใต้สู่ตลาดแรงงานที่มีทักษะโลกมุสลิม” พร้อมทั้งเยี่ยมชมนิทรรศการการช่วยเหลือแรงงานไทยจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และการเตรียมการจัดแรงงานไทยจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปทำงานยังประเทศซาอุดิอาระเบีย โดยมี พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมให้การต้อนรับ
สำหรับการดำเนินการและความก้าวหน้าของสถานการณ์แรงงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัจจุบันมีประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไปจำนวนกว่า 2,770,167 คน เป็นผู้อยู่ในวัยแรงงาน 1,868,606 คน ร้อยละ 67.45 ในจำนวนนี้จำแนกเป็นผู้มีงานทำ 1,818,111 คน ร้อยละ 97.32 ผู้ว่างงาน 50,123 คน ร้อยละ 2.68 และกำลังแรงงานที่รอฤดูกาล จำนวน 372 คน ร้อยละ 0.02
ทั้งนี้ ศอ.บต.ได้ร่วมกับกระทรวงแรงงานช่วยเหลือด้านอาชีพไปแล้วกว่า 14,626 คน ในการจัดส่งแรงงานไปทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมนอกพื้นที่จำนวน 3,448 คน และสร้างอาชีพทางเลือกให้เข้าร่วมกลุ่มเกษตรกร รวมทั้งวิสาหกิจชุมชน อีกทั้งยังได้ฝึกอบรมทักษะและแนะแนวอาชีพจนสามารถเข้าสู่ตลาดแรงงานได้กว่า 3,226 คน ซึ่งกระทรวงแรงงานได้จัดระบบการอำนวยความสะดวกการทำงานในประเทศมาเลเซีย พร้อมทั้งให้ความรู้เกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ และการปฏิบัติตนตามกฎหมายเกี่ยวกับแรงงาน
รองนายกรัฐมนตรี ยังได้เยี่ยมชมการประชาสัมพันธ์และการรับสมัครแรงงานเพื่อเดินทางไปทำงานยังประเทศซาอุดิอาระเบียตามหลักเกณฑ์ของกรมการจัดหางาน และที่กระทรวงแรงงานกำหนด โดยมีผู้ที่แจ้งความประสงค์ไว้จำนวน 655 คน ซึ่งหลังจากนี้กระทรวงแรงงานจะมีการจัดฝึกอบรมทักษะฝีมือ และสถาบันภาษานานาชาติจังหวัดชายแดนภาคใต้ สนับสนุนการสอนภาษาอาหรับ และภาษาอังกฤษ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนส่งแรงงานไปทำงานที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย
โอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรี ได้มีการติดตามความก้าวหน้าผลการดำเนินกิจกรรมตามมติ กพต. ได้แก่ จุดที่ 1 ธนาคารสื่อสร้างสรรค์จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นการส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาไทยในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กตั้งแต่ปี 2562 รวม 225 แห่ง และมีเด็กเล็กที่เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 32,393 คน เพื่อต้องการให้เด็กและเยาวชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าถึงโอกาสการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องควบคู่กับการใช้สื่อสร้างสรรค์ส่งเสริมพัฒนาการเรียนรู้ตามช่วงวัยผ่านสื่ออุปกรณ์ที่ผลิตขึ้นมาเก็บรวบรวมไว้ โดยเปิดบริการให้เด็กชั้นอนุบาลถึงประถมศึกษา สลับหมุนเวียนกันมาเรียนรู้ที่บริเวณชั้น 4 ของอาคารศูนย์ราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้
จากนั้นรองนายรัฐมนตรี ได้เดินทางไปเปิดสถาบันภาษานานาชาติจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งสถาบันแห่งนี้ ศอ.บต. ได้บูรณาการร่วมกับ 4 มหาวิทยาลัย ส่งเสริมการใช้ภาษาจำนวน 6 ภาษา ได้แก่ ภาษาไทย ภาษาอาหรับ ภาษาจีน ภาษามลายู ภาษาอังกฤษและภาษาตุรกี เพื่อใช้เป็นพื้นที่กลางแหล่งเรียนรู้ด้านภาษา พัฒนาเยาวชนสู่ตลาดแรงงานระดับโลก
และได้เดินทางไปเยี่ยมชมภาพจำลองหอเฉลิมพระเกียรติ “รายอ กีตอ” ซึ่งจะจัดทำเป็นแหล่งรวบรวมชีวประวัติของสถาบันพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ถึงรัชกาลที่ 10 และพระราชกรณียกิจในราชวงศ์จักรี รวมถึงเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์เพื่อต้องการปลูกจิตสำนักและเปิดโอกาสเยาวชนและประชาชนทั่วไปเข้ามาศึกษาเรียนรู้ โดยจัดไว้ ณ ชั้น 14 – 15 ของศูนย์ราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า รัฐบาลมีเป้าหมายการทำงานเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีการพัฒนาอย่างทั่วถึง เกิดประโยชน์ต่อประชาชนทุกระดับ โดยผลงานสำคัญของ กพต.ที่ตนเองเป็นประธาน มีเป้าหมายคือ “ประชาชนกินดี อยู่ดี และอยู่ร่วมกันได้ด้วยความรักและสามัคคี” วันนี้สิ่งที่ประชาชนเฝ้ารอและมีความหวังกับรัฐบาล โดย กพต.ที่ลงมาขับเคลื่อนงานการพัฒนาในจังหวัดชายแเนภาคใต้นั้น ต้องทำให้อย่างเต็มที่ และตนเองได้กำชับให้ทุกภาคส่วนทำให้ดีที่สุด เพื่อประโยชน์และความสุขของประชาชน
โดยผลงานสำคัญประกอบด้วย การแก้ไขปัญหาการว่างงานของประชาชนในพื้นที่ สามารถบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากสถานการณ์โควิด-19 ได้กว่า 14,500 ราย การขับเคลื่อนความร่วมมือด้านแรงงานระหว่างไทย – ซาอุดิอาระเบีย โดยมีแรงงานไทยกลุ่มแรกจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มาเข้าร่วมงานวันนี้ กว่า 655 คน ความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซียส่งเสริมพัฒนาแรงงานไทยไปประกอบอาชีพอาหารและบริการร้านอาหารต้มยำกุ้ง แรงงานสวนปาล์ม ยางพารา และประมงอีกกว่า 30,000 ตำแหน่งงาน
ส่วนการพัฒนางานในระดับหมู่บ้านชุมชน มีเอกชนสนับสนุน ที่สำคัญคือเร่งพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษนราธิวาส และเมืองต้นแบบฯ เพื่อให้เกิดงานอาชีพที่หลากหลายแต่สอดคล้องกับวิถีชีวิตประชาชน เช่น อุตสาหกรรมอาหารฮาลาล อุตสาหกรรม BCG เป็นต้น อีกทั้งวันนี้เป็นการเปิดสถาบันภาษานานาชาติ ที่จะเน้นการเรียนรู้ภาษาไทย อาหรับ มลายู จีน อังกฤษ และตุรกี โดยร่วมมือกับสถานศึกษาทุกแห่ง เพื่อส่งเสริมให้นักเรียน นักศึกษา แรงงานที่จะไปทำงานต่างประเทศและประชาชนทั่วไปได้พัฒนาทักษะภาษาให้พร้อมเพื่อติดต่องานและทำงานยังประเทศเป้าหมาย
นอกจากนี้ยังมีการส่งเสริมการเรียนรู้สำหรับเด็กเล็กให้ได้รับการพัฒนาตามช่วงวัย เช่น ธนาคารของเล่น สื่อสร้างสรรค์และการเรียนรู้ของเด็กเล็ก โดยปี 2566 นี้ ศอ.บต. จะได้จัดทำ “หอดูดาวจำลอง” มาไว้ในพื้นที่ เพื่อเป็นที่เรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์และดาราศาสตร์ต่อไป และที่สำคัญสูงสุดของวันนี้ คือ การจัดตั้ง “หอเฉลิมพระเกียรติ รายอกีตอ” ตามแนวพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อให้ประชาชนทุกหมู่เหล่า รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ นับตั้งแต่ในหลวงรัชกาลที่ 5 ถึง รัชกาลที่ 10 และพระบรมวงศานวงศ์ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริน้อยใหญ่เป็นจำนวนมากในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยสายพระเนตรอันยาวไกลที่ต้องการให้พสกนิกรในพื้นที่มีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีในทุกมิติ