เทศบาลนครยะลาจัดแฟชั่นโชว์ดึงดีไซเนอร์ไทย มาเลเซียและอินโดนิเชีย ร่วมออกแบบชุดเครื่องแต่งกายด้วยผ้าท้องถิ่น “ปากายัน มลายู” หวังปั้นแบรนด์ยะลาเทียบชั้น กุชชี่-หลุยส์ แพร่หลายในคาบสมุทรมลายู
เมื่อเร็วๆนี้ ทางเทศบาลนครยะลา จัดกิจกรรมแฟชั่นโชว์ “ปากายัน มลายู” ณ อุทยานการเรียนรู้ TK Park ซึ่งเป็นการนำผ้าท้องถิ่นมลายู “ปากายัน มลายู” ที่ออกแบบโดยดีไซเนอร์ทั้งชาวไทย ชาวมาเลเซีย และชาวอินโดนีเซีย มานำเสนอเป็นชุดเครื่องแต่งกายมลายู 44 ชุด พร้อมทั้งได้นำนางแบบมืออาชีพร่วมเดินกว่า 10 ชีวิต
นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา ได้กล่าวถึงความเป็นมาของโครงการส่งเสริมอนุรักษ์ผ้าท้องถิ่นมลายู “ปากายัน มลายู” ว่า จุดเริ่มต้นมาจากตอนที่ได้เดินหาเสียงเลือกตั้ง ได้พบปะและเห็นร้านค้าที่ขายเสื้อผ้ามลายูเป็นจำนวนมาก ทำให้รู้สึกว่า น่าจะเป็นอุตสาหกรรมที่มีอนาคต
หลังจากที่ได้สังเกตมาก็เลยคิดว่า น่าจะมีการยกระดับแฟชั่นมลายู ซึ่งจริง ๆ แล้วก็เป็นการต่อยอดสิ่งที่เทศบาลนครยะลาทำ นั่นคือ งานมลายูเดย์ @ ยะลา ที่ได้ดำเนินการมาแล้ว 6 ครั้ง และได้รับการชื่นชมจากประเทศอินโดนีเซีย ประเทศมาเลเซียตลอดจนประเทศบรูไน ซึ่งอยู่ในในคาบสมุทรมลายูแห่งนี้
ทำให้ได้เข้าไปพูดคุยกับทางกงสุลใหญ่ทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งก็ถือว่าเป็นประเทศที่เป็นพันธมิตรของเทศบาลฯ มาอย่างยาวนาน และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีมาโดยตลอดจึงกลายมาเป็นงานในวันนี้
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวอีกว่า เทศบาลฯ ไม่ได้มีประสบการณ์ทางด้านนี้มากนัก แต่โชคดีที่ได้ผู้ประกอบการที่เป็นผู้บริหารสถาบันแฟชั่น Bangkok FA ซึ่งเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขชาวยะลาได้เข้ามาช่วยกันทำให้งานวันนี้ประสบความสำเร็จ แม้ว่าจะไม่ได้สำเร็จมากจนกระทั่งเป็นการยกระดับขึ้นมา แต่ก็ถือว่าเป็นการจุดประกายที่ทำให้ผู้ประกอบการในพื้นที่ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะมาเลเซียและอินโดนีเซีย
โดยในคาบสมุทรมลายูนั้นเรามีตลาดผ้ามลายูประมาณ 600 ล้านคน ซึ่งคิดเป็นเงินหลายหมื่นล้านบาท ดังนั้น หากมีโอกาสในการยกระดับผู้ประกอบการก็จะทำให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น นอกเหนือจากการสร้างงานแล้ว สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คืออาจจะเป็นในเรื่องของอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่จะตามมา เป็นต้นน้ำก่อนที่จะมาสู่ปลายน้ำ
สิ่งที่สำคัญและโชคดีอีกประการที่ทำให้งานในวันนี้เกิดขึ้นและประสบความสำเร็จ คือ การได้รับการสนับสนุนจาก ท่านสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย โดยเชื่อว่างานปากายันมลายูในวันนี้ จะเป็นครั้งที่ 1 และในปีต่อไปจะมีการตั้งปฏิทินงานปากายันมลายูครั้งที่ 2 ในช่วง 2 เดือนก่อนรอมฎอน โดยอาจจะมีรอมฎอน Collection ที่จะออกจำหน่ายในภาคพื้นคาบสมุทรมลายูทั้งหมด ซึ่งก็คงมีสถาบันดีไซเนอร์ทั้งจากอินโดนีเซียและมาเลเซียได้เข้ามาร่วมกับเรา เมื่อวานหลังการแข่งขัน ทางดีไซเนอร์ทั้ง 2 ประเทศได้เข้ามาขอบคุณและได้พูดคุยกันโดยขอให้ในปีหน้าทางเทศบาลฯ จัดงานอีกครั้งเพื่อที่จะได้เข้ามาร่วมกันใหม่
นายกเทศมนตรีนครยะลา กล่าวทิ้งท้ายว่า จากสิ่งที่เราทำในวันนี้จะมี Louis Vuitton ของยะลา ที่เป็นของมลายู หรืออาจจะมี Gucci ที่เป็นของยะลา หรือถึงแม้จะไม่มี Louis Vuitton Gucci Balenciaga แต่เราอาจจะมีพันธมิตรระหว่าง Global Brand กับ Local Brand ที่อาจจะขึ้นในคาบสมุทรแห่งนี้ได้ อันนำไปสู่คุณภาพชีวิตของประชาชนที่ดีขึ้น
นายอากุส ซะโยโน ราชิด กงสุลใหญ่สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ประจำจังหวัดสงขลา กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้ร่วมจัดงาน “ปากายัน มลายู” และได้รับโอกาสเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ และรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะให้มีการพัฒนาในเชิงพาณิชหรือไปสู่ตลาดที่ใหญ่ขึ้นในอนาคต รวมไปถึงการให้ความช่วยเหลือในการด้านออกแบบ หรือในด้านต่าง ๆ ดังเช่นที่ได้มีการเสวนาในวันแรกไปแล้ว
Nik Muhammad Faqir Bin Nik Zin ตัวแทนประเทศมาเลเซีย กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณที่ให้ผมได้เข้าร่วมในกิจกรรม “ปากายัน มลายู” นี้ และหวังว่าโปรแกรมนี้จะนำมาซึ่งการแลกเปลี่ยนและการต่อยอดของการออกแบบ และนักออกแบบในพื้นที่ รวมถึงระหว่างประเทศ เพื่อให้มีการผลักดันนักออกแบบในพื้นที่ไปสู่สังคมโลก