ความคืบหน้ากรณีมีการแฉข้อมูลเกี่ยวกับอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านศาลเจ้าพ่อ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ถูกกล่าวหาเบิกงบก่อสร้างห้องน้ำซ้ำซ้อน ทั้งๆ ที่ได้รับบริจาคมาจากภาคเอกชนอยู่แล้ว ทำให้ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดทางวินัย และสั่งดำเนินคดีอาญา แต่อดีต ผอ.โรงเรียนรายนี้กลับได้ย้ายไปเป็นรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพิ้นที่การศึกษาประถมศึกษา ปัตตานีเขต 3 หรือ รอง สพป.ปัตตานี เขต 3 ท่ามกลางกระแสเรียกร้อง “ส่งคนดีลงใต้” โดยทาง ผอ.สพป.ปัตตานี เขต 3 ในฐานะผู้บังคับบัญชาคนปัจจุบัน ชี้แจงว่าเป็นการสอบเลื่อนตำแหน่งมาปฏิบัติหน้าที่ ไม่ใช่ย้ายหนีความผิดลงใต้นั้น
ล่าสุด ความคืบหน้าในส่วนของคดีอาญา อัยการได้มีคำสั่งฟ้องอดีต ผอ.โรงเรียนรายนี้ ในความผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 และแจ้งไปยังสำนักงาน ป.ป.ช.เมื่อต้นเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ให้นำตัวอดีต ผอ.กับพวกไปฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 ในวันที่ 6 ต.ค.ที่จะถึงนี้
ขณะเดียวกันได้มีเอกสารร่างคำฟ้องออกมาแล้ว โดย นายปรีชา พงษ์พานิช อธิบดีอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 3 ได้ส่งหนังสือถึงประธานกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ส่งตัวผู้ถูกกล่าวหาไปฟ้อง
โดยเนื้อหาในหนังสือระบุว่า ตามหนังสือที่อ้างถึงสำนักงาน ป.ป.ช.ส่งรายงานการไต่สวนข้อเท็จจริงพร้อมเอกสารประกอบเรื่องกล่าวหา คดีหมายเลขดำที่ 93-1- 001/2563 คดีหมายเลขแดงที่ 1311-1-50/2564 ขอให้อัยการสูงสุดพิจารณาดำเนินคดีอาญากับ นางลภาภัทร พลสิทธิ์ ที่ 1 กับพวกรวม 3 คน ผู้ถูกกล่าวหา ในฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 86, 147, 151, 157,162 (1) (4) ความละเอียดแจ้งแล้วนั้น
อัยการสูงสุดได้พิจารณารายงานการไต่สวนและความเห็นกรณีดังกล่าวข้างต้นแล้ว มีคำสั่งให้ดำเนินคดีอาญาฟ้อง “นางลภาภัทร พลสิทธิ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1” ในข้อหาความผิด
-ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย
-ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาล หรือเจ้าของทรัพย์นั้น
-ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
-ฐานเป็นเจ้าพนักงานจัดทำเอกสาร หรือรับรองเอกสารอันเป็นเท็จ
“นางประคอง ธนูปกรณ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2” และ “นางสาวสายสุณีย์ แสงก่ำ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3” ในข้อหาความผิด
-ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดนทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย
-ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาล หรือเจ้าของทรัพย์นั้น
-ฐานเป็นเจ้าพนักงานจัดทำเอกสาร หรือรับรองเอกสารอันเป็นเท็จ
-ฐานกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิด
เนื่องจากคดีนี้เหตุเกิดที่จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งต้องฟ้องผู้ถูกกล่าวหาต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 3 และอัยการสูงสุดได้มอบหมายให้พนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษ ฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 ภาค 3 เป็นผู้ดำเนินคดี
จึงกราบเรียนมาเพื่อโปรดดำเนินการแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 ไปรายงานตัวต่อพนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 ภาค 3 ในวันพฤหัสบดีที่ 6 ตุลาคม 2565 เวลา 09.30 น เพื่อดำเนินการฟ้องคดีตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 (พ.ร.บ. ป.ป.ช.) และขอให้ดำเนินการจัดการให้ได้ตัวผู้ถูกกล่าวหาดังกล่าวมาฟ้องคดีภายในกำหนดอายุความตามกฎหมายต่อไป
@@ ฟันวินัยอืด - สำนวนหาย?
สำหรับการดำเนินการทางวินัย ในส่วนของอดีตผู้อำนวยการโรงเรียน หรือ “ผอ.กินส้วม” ปรากฏว่าหลังถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดทางวินัยแล้ว อดีต ผอ.โรงเรียน ได้ยื่นอุทธรณ์ให้ทบทวนมติ ตามกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 99
กฎหมายบัญญัติว่า ในการพิจารณาลงโทษทางวินัยตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการ ป.ป.ช. หากผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนมีพยานหลักฐานใหม่อันแสดงได้ว่าผู้ถูกกล่าวหามิได้มีการกระทำความผิดตามที่กล่าวหา หรือกระทำความผิดในฐานความผิดที่แตกต่างจากที่ถูกกล่าวหา ให้ผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน มีหนังสือพร้อมเอกสารและพยานหลักฐานถึงคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อขอให้พิจารณาทบทวนมตินั้นได้ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับเรื่องจากคณะกรรมการ ป.ป.ช.
เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ในการพิจารณาทบทวนตามวรรคหนึ่ง ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาพยานหลักฐานโดยละเอียด เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเป็นประการใด ให้แจ้งให้ผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนทราบเพื่อดำเนินการต่อไปตามมติของคณะกรรมการ ป.ป.ช.
มีรายงานว่า อดีต ผอ.โรงเรียนรายนี้ ได้ยื่นอุทธรณ์ขอทบทวนมติของคณะกรรมการ ป.ป.ช.มานานหลายเดือนแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบปล่อยเรื่องค้าง ไม่เร่งพิจารณา จนผ่านมาหลายเดือนก็ยังไม่ได้ข้อยุติ ทำให้เกิดกระแสวิจารณ์ว่า สำนวนคดีนี้หายไปไหน ส่งผลให้อดีต ผอ.ยังคงอยู่ในราชการ และย้ายลงไปปฏิบัติหน้าที่ที่ จ.ปัตตานี ได้ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งๆ ที่ในคดีอาญา กำลังจะถูกยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 3 ในเดือนหน้านี้