เรื่องราวของครอบครัว 10 ชีวิตสุดลำบาก พ่อแม่กับลูกอีก 8 คนต้องอาศัยอยู่ในเพิงเล็กๆ ขนาดเพียง 6 คูณ 3 เมตร ไม่มีแม้แต่ห้องน้ำ ในพื้นที่บ้านน้ำเย็น หมู่ 2 ต.ลำใหม่ อ.เมือง จ.ยะลา
หลังจาก “ทีมข่าวอิศรา” นำเสนอข่าวออกไปจนได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง ปรากฏว่าผู้ว่าฯยะลา ได้ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือทันที
คณะของ นายภิรมณ์ นิลทยา ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดยะลา (พมจ.ยะลา) ไปเยี่ยมให้กำลังใจ นางสะอีด๊ะ สาตอและ อายุ 33 ปี และ นายยาแม มะแซ อายุ 41 ปี สองสามีภรรยาที่ไม่เคยท้อทำกิน แต่ชีวิตลำบากเพราะมีลูกต้องดูแลถึง 8 คน ไม่มีบ้านอยู่ ต้องอาศัยอยู่ในเพิงไม่มีฝา ไม่ได้ยกพื้น ต้องนอนบนดิน กินในเพิง เข้าห้องน้ำในมัสยิดซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ไฟฟ้าก็ต้องพ่วงมาจากเพื่อนบ้านแบบพอให้มีไฟส่องสว่างบ้าง
ผู้ว่าฯภิรมณ์ บอกว่า ได้นำความห่วงใยและพระมหากรุณาธิคุณจากในหลวงรัชกาลที่ 10 มอบถุงยังชีพพระราชทาน เพื่อให้ทุกคนมีความทุกข์น้อยลง มีสุขมากขึ้นในเบื้องต้นก่อน และหลังจากนี้จะมีความช่วยเหลือที่เป็นรูปธรรม โดยมี พมจ.ยะลา และเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายลงพื้นที่ตรวจสอบว่า เรื่องไหนที่เข้าหลักเกณที่ให้ความช่วยเหลือได้ก็จะช่วยเหลือทันที
เรื่องสำคัญที่สุด คือ “ที่อยู่อาศัย” ทราบว่าเพิงนี้เมื่อก่อนเป็นที่ค้าขาย พักหลังก็พาลูกมากินนอนด้วย ทำให้เป็นที่แออัด และอาจเกิดอันตรายกับเด็กๆ ได้ในเวลาฝนตก ฉะนั้นจะเร่งช่วยเหลือในเรื่องของการต่อเติมและซ่อมบ้าน ซึ่งเป็นบ้านแม่ของสะอีด๊ะ ตั้งอยู่ที่บ้านปอเยาะ หมู่ 4 ต.ลำใหม่ (คนละหมู่กับบ้านที่เป็นเพิงนี้) โดยจะซ่อมแซมให้แข็งแรง ให้เกิดความปลอดภัยกับครอบครัว จะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา และสะอีด๊ะจะได้ดูแลแม่ซึ่งอยู่ในวัยชราด้วย
“ข้าราชการทั้งหมดใน จ.ยะลา จะทนดูพี่น้องที่ลำบากไม่ได้ ต้องร่วมกันเข้ามาช่วย เป็นหน้าที่ของข้าราชการคือข้าในแผ่นดิน พร้อมที่จะทำให้พี่น้องมีความทุกข์น้อยที่สุด จะเป็นใครก็ตามต้องมีปัจจัยทั้ง 4 ครบสมบูรณ์” ผู้ว่าฯยะลา กล่าว
@@ เยี่ยมบ้านแม่สะอีด๊ะ เข้าเกณฑ์ซ่อมสร้าง-รับหลานอยู่ด้วย
ต่อมา ฝ่ายปกครองในพื้นที่ นำโดย นายธวัชชัย สาธุธรรม ปลัดอำเภอเมืองยะลา ได้เดินทางไปเยี่ยมบ้านแม่ของนางสะอีด๊ะ ที่บ้านปอเยาะ และพบกับ นางสอเดาะ คาเดร์ อายุ 70 ปี แม่ของสะอีด๊ะ
โดย นางสอเดาะ กล่าวว่า สะอีด๊ะมีลูกหลายคน ที่ผ่านมาก็ได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐตลอด แต่ถามว่าพอหรือไม่ ก็ไม่พออยู่แล้ว แต่ก็ยังดีที่ไม่ได้ยากไร้จนช่วยตัวเองไม่ได้
“เราแค่ยากจน ไม่พอกิน ดีใจที่ทางภาครัฐจะมาซ่อมบ้านให้ จะได้ให้หลานอยู่อย่างปลอดภัย และได้อยู่ร่วมกันช่วยดูแลแม่ยามที่เจ็บไข้ได้ป่วย” นางสอเดาะ กล่าว
ด้าน นางพิมพ์พนิต เอียดแก้ว พมจ.ยะลา กล่าวหลังจากลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านแม่ของสะอีด๊ะว่า ในส่วนของการช่วยเหลือเรื่องการสร้างบ้าน หลักเกณฑ์ของ พมจ. ต้องเป็นผู้สูงอายุหรือคนพิการเท่านั้น ในวงเงินไม่เกิน 40,000 บาท ในส่วนของนางสะอีด๊ะ จะไม่เข้าในหลักเกณฑ์นี้ แต่จะอยู่ในหลักเกณฑ์ “ผู้ยากไร้” ที่ต้องผ่านสภาสันติสุขและอำเภอพิจารณาต่อไป
“หลังจากไปหาแม่ของสะอีด๊ะ ที่บ้านปอเยาะแม่ก็ยินดีรับการช่วยเหลือซ่อมแซมบ้านจาก พมจ.ยะลา ในส่วนที่แบ่งให้กับสะอีด๊ะ โดยใช้สิทธ์ของแม่ ใช้หลักเกณฑ์ผู้สูงอายุ ซึ่งส่วนนี้ทาง พมจ.จะรีบดำเนินการต่อไป” นางพิมพ์พนิต กล่าว
@@ พม.ติดหลักเกณฑ์ สร้างบ้านให้ใหม่ ต้องพิการ-ชรา
“ทีมข่าวอิศรา” สรุปแนวทางการให้ความช่วยเหลือครอบครัวของสะอีด๊ะ ดังนี้
1.บ้านเดิมของสะอีด๊ะ ซึ่งเป็นบ้านของแม่ เป็นบ้านไม้เก่าๆ ตั้งอยู่บนเนื้อที่เกือบ 1 ไร่ แต่แม่ของสาอีด๊ะ มีลูก 4 คน ก็ได้แบ่งที่ดินให้ลูกๆ ไปแล้ว มีการปลูกกระท่อมเล็กๆ เพื่อแยกไปอยู่อาศัยอีก 2 หลัง แต่ตัวสะอีด๊ะอยู่กับแม่ ซึ่งมีฐานะยากจนเช่นกัน
2.สะอีด๊ะมีลูกมากถึง 8 คน และยังมีครอบครัวของพี่น้องอยู่ในบ้านหลังเดียวกันอีก จึงแออัดมาก เธอจึงตัดสินใจออกมาอยู่ที่เพิงขายของ โดยพาลูกๆ มาอยู่ด้วย
3.การช่วยเหลือสะอีด๊ะ เรื่องการสร้างที่อยู่อาศัยให้ใหม่ หรือซ่อมแซมเพิงที่อยู่อาศัยในปัจจุบัน ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากไม่เข้าหลักเกณฑ์ของ พม. โดย พม.จะสร้างบ้าน หรือซ่อมบ้านได้ในงบไม่เกิน 40,000 บาท จะต้องเป็นบ้านของคนพิการ หรือสูงอายุเท่านั้น
4.แม่ของสาอีด๊ะ เข้าเกณฑ์เป็นผู้สูงอายุ พมจ.ยะลาจึงสามารถซ่อมบ้านให้ได้ และเสนอสาอีด๊ะว่าจะซ่อมบ้านแม่ให้ แล้วให้ย้ายลูกๆ กลับไปอยู่กับยาย
@@ ขอบคุณคนไทยบริจาค 2.5 แสน “สะอิด๊ะ”สร้างบ้านใหม่
แต่เท่าที่ “ทีมข่าวอิศรา” สอบถามนางสะอีด๊ะ ทราบว่าหลังจากมีสื่อมวลชนนำเสนอข่าวครอบครัวของเธอ ปรากฏว่ามีผู้ใจบุญโทรติดต่อและบริจาคเงินช่วยเหลือ ได้เงินมาแล้ว 257,000 บาท เธอจึงตั้งใจจะนำเงินนี้ไปสร้างบ้านใหม่ให้แข็งแรงกว่าเดิม เพื่อให้ลูกๆ อยู่กันอย่างปลอดภัย และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
สะอีด๊ะ บอกว่า รู้สึกดีใจมาก ขอบคุณคนไทยที่ช่วยเหลือ เงินจำนวนนี้ได้ให้ผู้นำในพื้นที่เป็นผู้ดูแล และขอสัญญาว่าจะนำเงินทั้งหมดนี้ไปใช้ประโยชน์ในการสร้างบ้าน เพื่อให้สามารถมีบ้านที่มั่นคงและปลอดภัยตามที่ตั้งใจไว้ ตอนนี้ถือว่าครอบครัวได้พรมาทั้ง 2 ข้อ ตามที่หวังแล้ว (ให้ลูกทำสุนัต และได้เงินสร้างบ้าน) จึงขอขอบคุณผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน ตนสัญญาว่าจะดูแลลูกให้ดี และสร้างบ้านใหม่ให้ลูกอยู่กันอย่างมีความสุข