ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ สำหรับสารพัดคดีของ “เสี่ยโจ้ ปัตตานี” นายสหชัย เจียรเสริมสิน ที่เขาตกเป็นผู้ต้องหาและจำเลยมาตลอด 18 ปี รวม 14 คดี แต่ยังไม่มีคดีไหนเอาผิดเขาได้
ล่าสุดเขาจนมุมตำรวจสอบสวนกลาง ถูกจับกุมขณะนั่งรับประทานอาหารย่านห้วยขวาง กรุงเทพฯ เมื่อคืนวันที่ 4 พ.ย.64 ตามหมายจับในคดีฟอกเงิน และคดีนำน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นคดีในความรับผิดชอบของกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.)
ย้อนหลังกลับไปเมื่อปี 57 “เสี่ยโจ้” ถูกดำเนินคดีมีและใช้เอกสารปลอม (ดวงตราประทับไม้ สำหรับเคลื่อนย้ายไม้) และถูกศาลปัตตานีพิพากษาจำคุก 1 ปี 9 เดือน ศาลไม่ให้ประกัน “เสี่ยโจ้” ต้องนอนคุก แต่เจ้าตัวกลับหลบหนี โดยมีดาบตำรวจนายหนึ่งให้ความช่วยเหลือ
จากเหตุการณ์นี้ มีคดีแยกเป็น 2 ส่วน คือ
หนึ่ง คดีที่ศาลปัตตานีพิพากษาแล้ว แต่หลบหนี คดีจึงถึงที่สุดแล้ว หากจับกุม “เสี่ยโจ้” ได้ต้องส่งเข้าเรือนจำเท่านั้น แต่มีข่าวว่า “สำนวนหาย” ยังหาไม่เจอ ขณะนี้จึงยังไม่มีความชัดเจนว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป จะหาสำนวนเจอหรือไม่
สอง คดีหลบหนีไปจากที่คุมขังของศาล คดีนี้ สภ.เมืองปัตตานี เป็นพนักงานสอบสวน และสรุปสำนวนพร้อมความเห็นสั่งฟ้อง แต่มีข่าวว่าอัยการ “สั่งไม่ฟ้อง” เพราะมองว่า “เสี่ยโจ้” เดินออกไปจากศาลเฉยๆ ไม่ได้หลบหนี กลายเป็นตลกร้ายที่ทุกคนที่ทราบข่าวต่างพากันงุนงงสงสัย (ส่วนดาบตำรวจที่ช่วยเหลือ โดนโทษทางวินัย ไล่ออก และโดนดำเนินคดีอาญาฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ เรื่องอยู่ที่สำนักงาน ป.ป.ท.)
หลายคนไม่เชื่อว่า อัยการจะสั่งไม่ฟ้องคดีนี้จริง “ทีมข่าวอิศรา” จึงติดต่อขอสัมภาษณ์ นายโสภณ ทิพย์บำรุง อธิบดีอัยการภาค 9 ได้รับคำยืนยันว่า อัยการสั่งไม่ฟ้องจริง เพราะการกระทำของ “เสี่ยโจ้” ไม่เข้าองค์ประกอบความผิด
อธิบดีโสภณ กล่าวว่า ทราบเรื่องที่ “เสี่ยโจ้” ถูกจับแล้ว ส่วนเรื่องคดีเก่าที่หลบหนีจากที่ควบคุมของศาลนั้น “เสี่ยโจ้” ไม่ผิด
“เขาไม่ผิด เนื่องจากการหลบหนีจากที่คุมขัง หมายความว่า จะต้องมีการควบคุมตัว คือถ้าเข้าห้องขัง หรือเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไว้ แล้วหลบหนีออกไป อย่างนี้ถือว่าผิด แต่ในกรณีของเสี่ยโจ้ มีดาบตำรวจ ซึ่งขณะนี้ถูกให้ออกแล้ว และถึงแก่ความตายแล้ว เขาเป็นคนอนุญาตให้ผู้ต้องหา คือ เสี่ยโจ้ ออกไปหน้าศาล”
“ตอนนั้นทนายของเสี่ยโจ้กำลังไปทำเรื่องประกันตัวอยู่ แล้วเสี่ยโจ้ได้ขออนุญาตดาบตำรวจคนนี้ไปซื้อของที่หน้าศาล ซึ่งดาบตำรวจก็อนุญาตให้ออกไปได้ ดาบตำรวจคนนี้แทนที่จะคุมตัวไป แต่เขาอาจจะเชื่อใจกัน รู้จักกันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน เขาก็อนุญาตให้ไป”
“ที่นี้พออนุญาตให้เสี่ยโจ้ไป ตามกฎหมายมันไม่ผิด ที่นี้ในระหว่างที่ออกไปซื้อของนั้น ทางทนายอาจโทรไปบอกว่าศาลไม่ให้ประกันตัวนะ เขาก็เลยหนี เรื่องนี้จึงไม่เป็นความผิดฐานหลบหนีจากที่คุมขัง มันมีคำพิพากษาศาลฎีกาเยอะแยะเลยในเรื่องลักษณะคล้ายๆ กัน อัยการก็เลยสั่งไม่ฟ้อง”
อธิบดีโสภณ กล่าวด้วยว่า นอกจากคดีนี้แล้ว ก็ยังมีอีกหลายคดีที่ “เสี่ยโจ้” ตกเป็นผู้ต้องหา มีบางคดีที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง บางคดีสั่งสอบเพิ่ม บางคดีขาดอายุความ
“โดยรวมแล้วเรื่องนี้ถือว่าเป็นคดีปกติทั่วไป เพียงแต่ตอนเกิดเรื่องเขาประโคมข่าวเกิน เขาร่ำลือกัน จริงหรือไม่ก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ จริงๆแล้วเขาจะค้าในประเทศหรือน่านน้ำสากลเราก็ไม่รู้ ก็ต้องว่าไปตามหลักฐาน”
“ตอนนั้น (ปี 57) การข่าว คสช. ทหารของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าบอกว่า เป็นภัยแทรกซ้อน แล้วไปบอกว่า ไปสนับสนุนกับขบวนการแบ่งแยกดินแดนหรือเปล่า ผมมองว่า คงไม่มั้ง ในฐานะที่ผมอยู่พื้นที่ บางเรื่องก็ถูกประโคมให้ดัง ถามว่า เขาทำผิดกฎหมายหรือไม่ ค้าของเถื่อนหรือไม่ แต่ก็ไม่ใช่คนเดียวที่ทำ ในพื้นที่มีอีกหลายราย แต่ไม่มีการประโคมข่าว มาประโคมแต่คนนี้” อธิบดีอัยการภาค 9 กล่าว