ฝ่ายความมั่นคงเปิดข้อมูล 3 หมายจับ “อับดุลฮากัม เจะมะ” หลังถูกวิสามัญฯ จากเหตุยิงปะทะและพยายามต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ที่เข้าปิดล้อมตรวจค้น เผยตกเป็นผู้ต้องหาคดีฉกรรจ์ทั้งยิงทั้งระเบิด เจ้าหน้าที่อ้างพยายามเกลี้ยกล่อมนานกว่า 5 ชั่วโมง แต่ไม่เป็นผล
นายอับดุลฮากัม เจะมะ วัย 32 ปี กลายเป็นผู้ต้องหาคดีความมั่นคงรายล่าสุดที่เสียชีวิตจากเหตุปิดล้อม ตรวจค้น และยิงปะทะ เมื่อวันเสาร์ที่ 24 ก.ย.65 ที่บ้านหลังหนึ่งใน ต.กะลุวอเหนือ อ.เมือง จ.นราธิวาส
ข้อมูลจากฝ่ายความมั่นคงระบุว่า นายอับดุลฮากัม เป็นผู้ต้องหาคดีความมั่นคงคนสำคัญ มีหมายจับที่ออกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิอาญา) จำนวน 3 หมาย คือ
1. คดีใช้อาวุธปืนยิง นายปกรณ์ ลิแกการวงศ์ เสียชีวิต พื้นที่ สภ.ยี่วอ จ.นราธิวาส เมื่อวัน 10 ก.พ.60
2. คดียิงเจ้าหน้าที่ อส. (อาสารักษาดินแดน) อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.59
3. คดีขว้างระเบิด 3 จุด ใน จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.60
สำหรับปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น เริ่มขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ของวันที่ 24 ก.ย. หลังเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเบาะแสจากแหล่งข่าว จากนั้นมีการเชิญผู้นำศาสนา ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น และเครือญาติ เข้าร่วมเจรจาเกลี้ยกล่อมเพื่อให้ นายอับดุลฮากัม ซึ่งหลบซ่อนอยู่ในบ้าน ยอมออกมามอบตัว แต่ไม่เป็นผล เจ้าตัวใช้อาวุธปืนยิงออกมาเป็นระยะ กระทั่งในช่วงค่ำ ได้ยิงเปิดทาง หวังฝ่าวงล้อมของเจ้าหน้าที่ จึงทำให้เกิดการยิงปะทะกันขึ้น เป็นเหตุให้ นายอับดุลฮากัม เสียชีวิต พร้อมอาวุธปืนพกขนาด .45 จำนวน 1 กระบอก ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อตรวจสอบประวัติการยิงต่อไป
พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 (ผอ.รมน.ภาค 4) ได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต พร้อมย้ำว่า การบังคับใช้กฎหมายทุกครั้ง เจ้าหน้าที่ไม่ได้มีความมุ่งหมายที่จะวิสามัญฆาตกรรม หรือเอาชีวิตของผู้ก่อเหตุรุนแรง แต่ได้ใช้ความอดทนและดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อให้คนร้ายยอมออกมามอบตัว เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสีย ซึ่งหากยอมมอบตัว ก็จะได้รับการคุ้มครอง และดำเนินการต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมตามหลักกฎหมายต่อไป แต่ในกรณีนี้ผู้ต้องหากลับปฏิเสธและเลือกที่จะใช้ความรุนแรงจนเกิดความสูญเสียดังกล่าว