กระแสความกังวลนโยบาย “กัญชาเสรี” ที่อาจก่อผลกระทบในวงกว้างเกี่ยวกับการใช้กัญชาในเชิงสันทนาการและยาเสพติดมากกว่าทางการแพทย์ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชนนั้น ยังคงเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างที่ให้ความสนใจเรื่องนี้มากเป็นพิเศษ เนื่องจากมีพี่น้องนับถือศาสนาอิสลามเป็นประชากรส่วนใหญ่ และในทางศาสนาถือว่ากัญชาเป็น “ฮารอม” หรือสิ่งต้องห้ามในทางอิสลาม
วันอาทิตย์ที่ 12 มิ.ย.65 ในการประชุมเชิงปฏิบัติการ การจัดทำแผนยุทธศาสตร์พรรคประชาชาติ (พื้นที่ จ.สงขลา-สตูล) ที่โรงแรมญันนะตีย์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งมีมวลชนและผู้สนับสนุนพรรคประชาชาติเข้าร่วม ปรากฏว่าในการประชุมตอนหนึ่งมีการพูดถึงนโยบาย “กัญชาเสรี” ด้วย
ตัวแทนผู้นำศาสนาในพื้นที่ กล่าวว่า เจตนารมณ์ขั้นพื้นฐานของอิสลาม 4- 5 ประการ คือ จะต้องปกป้องดูแลศาสนา ปกป้องดูแลชีวิต ปกป้องดูแลสติปัญญา ปกป้องดูแลวงศ์ตระกูล และปกป้องดูแลทรัพย์สิน ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าหากว่ามนุษย์เราไร้ซึ่งสติปัญหา ไร้ซึ่งการพัฒนา เปรียบเหมือนหุ่นยนต์ตัวหนึ่ง
ในฐานะตัวแทนทางศาสนาและการศึกษาจึงอยากจะฝากถึงพี่น้องประชาชนทุกคนได้ตระหนัก เพราะกัญชายังมีฤทธิ์เป็นยาเสพติด และส่งผลต่อสุขภาพร่างกาย รวมทั้งสติสัมปชัญญะ
ขณะที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ ซึ่งเข้าร่วมการประชุมนี้ด้วย กล่าวว่า เรื่องกัญชา ไม่อยากให้มองมิติเรื่องศาสนาเรื่องเดียว เพราะสหประชาชาติยังบอกว่ากัญชาเป็นยาเสพติด ที่ผ่านมาสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ สำนักงาน ป.ป.ส. ก็เป็นห่วงเรื่องนี้ โดยอดีตข้าราชการ ป.ป.ส.ส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์มาที่พรรค หลังจากพรรคได้พูดเรื่องนี้ในสภา บอกว่าขอบคุณมากที่ได้มองเห็นความสำคัญและคัดค้านเรื่องกัญชาเสรี การที่เรื่องนี้ถูกผลักดันออกมาได้หรือไม่ อยู่ที่มโนสำนึกของ ส.ส.ส่วนใหญ่ว่าเห็นแก่อนาคตประเทศ และอนาคตของเยาวชนของชาติหรือไม่
“อดีตข้าราชการ ป.ป.ส.เล่าว่า เคยเชิญหน่วยงานยาเสพติดระดับโลก คือ สำนักงานปราบปรามยาเสพติด หรือ DEA ของสหรัฐ มาเพื่อให้ข้อมูลและแลกเปลี่ยนความเห็น คำแรกที่หัวหน้า DEA ภาคพื้นแปซิฟิกพูดคือขอให้ไทยทบทวนนโยบายกัญชาเสรี ไม่อย่างนั้นหายนะจะเกิดขึ้นทันที เด็กและเยาวชนจะเสพกัญชามากขึ้น อุบัติเหตุจากผู้เสพกัญชาจะเยอะขึ้น จะมีผู้เข้าบำบัดกัญชาเพิ่มขึ้น มีผู้ถูกส่งเข้า ER เพราะกัญชาเพิ่มมากขึ้น ภาษีกัญชาที่คาดว่าจะได้จากกัญชาถูกกฎหมายก็จะไม่สามารถเก็บได้ ขบวนการค้ากัญชาใต้ดินจะขยายตัวมากขึ้น”
“เขามีตัวอย่างมายืนยัน เช่น รัฐโคโลราโด ของสหรัฐ ซึ่งมีรายงานชัดเจน สืบค้นได้ในกูเกิ้ล และสรุปว่าเรื่องนี้เป็นการเปิดตาข้างที่เป็นผลประโยชน์ แต่ปิดตาข้างที่เป็นโทษ ซึ่งมีมากกว่า ประโยชน์จะตกกับนายทุนกลุ่มที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับกัญชา แต่เคราะห์กรรมจะตกกับปรตะชาชนและประเทศชาติ” เลขาธิการพรรคประชาชาติ อ้างถึงข้อมูลที่ได้จากอดีตข้าราชการระดับสูงของสำนักงาน ป.ป.ส.
@@ ชายแดนใต้มีต้นกัญชาพร้อมขายเพียบ!
ด้านความเคลื่อนไหวในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา “ทีมข่าว” ได้ลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศหลังปลดล็อก “กัญชาเสรี” เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.65 พบว่ามีการแอบปลูกต้นกัญชามาระยะหนึ่งแล้ว เมื่อรัฐบาลปลดล็อกการครอบครอง การปลูก การผลิตและซื้อขายได้โดยไม่ผิดกฎหมาย กลุ่มที่แอบปลูกรอไว้ ก็สามารถเปิดจำหน่ายให้ผู้ที่ต้องการซื้อหากัญชาได้ทันที
นางสมศรี (นางสมมุติ) ชาว จ.ยะลา กล่าวว่า ปลูกกัญชามาหลายปีแล้ว ตอนแรกก็ทำเล่นๆ นานเข้าเมื่อได้เงิน ก็รู้สึกถึงโอกาส
“เราไม่ได้ขายเยอะ ราคาที่ขายก็มีหลายราคา ขึ้นอยู่กับพันธุ์และขนาดของต้น มีตั้งแต่หลักร้อยถึงหลักพัน ก็พอได้เงินมาเลี้ยงครอบครัว สาเหตุที่ราคาสูง เพราะต้องแอบปลูก ตอนนี้มีอยู่หลายต้น ในละแวกบ้านก็ปลูกกันเป็นปกติ ขายให้วัยรุ่นและลูกค้าทั่วไป ลูกค้าก็บอกต่อๆ กันมา” นางสมศรี กล่าว
@@ วัยรุ่นเฮรับ “กัญชาเสรี” - ผู้ใหญ่แนะโซนนิ่ง
ส่วนกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ เท่าที่ “ทีมข่าว” เดินสายสำรวจ ส่วนใหญ่ก็เบิกบาน ดีใจกัน เพราะสามารถใช้กัญชาได้อย่างเสรี ไม่ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นชาวพุทธ กลุ่มนี้สนับสนุนและชื่นชมพรรคภูมิใจไทยที่เป็นเจ้าของนโยบายกัญชาเสรี ส่วนวัยรุ่นอิสลามไม่ค่อยโอเคมากนัก เพราะผิดหลักศาสนา แต่ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าวัยรุ่นในพื้นที่มีใช้กันอยู่แล้ว แต่แอบๆ ใช้ เมื่อวันนี้กลายเป็นเรื่องถูกกฎหมาย จึงมีการใช้กันแพร่หลายมากกว่าเดิม
ชาวบ้านรายหนึ่งให้ข้อมูลว่า ความจริงทุกคนก็รู้ดีว่านโยบายนี้หนีไม่พ้นเรื่องของยาเสพติดที่จะเกิดปัญหาตามมา ฉะนั้นควรเปิดโซนให้ชัดเจน เพื่อให้สามารถควบคุมได้ ไม่อย่างนั้นจะเสรีแบบไร้การควบคุม
@@ ชาวเบตงเริ่มปลูกกัญชาใช้ในครัวเรือน-เป็นสมุนไพร
ส่วนใน อ.เบตง จ.ยะลา อำเภอใต้สุดแดนสยาม นายอนุพงษ์ (สงวนนามสกุล) เล่าว่า หลังจากปลดล็อกกัญชา ได้นำเมล็ดพันธุ์กัญชาสายพันธุ์หางกระรอกมาปลูกลงกระถางใว้หลังบ้าน โดยปลูกเพื่อดูแลสุขภาพของตนเอง และใช้ในครัวเรือน โดยนำใบมาปรุงอาหาร ต้มใส่ไก่บ้าน เจียวใส่ไข่ และยังได้นำใบกัญชามาต้มน้ำดื่ม เพื่อลดความดัน ลดเบาหวาน ถือเป็นยาสมุนไพรประจำบ้านนับตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย
“อยากได้รับการอบรมความรู้ในการปลูกกัญชา กัญชง ที่ถูกต้องจากทางเจ้าหน้าที่ ในอนาคตอาจปลูกในเชิงพาณิชย์ และส่งเสริมปลูกเป็นพืชเศรษฐกิจ เพื่อจะได้มีรายได้เสริมจากภาวะของแพง เงินเฟ้อ” นายอนุพงษ์ กล่าว
นายประยุทธ์ หนูสันทัด ชาวบ้าน จ.นราธิวาส กล่าวว่า รู้สึกสบายใจที่รัฐบาลปลดล็อกกัญชา เพราะตนเองกับพรรคพวกได้ทำมาประมาณ 2 เดือนแล้ว โดยจดแจ้งเป็นวิสาหกิจชุมชน ใช้ชื่อว่า “พืชเศรษฐกิจทางเลือกชุมชนประชาภิรมย์” พวกตนทำกันมาเมื่อประมาณก่อนเดือน เม.ย. และจดทะเบียนโดยขออนุญาตที่เกษตรจังหวัด ให้เกษตรจังหวัดเซ็นรับรองเรียบร้อย
@@ สธ.เบตง ชวนลงทะเบียนจดแจ้งกัญชาผ่านแอปฯ
นายวงศ์วิทย์ อัครวโรทัย สาธารณสุขอำเภอเบตง กล่าวว่า ขอความร่วมมือจากประชาชนที่จะปลูกต้นกัญชา ลงทะเบียนจดแจ้งการปลูกกัญชา กัญชง ผ่านแอพพลิเคชั่น "ปลูกกัญ" และเว็บไซต์ http://plookganja.fda.moph.go.th เพื่อความสะดวก รวดเร็ว โดยมีเพียง 3 ขั้นตอนง่ายๆ คือ
1.ลงทะเบียน 2.จดแจ้งตามวัตถุประสงค์ 3.รับเอกสารจดแจ้งอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะทำให้ทราบจำนวนและแหล่งที่ปลูกกัญชากัญชงทั่วประเทศ อีกทั้งยังเป็นแหล่งข้อมูลให้ผู้ประกอบการแสวงหาวัตถุดิบเพื่อนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพได้มาตรฐานออกสู่ตลาด แถมยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอีกด้วย โดยแอปฯ "ปลูกกัญ" สามารถดาวน์โหลดได้ทางโทรศัพท์มือถือ ทั้งระบบปฏิบัติการ IOS และ Android หากมีข้อสงสัยสอบถามได้ที่ call center โทร 1556 กด 3
“อยากให้ประชาชนใช้กัญชาอย่างถูกต้อง อย่างเช่น การสูบกัญชาที่บ้านไม่มีความผิดกฎหมายยาเสพติด แต่การสูบกัญชาในที่สาธารณะ รบกวนสิทธิผู้อื่น มีความผิดตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ.2535 โทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 25,000 บาท การสูบกัญชาในที่สาธารณะยังไม่มีกฎหมายควบคุมโดยตรงเหมือนบุหรี่ ที่มี พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ ควบคุมอยู่”
สาธารณสุขอำเภอเบตง กล่าวอีกว่า การปรุงอาหารที่ใช้ส่วนต่างๆ ของกัญชา จะต้องมีความระมัดระวังไม่ให้เกิดผลเสีย และหากใส่กัญชามาเกินพอดี อาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์และเสียลูกค่าในร้านอาหารได้ ขณะที่ผู้ปลูกเพื่อจำหน่ายควรมีการศึกษาให้ชัดเจนในเรื่องสายพันธุ์ วิธีการปลูก และคุณภาพให้เป็นไปตามผลิตภัณฑ์ของผู้ซื้อเพื่อป้องกันความเสียหายในทางธุรกิจของผู้ปลูกกัญชากัญชงเอง และควรระวังว่ากัญชาไม่สามารถนำติดตัวไปยังต่างประเทศได้ หากยังไม่มีใบรับรองทางการแพทย์ หรือประเทศเหล่านั้นกำหนดให้กัญชายังเป็นยาเสพติด หรือห้ามนำเข้าจากประเทศอื่น
@@ ทหารคุมเข้มชายแดนป้องกันลอบขนกัญชา
ส่วนบรรยากาศบริเวณพื้นที่ตามแนวชายแดนไทย – มาเลเซีย ในพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา กองกำลังทหารป้องกันชายแดนจากกองร้อยป้องกันชายแดนที่ 1 อ.เบตง ได้เดินออกลาดตระเวนตามแนวชายแดน เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามพันธกิจของกองทัพบก สกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายตามแนวชายแดน ป้องกันปราบปรามขบวนการค้ากัญชาข้ามชาติที่อาจใช้ช่องว่างในการลักลอบขนส่งข้ามประเทศในช่วงนี้
@@ 21 นักโทษคดีกัญชาเรือนจำยะลา ยังไม่ได้อิสระ
ผลอีกด้านหนึ่งจากนโยบาย “กัญชาเสรี” คือการปลูก ครอบครอง และใช้กัญชา ไม่ผิดกฎหมายอีกต่อไป ทำให้เมื่อมีการปลดล็อกกัญชาแล้ว ได้มีการปล่อยนักโทษคดีกัญชาจากในเรือนจำให้เป็นอิสระ
นายนนทรัตน์ หอมศรีประเสริฐ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางยะลา เผยว่า ตามที่ทางรัฐบาลได้ปลดล็อกกัญชง กัญชา โดยให้ยกเลิกหมายจำคุก ทางเรือนจำกลางยะลาได้สำรวจคดีกัญชาทั้งหมดในจำนวนผู้ต้องขัง 1,850 ราย มีผู้ต้องขังคดีที่เกี่ยวกับกัญชา 21 ราย ซึ่งในจำนวนนี้ก็จะได้รับสิทธิตามกฎหมายใหม่ ให้ยกเลิกโทษจำคุกทันที
แต่ผู้ต้องขังทั้ง 21 รายนี้มีคดีอื่นพ่วงอยู่ด้วย ไม่ใช่กัญชาอย่างเดียว ทำให้ทางเรือนจำกลางยะลาไม่มีผู้ต้องขังที่จะได้รับการปล่อยตัว แต่ทุกคนก็จะรับสิทธิยกเลิกหมายจำคุกตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย.65 เป็นต้นมา ส่วนความผิดอื่นยังเหมือนเดิม ยกตัวอย่าง คดียาเสพติด มียาบ้า ยาอี ร่วมกับกัญชา ตามความผิดแยกประเภท ยาบ้า ยาอี 2 ปี กัญชา 1 ปี จำคุก 3 ปี ศาลก็จะพิจารณาออกหมายยกเลิกคำพิพากษากัญชา 1 ปี ส่วนคดีอื่นก็จะยังคงเดิม
“สำหรับนโยบายนี้ผมเห็นด้วย และต้องขอบคุณท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขที่ปลดล็อกกัญชาพ้นจากยาเสพติด เนื่องจากเล็งเห็นประโยชน์ของการบริโภคที่เป็นยาสมุนไพรธรรมชาติที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าไปเป็นยาเสพติด เชื่อมั่นว่าคนที่ได้รับประโยชน์คือประชาชนที่ใช้กัญชาเป็นยาสำหรับการรักษาโรคประจำตัวต่างๆ” ผู้บัญชาการเรือนจำยะลา ระบุ
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ทางศาลจังหวัดยะลาได้ยกเลิกโทษสำหรับผู้ที่มีความผิดในคดีกัญชาด้วย รวมแล้ว 24 ราย
@@ เรือนจำนราธิวาสปล่อย 3 นักโทษคดีกัญชา
ส่วนการปล่อยตัวนักโทษคดีกัญชาที่เรือนจำจังหวัดนราธิวาส บรรยากาศที่บริเวณหน้าเรือนจำนั้น พบเจ้าหน้าที่ รปภ. คอยตรวจตราผู้เข้า-ออกอย่างเคร่งครัดตามมาตรการโควิด-19
นายอภินันท์ ศรียอดแก้ว ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดนราธิวาส เปิดเผยว่า สำหรับเรือนจำจังหวัดนราธิวาส มีผู้ต้องขังที่ในคดีกัญชาทั้งหมด 18 ราย แต่ที่เข้าข่ายปล่อยตัวได้เป็นชาย 3 ราย อยู่ระหว่างพิจารณาคำสั่งศาล 1 ราย ที่เหลือ 14 ราย มีคดีอื่นพ่วงมาด้วย ซึ่งคาดว่าผู้ต้องขังกัญชานั้นน่าจะทยอยปล่อยออกได้ หลังมีหมายปล่อยจากศาลตามขั้นตอน