เหตุการณ์ปิดล้อม ยิงปะทะ ที่บ้านต้องสงสัยในหมู่บ้านบาโงระนะ หมู่ 5 ต.มะรือโบตก อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เมื่อวันศุกร์ที่ 28 ม.ค.65 ซึ่งมีข่าวว่าเจ้าหน้าที่วิสามัญฆาตกรรมผู้ต้องหาคดีความมั่นคง 2 รายนั้น ปรากฏว่าข้อเท็จจริงของเหตุการณ์กลายเป็นความสับสน
เพราะในช่วงเช้าของวันเสาร์ที่ 29 ม.ค. ยังมีความพยายามเจรจาให้คนที่ซ่อนตัวอยู่ภายในบ้านออกมามอบตัว แต่ก็มีเสียงปืนดังเป็นระยะ สุดท้ายฝ่ายเจ้าหน้าที่อ้างว่ามีการยิงปะทะกันอีกระลอก ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 2 ราย คือ นายมะตอฮา ยูนุ อายุ 25 ปี กับ นายอับดุลฮากัม อาแว อายุ 26 ปี
แต่ทั้งคู่มีข่าวระบุว่า เสียชีวิตตั้งแต่เมื่อช่วงเย็นของวันศุกร์ที่ 28 ม.ค. มีชื่อออกมาชัดเจน ทว่าภายหลังเจ้าหน้าที่ออกมาอธิบายใหม่ว่า การปะทะกันเมื่อวันศุกร์ที่ 28 ม.ค. มีผู้เสียชีวิต 1 ราย คือ นายมะตอฮา ส่วนนายอับดุลฮากัม มาเสียชีวิตจากการปะทะในวันถัดมา
ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันเสาร์ที่ 29 ม.ค. เจ้าหน้าที่พยายามใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก ด้วยการให้บิดามารดาของผู้ต้องหาคดีความมั่นคงที่ซ่อนตัวอยู่ในบ้าน ตลอดจนผู้นำศาสนา และผู้นำท้องถิ่น เข้าเจรจาเกลี้ยกล่อมให้ออกมามอบตัว แต่ก็ไม่เป็นผล ระยะเวลาล่วงเลยมาถึง 21 ชั่วโมง ตั้งแต่เริ่มปิดล้อม หนำซ้ำยังมีการพยายามใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่เจ้าหน้าที่ เพื่อหวังเปิดทางหลบหนีอยู่เป็นระยะ
สุดท้าย พ.อ.อิศรา จันทะกระยอม ผู้บังคับการกองกำลังทหารพรานจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ผบ.กกล.ทพ.จชต.) ได้ตัดสินใจใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด ด้วยการให้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารบุกจู่โจมพร้อมกันทั้งด้านหน้าและด้านหลังของบ้านเช่า 6 หลัง ซึ่งอยู่ติดกัน ซึ่งผู้ต้องหาคดีความมั่นคงกบดานอยู่ในบ้านเช่าห้องที่ 1 กระทั่งเกิดการยิงปะทะกัน ทำให้ผู้ที่อยู่ภายในบ้านเสียชีวิตอีก 1 ราย ทราบชื่อคือ นายอับดุลฮากัม อาแว อายุ 26 ปี
สำหรับ นายอับดุลฮากัม เป็นสมาชิกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับปฏิบัติการ มีภูมิลำเนาอยู่ใน ต.มะรือโบตก อ.ระแงะ มีหมายจับในคดีความมั่นคง คดีข้างระเบิดไปป์บอมบ์ถล่มชุดคุ้มครองตำบล (ชคต.) ลุโบะบายะ อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 22 เม.ย.64 และคดีขว้างระเบิดไปป์บอมบ์ถล่มฐานหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานนาวิกโยธินที่ 8 ต.ทุ่งคา อ.ยี่งอ เมื่อ 7 เม.ย.64
ข้างศพนายอับดุลฮากัม มีอาวุธปืนสงครามอาก้าตกอยู่ 1 กระบอก และอาวุธปืนพก ขนาด 9 มม. อีก 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน
ต่อมาเจ้าหน้าที่เข้าเคลียร์พื้นที่ พบว่าในบ้านเข่าห้องที่ 2 บริเวณห้องน้ำ มีศพชายฉกรรจ์อีก 1 ศพ ทราบชื่อคือ นายมะตอฮา ยูนุ อายุ 25 ปี เป็นสมาชิกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับปฏิบัติการ มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ ต.บางปอ อ.เมือง จ.นราธิวาส คาดว่าถูกยิงเสียชีวิตตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ที่ 28 ม.ค.
นายมะตอฮา มีหมายจับในคดีความมั่นคง คดีขว้างระเบิดไปป์บอมบ์ใส่ ชคต.ลุโบะบายะ ซึ่งเป็นคดีเดียวกับนายอับดุลฮากัม มีอาวุธปืนสงครามเอ็ม 16 ตกอยู่ข้างศพ 2 กระบอก
เจ้าหน้าที่ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจที่เกิดเหตุและเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนนำศพผู้เสียชีวิตส่งโรงพยาบาลระแงะ เพื่อให้แพทย์ทำการชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียดอีกครั้ง จากนั้นจึงมอบให้ญาติรับศพไปประกอบพิธีทางศาสนา
ส่วนความเสียหายของบ้านเช่า จากการยิงปะทะกันนั้น หลังจากเจ้าหน้าที่ทำการเคลียร์พื้นที่พร้อมทั้งเก็บรวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุเรียบร้อยแล้ว ก็มีทหารช่าง จากกองพันทหารช่างที่ 15 อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เข้าไปช่วยซ่อมแซมบ้านเช่าห้อง 1 ถึง 3 ซึ่งมีร่องรอยของกระสุนปืนที่บริเวณฝาผนัง ประตู หน้าต่าง และหลังคาของบ้านบางส่วน เพื่อให้บ้านกลับคืนสู่สภาพเดิม
ต่อมา พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 พร้อมด้วย พล.ต.เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับผู้นำศาสนา ผู้นำท้องถิ่น และตัวแทนชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในละแวกจุดเกิดเหตุ โดยย้ำว่าเจ้าหน้าที่มีความจำเป็นต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด และชาวบ้านส่วนใหญ่ก็ทราบดีว่า ผู้ก่อเหตุรุนแรงที่ซ่อนตัวอยู่ไม่ยอมจำนน ซ้ำยังใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่เป็นระยะๆ ซึ่งทุกคนเข้าใจดีและยอมรับการทำงานของเจ้าหน้าที่ เพื่อเป็นการป้องกันกลุ่มคนร้ายที่เคลื่อนไหวอยู่นำไปเป็นประเด็นสร้างความแตกแยก
@@ เผยสั่งเสียญาติฝากบอกทางบ้าน “ขอสู้ตาย”
มีรายงานจากหน่วยงานความมั่นคงที่แกะรอยผู้ต้องหาคดีความมั่นคงกลุ่มนี้ว่า ก่อนปฏิบัติการปิดล้อม เจ้าหน้าที่สืบทราบว่ามีสมาชิกกองกำลังติดอาวุธจำนวนหนึ่งได้ไปอาศัยอยู่ที่บ้านเช่าห้องที่ 2 ในจำนวน 6 ห้อง เป็นการพักอาศัยแบบไปๆ มาๆ ซึ่งในวันเกิดเหตุในช่วงค่ำ มีเครือญาติ ของ 1 ใน 2 ผู้เสียชีวิตเดินทางไปเยี่ยม ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังเพื่อเข้าปิดล้อมตรวจค้น ซึ่งก่อนที่เครือญาติจะเดินทางออกจากบ้าน เจ้าหน้าที่ได้แสดงตัวเพื่อขอตรวจค้น ปรากฏว่าผู้ต้องหาคดีความมั่นคงได้พูดคุยสั่งเสียกับเครือญาติว่า จะขอสู้ตายไม่ยอมมอบตัวกับเจ้าหน้าที่อย่างเด็ดขาด
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้พาบิดามารดาและผู้นำศาสนามาเจรจา แต่ก็ไร้ผล จึงเป็นสาเหตุที่เจ้าหน้าที่ต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด
ด้าน พ.อ.อิศรา กล่าวว่า จากการตรวจสอบอาวุธปืนที่ยึดได้ 4 กระบอก พบว่า อาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวน 1 กระบอก เป็นอาวุธปืนที่ถูกปล้นมาจากคลังของกองพันพัฒนาที่ 4 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ หรือ ค่ายปิเหล็ง อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 4 ม.ค.2547 หรือเมื่อ 18 ปีที่แล้ว
@@ แห่ศพ ตะโกน “ปาตานี เมอร์เดกอ”
มีรายงานด้วยว่า หลังจากญาติรับศพผู้ต้องหาคดีความมั่นคงที่ถูกวิสามัญฯ ไปแล้ว ได้นำร่างไปประกอบพิธีฝัง โดย นายอับดุลฮากัม อาแว ฝังที่กุโบร์อาแว บ้านอาแว ต.มะรือโบตก อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ขณะที่ นายมะตอฮา ยูนุ ฝังที่กุโบร์แคนา บ้านแคนา ต.บางปอ อ.เมือง จ.นราธิวาส
ช่วงที่นำร่างไปประกอบพิธีทางศาสนา ปรากฏว่ามีญาติ กลุ่มชายฉกรรจ์ ตลอดจนวัยรุ่น และเยาวชนในพื้นที่ ร่วมกันแห่ศพ และตะโกนสรรเสริญพระเจ้าไปตลอดทาง ซึ่งการแห่ศพและตะโกน “อัลลอฮ์ อัคบัร” เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง จนแทบจะเป็นเรื่องปกติหลังจากมีผู้ต้องหาคดีวามมั่นคงเสียชีวิต
แต่พิธีศพของนายมะตอฮา มีวัยรุ่นบางส่วนตะโกนคำว่า “ปาตานี เมอร์เดกอ” ซึ่งแปลว่า “เอกราช ปัตตานี” สอบถามจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ ได้ความว่า ปรากฏการณ์ลักษณะนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน