30 กันยายน ส่งมอบหน้าที่ ผอ.รมน.ภาค 4 จาก “บิ๊กเกรียง” พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ เป็น พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 คนใหม่
ความน่าสนใจนอกจากการให้คำมั่นสานต่อภารกิจดับไฟใต้แล้ว ยังอยู่ที่ “กฎเหล็ก” ของแม่ทัพที่มอบนโยบายเป็นข้อสั่งการกับ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า มีหลายข้อ ขอยกมาให้อ่านกันอีกครั้ง
1.กำลังพลที่มาบรรจุปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะต้องมาปฏิบัติงานจริง
2.ต้องดูแลเอาใจใส่กำลังพลอย่างใกล้ชิด อย่าให้เกิดความเครียด
3.ต้องดูแลสิทธิกำลังพลอย่างทั่วถึง ตามสิทธิพึงได้รับ
4.การดูแลพื้นที่ด้านการข่าว ต้องเกาะติดและติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่างใกล้ชิด เฝ้าระวังไม่ให้มีการก่อเหตุในช่วงที่มีการจัดประชุม APEC 2022 Thailand ที่จะมีขึ้นในเดือน พ.ย.นี้
5.เน้นย้ำหน่วยที่มีการสับเปลี่ยนเคลื่อนย้ายกำลัง จะต้องไม่ประมาท มีการวางแผนการรักษาความปลอดภัยอย่างรัดกุม
6.ดูแลเป้าหมายอ่อนแอ อย่างใกล้ชิด
ทั้ง 6 ข้อสำคัญทั้งหมด และสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อสถานการณ์ไฟใต้และความมั่นคงของประเทศ แม้แต่ข้อ 2 ก็ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ที่ผ่านมากำลังพลยิงตัวเอง ยิงเพื่อนร่วมงานเยอะมาก ลามไปถึงส่วนกลางที่เพิ่งเกิดเหตุในกรมยุทธศึกษาทหารบก ขณะที่ชายแดนใต้เป็นปัญหาใหญ่ที่ซุกอยู่ใต้พรมมานาน
เรื่องสำคัญและถูกจับตาจากสังคม ซึ่งกระทบต่อภาพลักษณ์กองทัพด้วย คือปัญหา “กำลังพลผี” ซึ่งในบทบรรณาธิการชิ้นก่อนหน้านี้ได้เขียนเอาไว้ชัดเจนแล้ว ท่านที่สนใจย้อนกลับไปอ่านดูได้
ดีใจที่แม่ทัพภาคที่ 4 ให้ความสำคัญ มีข้อสั่งการเป็นข้อแรก ให้กำลังพลที่มาบรรจุปฏิบัติงานในพื้นที่ ต้องมาปฏิบัติงานจริง
เพราะกองทัพและ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ต้องตระหนักว่า แม้ปัญหา “สิบตำรวจโทหญิง” จะเงียบลงไปแล้ว เพราะมีข่าวใหญ่อื่นมาแทรก และกระบวนการสอบสวนของวุฒิสภาทำท่าจะ “ลูบหน้าปะจมูก” แต่เรื่องแบบนี้ประชาชนเขาไม่ลืม และรอดูอยู่ว่าจะมีปัญหาซ้ำเดิมอีกเมื่อใด โดยไม่ได้แก้ไขที่ต้นตอ คือระบบอุปถัมภ์ที่ฝังรากลึก
แต่การแก้ปัญหาที่ปลายทาง คือการตรวจสอบ เพิ่มความเข้มงวดให้กำลังพลที่ได้สิทธิพิเศษทั้งหลาย ต้องลงพื้นที่ปฏิบัติงานจริง เสี่ยงจริง จึงจะสมควรได้เบี้ยเสี่ยงภัยที่จ่ายเพิ่มจากภาษีของพี่น้องประชาชน
เรื่องนี้โยงกับข้อ 3 คือ สิทธิกำลังพล เพราะช่วงที่ข่าว “สิบตำรวจโทหญิง” กำลังดัง ก็มีเสียงครวญจากพี่น้องทหาร ตำรวจ อส. ในพื้นที่ชายแดนใต้ที่ปฏิบัติงานจริง ออกราชการสนามจริง ลาดตระเวนจริง เจ็บจริง ตายจริง สะท้อนมาว่าพวกเขาไม่ได้รับการบรรจุในกรอบอัตรา กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ทำให้ไม่ได้รับสิทธิพิเศษต่างๆ ไม่เหมือนพวกเด็กเส้น ตัวไม่ต้องมา แต่เบิกเงินสบาย
ปัญหานี้โยงกับทุกปัญหา เพราะเมื่อมีความเหลื่อมล้ำ ก็เกิดความน้อยเนื้อต่ำใจ เพิ่มความเครียดที่เครียดอยู่แล้วจากการปฏิบัติงาน ก็อาจทำให้เกิดเหตุการณ์ใช้ความรุนแรงทั้งกับตัวเองและเพื่อนร่วมงาน เมื่อคนไม่มีกำลังใจทำงาน ก็ทำให้เกิดช่องโหว่ช่องว่าง ถูกโจมตี ถูกลอบก่อเหตุได้ง่าย เป้าหมายที่น่ากลัวคือกลุ่มเป้าหมายอ่อนแอ ไทยพุทธ คนชรา
นี่คือวงจรปัญหาที่แม่ทัพภาคที่ 4 ท่านใหม่ สามารถตัดวงจรได้ โดยเริ่มจากการบังคับใช้กฎเหล็กข้อ 1 ให้เป็นรูปธรรม
อยากเรียนฝากท่านทิ้งท้ายว่า พี่น้องประชาชนฝากปัญหา และฝากความหวังไว้กับท่าน อย่างในเพจเฟซบุ๊กของศูนย์ข่าวภาคใต้ สำนักข่าวอิศรา มีคนเข้ามาแสดงความเห็นมากมาย มีอยู่ความเห็นหนึ่งน่าสนใจ ผมขอหยิบยกมาบันทึกไว้ เผื่อท่านแม่ทัพนำไปพิจารณา
ทุกพื้นที่ 4 อำเภอก่อนปี 2547 ชาวพุทธ มุสลิมจะอยู่เย็นเป็นสุขในชุมชน
ปัญหาความไม่สงบอาจมีปัญหาใหญ่จาก
1. การพัฒนาไม่ทั่วถึงทุกด้าน
2. ยาเสพติด พนัน อบายมุข
3. การปกครองรัฐเน้นเชิงรุก แต่ประชาชนเป็นเพียงผู้รับฝ่ายเดียว
4. การพัฒนาที่ไม่จริงจัง ไม่มีการประเมิน ผู้นำในชุมชน คนในชุมชนขาดความรู้
5. ปัญหาความยากจนชีวิตที่มีความเป็นอยู่ดีมีแต่เฉพาะคนที่ลูกๆ รับราชการเท่านั้น เกษตรกรยังไม่ได้รับสวัสดิการที่ดี ในขณะที่คนไทยมีอาชีพเกษตรกรมากที่สุด
เรื่องยาเสพติด ท่านแม่ทัพก็ประกาศเป็นวาระแห่งชาติ ขอให้ท่านทำจริง อย่าลูบหน้าปะจมูก เหมือนการแก้ปัญหา “สิบตำรวจโทหญิง” ก็แล้วกัน