กลายเป็นประเด็นร้อนแรงในแวดวงสีกากี และในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ กรณีคนร้ายลอบวางระเบิดรถตำรวจ สภ.บันนังสตา จ.ยะลา ทำให้กำลังพลพลีชีพ 2 นาย บาดเจ็บสาหัสอีก 2 นาย
เพราะหลังเกิดเหตุมีข่าวสะพัดในพื้นที่ว่า กำลังพลชุดนี้ต้องใช้รถกระบะธรรมดาออกปฏิบัติภารกิจ เนื่องจากรถหุ้มเกราะไม่มีงบเติมน้ำมัน ทำให้เกิดกระแสวิจารณ์อย่างกว้างขวาง แม้ในเวลาต่อมาจะมีการออกมาปฏิเสธข่าว
แต่มีคำสั่งย้ายผู้กำกับการ (ผกก.) สภ.บันนังสตา ออกจากพื้นที่เป็นการด่วนแล้ว
@@ ผบช.ภ.9 ตั้งรองผู้การคุมแทน
พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 (ผบช.ภ.9) ได้มีหนังสือคำสั่งตำรวจภูธรภาค 9 ที่ 55/2565 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจรักษาราชการแทน
เนื้อความระบุว่า ตามที่วิทยุศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า ด่วนที่สุด ที่ 0052.112 / 269 ลงวันที่ 1 เม.ย.65 ให้ พ.ต.อ.สายูตี กาเต๊ะ ผกก.สภ.บันนังสตา จ.ยะลา ไปปฏิบัติราชการที่ ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า โคยขาดจากบังคับบัญชาทางตำแหน่งเดิม ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.65 เป็นต้นไป ทำให้ไม่มีผู้ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งดังกล่าวนั้น
เพื่อให้การบริหารราชการของสถานีตำรวจภูธรบันนังสตา จ.ยะลา เป็นไปด้วยความเรียบร้อย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 72 (3) แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 แก้ไขเพิ่มเติมตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 7/2559 ลงวันที่ 5 ก.พ.59 จึงให้ พ.ต.อ.พรหมพัฒน สนิทศรี รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา (ผบก.ภ.จว.ยะลา) รักษาราชการแทน ผกก.สภ.บันนังสตา อีกหน้าที่หนึ่ง โดยให้สามารถเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการต่างสำนักเบิกเงินเดือนได้ มีผลตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย.65 เป็นต้นไป จนกว่าผู้ดำรงตำแหน่งกลับไปปฏิบัติหน้าที่ หรือมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง และคำสั่งใดที่ขัดหรือแย้งกับคำสั่งนี้ให้ใช้คำสั่งนี้แทน
@@ วิจารณ์แซ่ด! รถหุ้มเกราะไม่มีน้ำมัน ทำกำลังพลสังเวย
เหตุระเบิดในท้องที่ ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา เกิดขึ้นเมื่อวันพุธที่ 30 มี.ค.65 โจมตีกำลังพลของตำรวจ สภ.บันนังสตา ขณะออกปฏิบัติหน้าที่ส่งหมายเรียกพยานคดีจราจร
หลังเกิดเหตุมีการตั้งข้อสังเกตในสื่อสังคมออนไลน์ว่า เหตุใดตำรวจชุดที่โดนโจมตีจึงใช้รถยนต์กระบะสายตรวจตราโล่เป็นยานพานะ แทนที่จะใช้รถยนต์หุ้มเกราะออกไปปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยง และมีการอ้างสาเหตุว่า มาจากรถหุ้มเกราะไม่มีน้ำมัน
@@ แจงรถหุ้มเกราะสภาพไม่สมบูรณ์ ไม่เกี่ยวเรื่องไร้น้ำมัน
ต่อมาวันพฤหัสบดีที่ 31 มี.ค.65 พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา (ผบก.ภ.จว.ยะลา) ได้เดินทางเข้าเยี่ยมให้กำลังใจ ส.ต.ต.อัสราวุฒิ ราป้อม ผู้บังคับหมู่งานป้องกันและปราบปราม (ผบ.หมู่ ป.) สภ.บันนังสตา ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุลอบวางระเบิด พร้อมทั้งได้สอบถามถึงกรณีดังกล่าว ทำให้ทราบว่า โดยปกติชุดสายตรวจหรือชุดจู่โจมจะทำหน้าที่ในการออกตรวจในเขตเทศบาลเป็นหลัก และมีภารกิจเสริมคือ ออกไปส่งหมายเรียกพยานหรือผู้ต้องหาให้กับพนักงานสอบสวน ซึ่งบางครั้งก็จะออกไปนอกเขตเทศบาล ก็จะมีการประสานกับทางกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือกองกำลังในพื้นที่ เพื่อให้นำทางไปส่งหมาย หรืออย่างน้อยก็มีฝ่ายปกครองในพื้นที่ทำหน้าที่ รปภ.เส้นทางให้
ส่วนรถยนต์หุ้มเกราะสายตรวจที่มีใช้อยู่นั้น มีอายุการใช้งานมานาน สภาพไม่ได้สมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ หากนำออกไปใช้ในเส้นทางที่สูงชันหรือห่างไกล อาจไม่ปลอดภัยกับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน จึงไม่ได้นำออกไปใช้งานบ่อย เว้นแต่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วน และเป็นภารกิจที่จำเป็นต้องใช้ก็จะนำไปใช้งานกัน
ส่วนเรื่องน้ำมันรถที่ใช้กันอยู่นั้น ก็จะมีผู้กองหัวหน้าชุดเป็นคนเบิกมา เพื่อเติมให้กับรถยนต์สายตรวจที่ใช้กันเป็นประจำ เป็นรถส่วนกลาง บางครั้งก็มีการขอยืมรถยนต์ที่รองผู้กำกับฯ ปราบปราม (รองผกก.ป.) มาใช้ออกตรวจ ซึ่งบางครั้งสายตรวจที่เข้าเวรผลัดก่อนใช้รถเสร็จ ก็ไม่ได้เติมน้ำมันไว้ให้ หากมีภารกิจเยอะ น้ำมันก็อาจจะเหลือน้อย เจ้าหน้าที่ผลัดต่อไปก็จะต้องเบิกน้ำมันไปเติม ก่อนนำไปใช้งาน ซึ่งในเรื่องนี้ไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด แม้จะต้องเผชิญกับสภาวะน้ำมันที่แพงขึ้นในปัจจุบัน อาจจะทำให้บางครั้งก็จะมีการปรับวิธีการทำงาน เช่น ใช้รถจักรยานยนต์ออกตรวจสลับกับรถยนต์สายตรวจ เป็นต้น
ส่วนรถยนต์หุ้มเกราะที่เป็นรถของสายตรวจหรืองานปราบปรามนั้น นานๆ จะใช้กันสักครั้ง เพราะสภาพรถไม่สมบูรณ์ อายุการใช้งานมาก จึงไม่ค่อยได้มีการตรวจว่า รถมีน้ำมันพร้อมใช้งานหรือไม่ ไม่ใช่ไม่มีงบประมาณไปเติมรถหุ้มเกราะ
@@ กำนันติดภารกิจนอกพื้นที่ ทำกลุ่มป่วนสบโอกาส
ด้าน ส.ต.ต.อัสราวุฒิ ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ก่อนเข้าไปยังหมู่บ้านเป้าหมาย ได้พยายามประสานกับกำนันในพื้นที่เหมือนกับการปฏิบัติในทุกครั้ง แต่เนื่องจากกำนันไม่อยู่ในพื้นที่ กำนันมีภารกิจ และเห็นว่าระยะทางไม่ไกลมาก เข้าไปไม่นานก็ถอนตัวกลับ น่าจะไม่มีปัญหา จึงได้ตัดสินใจเดินทางไป แต่ฝ่ายที่จ้องอยู่ก็เห็นเป็นโอกาสเหมาะ จึงสามารถก่อเหตุในครั้งนี้ได้ จึงนำมาซึ่งความสูญเสียที่ทุกฝ่ายก็ไม่อยากให้เกิด
@@ รถเกราะรีว่าเข้าพื้นที่ทันที ยันไม่มีปัญหาน้ำมันขาดแคลน
นอกจากนี้ พล.ต.ต.ทินกร ยังได้สอบถาม พ.ต.ท.สถาพร เหล่ามูล รองผู้กำกับการสืบสวน (รอง ผกก.สส.) สภ.บันนังสตา ทำให้ทราบว่า พ.ต.อ.สายูตี กาเต๊ะ ผกก.สภ.บันนังสตา ได้เคยเรียกประชุม รอง ผกก.หัวหน้างานทุกสายงาน เพื่อจัดสรรน้ำมันให้แต่ละฝ่ายนำไปใช้ในการทำงาน โดยได้ให้แต่ละสายงานแจ้งจำนวนรถที่มีอยู่และใช้งานกันว่ามีกี่คัน แต่ละสัปดาห์ต้องการใช้น้ำมันในการปฏิบัติภารกิจปริมาณเท่าใด ก็จะจัดสรรให้ตามที่มีการร้องขอ หากมีภารกิจแทรกจากภารกิจปกติมากขึ้นในระหว่างห้วงสัปดาห์หรือในเดือนนั้นๆ และต้องใช้น้ำมันมากขึ้น ก็สามารถขอเพิ่มได้จาก ผกก.สภ.บันนังสตา ไม่ได้มีปัญหาติดขัดในเรื่องน้ำมันในการทำงาน
ฉะนั้นปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากเรื่องรถเกราะไม่มีน้ำมัน จึงทำให้ต้องใช้รถสายตรวจในแบบไปทำงานแทน และจะเห็นได้จากเมื่อเกิดเหตุระเบิดขึ้น ฝ่ายที่เข้าไปช่วยเหลือในทันที ก็ใช้รถเกราะวีว่าคันใหญ่เข้าไปสนับสนุนช่วยเหลือในทันที และยังมีฝ่ายสืบสวนจัดกำลังเข้าไปสนับสนุนได้อย่างรวดเร็ว และใช้รถยนต์ของทางราชการไปเช่นกัน หากมีปัญหาเรื่องน้ำมัน ก็คงไม่สามารถเข้าไปสนับสนุนช่วยเหลือได้ทันท่วงทีตามที่ปรากฏเป็นข่าว
@@ ตั้งงบเพิ่ม “น้ำมันรถเกราะ” รับมือราคาพุ่ง
สำหรับรถหุ้มเกราะนั้น ทางผู้บังคับบัญชาทุกระดับ ทั้งในกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัด กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เล็งเห็นถึงปัญหาความขาดแคลนน้ำมัน เพราะน้ำมันแพงขึ้น จึงได้เสนอขอตั้งงบประมาณในปีงบประมาณ 2566 เพิ่มเติมไปอีกส่วนหนึ่งแล้ว อยู่ระหว่างรอการพิจารณา