มีความคืบหน้าทางคดี กรณีมี “บุคคลลึกลับ” นำเครื่องจักรกลหนักเข้าไปแผ้วถางป่าและภูเขา เพื่อตัดถนนในพื้นที่ “เขาแดง” ต.หัวเขา อ.สิงหนคร จ.สงขลา ซึ่งกรมศิลปากรขึ้นทะเบียนเป็น “โบราณสถานบริเวณเมืองเก่าสงขลา”
ปรากฏว่าล่าสุดมีคนออกมารับผิดในการกระทำแล้ว อ้างว่าหวังดี ต้องการตัดถนนเพื่อให้ชาวบ้านขึ้นไปบน “เขาแดง” ได้อย่างสะดวก
เช้าวันเสาร์ที่ 5 มี.ค.65 นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อม นายพงศ์ธันว์ สำเภาเงิน ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 11 สงขลา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้เดินทางขึ้นไปบน “หัวเขาแดง” เพื่อบวงสรวงพระเจดีย์องค์ขาว/องค์ดำ สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์จากชัยชนะสงครามของแม่ทัพสองพี่น้องตระกูลบุนนาค และได้สำรวจพื้นที่ที่มีการแผ้วทางทำลายป่าเพื่อสร้างถนนด้วย
นายพงศ์ธันว์ กล่าวว่า ได้มีพิธีบวงสรวงสักการะเจดีย์สองพี่น้อง เพราะก่อนหน้านี้ได้เกิดเหตุการณ์ทุบทำลายที่ฐานเจดีย์ ซึ่งทางกรมศิลป์ได้เร่งรัดซ่อมแซมให้กลับคืนสู่สภาพเดิมโดยเร็วตามนโยบายของผู้ว่าฯ แล้ว
@@ “รุกเขาแดง” มอบตัวแล้ว 1 อ้างหวังดี
ด้านความคืบหน้าทางคดี มีความเคลื่อนไหวจากฝั่งตำรวจ สภ.สิงหนคร ได้แจ้งข้อหากับผู้ที่บุกรุกแผ้วถางในเขตโบราณสถานแล้ว 1 ราย โดยผู้ต้องหารับสารภาพว่าทำจริง เพราะต้องการช่วยให้ชาวบ้านเดินทางขึ้นเขาได้สะดวกขึ้น
อีกด้านหนึ่ง “สำนักข่าวสงขลาโฟกัส” ได้สัมภาษณ์ พ.ต.อ.เสวี วุ่นหนู ผู้กำกับการ สภ.สิงหนคร ได้ความว่า พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน พร้อมออกหมายเรียก นายสมบัติ เหาตะวณิชย์ ซึ่งมีที่ดินอยู่บริเวณด้านล่างของภูเขา และต้องสงสัยว่าเป็นผู้ก่อเหตุ
โดยนายสมบัติได้เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 3 มี.ค. ยอมรับว่าเป็นผู้ว่าจ้างรถแบ็คโฮขึ้นไปขุดตัดทำถนนบริเวณเขาแดง เพราะต้องการให้ประชาชนในพื้นที่ รวมถึงผู้ต้องการขึ้นไปสักการะเจดีย์องค์ดำ-องค์ขาว สามารถเดินทางได้สะดวกมากขึ้น จึงได้ว่าจ้างรถขุดตักวันละ 10,000 บาท รวม 11 วัน เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อหาบุกรุกพื้นที่โบราณสถาน
สำหรับ นายสมบัติ เหาตะวานิช เป็นนักธุรกิจแปรรูปไม้ยางพารา เคยเข้าร่วมกิจกรรมเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.สงขลา ของพรรคกล้า ที่มี นายกรณ์ จาติกวณิช เป็นหัวหน้าพรรค เมื่อวันที่ 18 ต.ค.64 โดย นายสมบัติ ได้ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจของสงขลาด้วย
@@ ภาคประชาชนไม่เชื่อ จี้กรมศิลป์ฟ้องแพ่ง
มีรายงานว่า หลังจากคำให้การของนายสมบัติ เผยแพร่ออกไป มีการตั้งข้อสังเกตในหมู่ผู้ที่ออกมาเคลื่อนไหวให้ตรวจสอบปัญหาการบุกรุก “เขาแดง” ว่า ข้อมูลที่ให้การกับตำรวจไม่ค่อยสมเหตุสมผล โดยเฉพาะที่มีข่าวว่าให้ลูกน้องไปทำถนนเพื่อให้เกิดความสะดวกสำหรับคนที่จะขึ้นไปเที่ยวชมโบราณสถาน เหมือนที่เคยเห็นที่ภูฏาน จึงให้ลูกน้องไปตัดถนนตามแนวทางเดินที่มีอยู่เดิม โดยไม่ทราบว่าเป็นเขตโบราณสถาน เมื่อทราบก็ไปพบผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 11 และต่อมาก็ไปมอบตัวกับตำรวจ
แต่เป็นที่รู้กันดีว่าที่ดินด้านล่างติดกับภูเขา เป็นที่ดินของบุคคลใด และได้ประโยชน์จากการตัดถนนเส้นนี้หรือไม่
ภาคประชาชนที่ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านการบุกรุกโบราณสถาน เรียกร้องให้กรมศิลปากรฟ้องร้องทางแพ่ง เพื่อเรียกค่าเสียหายจากการบุกรุกทำลายเขตโบราณสถานด้วย
@@ รุกโบราณสถานลาม “เขาแดง-เขาน้อย-เจดีย์”
มีรายงานจากทางจังหวัดว่า การกระทำเรื่องบุกรุกโบราณสถานมี 3 ส่วน คือ
1.การบุกรุกพื้นที่เขาแดง ซึ่งได้ดำเนินการแจ้งความดำเนินคดี และตำรวจออกหมายจับผู้ต้องหาแล้ว
2.การบุกรุกบริเวณ “เขาน้อย” เจ้าหน้าที่ทราบตัวกลุ่มผู้บุกรุกแล้ว อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายเรียและหมายจับต่อไป
3.การทุบทำลายพระเจดีย์องค์ข่าว/องค์ดำ เพื่อขโมยทรัพย์สิน มีการออกหมายจับผู้กระทำความผิดแล้ว และมีการเข้ามอบตัวแล้ว
@@ ให้กำลังใจ ผอ.สำนักศิลปากร สู้อิทธิพล
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันศุกร์ 4 มี.ค. อาจารย์มหาวิทยาลัย นักศึกษา สภาองค์กรชุมชน ผู้นำชุมชน นักวิชาการอิสระ ศิลปิน และภาคประชาชนในจังหวัด รวมตัวกันเดินทางมาให้กำลังใจ นายพงศ์ธันว์ เพื่อให้ทำหน้าที่ต่อสู้กับกลุ่มอิทธิพลอำนาจเถื่อนที่บุกรุกเขตโบราณสถานหัวเขาแดง ซึ่งเป็นแหล่งโบราณคดีสำคัญทางประวัติศาสตร์ของเมืองสงขลา หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าเจ้าหน้าที่ของกรมศิลป์ถูกข่มขู่
ขณะเดียวกัน สำนักงาน ป.ป.ช.ภาค 9 ได้เข้าพบ นายพงศ์ธันว์ เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดี และกรณีที่ถูกข่มขู่จากกลุ่มอิทธิพล หลังเข้าไปมีบทบาทแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มผู้บุกรุก
นายบรรจง นะแส ที่ปรึกษาสมาคมรักษ์ทะเลไทย กล่าวว่า ได้เข้าพบ นายพงศ์ธันว์ เพื่อให้กำลังใจ ให้ยืนหยัดสู้ต่อไป
“เราจะไม่ปล่อยให้คนดีๆ ต้องโดดเดี่ยว” นายบรรจง กล่าว และว่า ในส่วนของผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาที่เคยบอกว่าจะมีการแถลงข่าว ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ