“4 เทศบาลยะลา” เริ่มใช้มาตรการลดการเคลื่อนย้ายคน หวังคุมการระบาดของโควิด ด้าน ผบ.ทบ.ลงพื้นที่ ลุยเปิดสำนักงาน ศบค.ส่วนหน้า สั่ง กอ.รมน.ภาค 4 สนับสนุนแก้โรคระบาดทุกด้าน โดยเฉพาะงานสร้างความเข้าใจให้คนฉีดวัคซีน ส่วนปัตตานียังอ่วมโควิด ผู้ว่าฯสั่งตั้ง “ศูนย์แยกกักในชุมชน” เพิ่ม 65 แห่งใน 12 อำเภอ
วันอังคารที่ 2 พ.ย.64 สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้และสงขลา ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่เริ่มลดลง โดยเฉพาะจังหวัดยะลา ตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงมาก จนทำให้หลุดจาก 10 อันดับจังหวัดที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากที่สุดในประเทศ
โดยข้อมูลของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. พบว่า จ.ปัตตานี มีตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ 631 ราย อยู่อันดับ 2 ตามมาด้วย จ.สงขลา มีตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ 401 ราย อยู่อันดับ 4 ส่วน จ.นราธิวาส มีตัวเลขผู้ติดเชื้อ 211 ราย อยู่อันดับ 8
ด้านรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ จ.สงขลา มีตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่รวม 1,149 ราย และเสียชีวิต 9 ราย แยกตามจังหวัดได้ดังนี้
จ.ปัตตานี มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 352 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 38,811 ราย รักษาหายแล้ว 22,445 ราย มีผู้เสียชีวิตใหม่ 2 ราย ทำให้มีผู้เสียชีวิตสะสม 378 ราย ผู้ป่วยแยกรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลปัตตานี 166 ราย, โรงพยาบาลสนามจังหวัด 261 ราย, โรงพยาบาลประจำอำเภอ 1,529 ราย, โรงพยาบาลชุมชน 597 ราย, โรงพยาบาลค่ายอิงคยุทธบริหาร 1 ราย, โรงพยาบาลสนามค่ายสมเด็จพระสุริโยทัย 29 ราย, โรงพยาบาลสิโรรส 51 ราย, สิโรรส-ปาร์ควิว ฮอสพิเทล 175 ราย, โรงพยาบาลสิโรรส เรนโบว์ ฮอสพิเทล 101 ราย, โรงพยาบาลธัญรักษ์สะพานปูน 16 ราย, โรงพยาบาลธัญรักษ์โรงยิมบานา 53 ราย, โรงพยาบาลธัญรักษ์ เซาท์เทิร์น วิว 244 ราย และ Home Isolation 2,176 ราย
จำนวนผู้ป่วยโควิด-19 อยู่ระหว่างรักษารวม 6,320 ราย แยกรายอำเภอ ได้แก่ อ.เมือง 1,240 ราย, อ.ไม้แก่น 256 ราย, อ.ยะหริ่ง 250 ราย, อ.หนองจิก 673 ราย, อ.โคกโพธิ์ 562 ราย, อ.สายบุรี 901 ราย, อ.แม่ลาน 100 ราย, อ.ยะรัง 552 ราย, อ.ปะนาเระ 124 ราย, อ.ทุ่งยางแดง 298 ราย, อ.มายอ 765 ราย และ อ.กะพ้อ 405 ราย
จ.สงขลา มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 401 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมเพิ่มเป็น 49,246 ราย ติดเชื้อภายในประเทศ 49,223 ราย ติดเชื้อจากต่างประเทศ 23 ราย เป็นผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการรักษา 5,952 ราย รักษาหายแล้ว 43,113 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสม 181 ราย อยู่ระหว่างรอผลตรวจ 5,140 ราย
จำนวนผู้ติดเชื้อแยกตามพื้นที่ ได้แก่ อ.หาดใหญ่ 11,299 ราย, อ.เมืองสงขลา 6,746 ราย, อ.จะนะ 6,210 ราย, อ.สิงหนคร 4,563 ราย, อ.สะเดา 3,863 ราย, อ.เทพา 3,535 ราย, อ.สะบ้าย้อย 2,992 ราย, อ.รัตภูมิ 2,928 ราย, อ.นาทวี 1,253 ราย, อ.บางกล่ำ 1,076 ราย, อ.ระโนด 831 ราย, สทิงพระ 719 ราย, ควนเนียง 536 ราย, อ.นาหม่อม 503 ราย, อ.คลองหอยโข่ง 321 ราย, อ.กระแสสินธุ์ 63 ราย, เป็นกรณีเรือนจำ รวม 1,166 ราย เป็นคนต่างจังหวัด 619 ราย และจากต่างประเทศ 23 ราย
จ.นราธิวาส มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 211 ราย แยกเป็นพื้นที่ อ.เมือง 50 ราย, อ.ตากใบ 8 ราย, อ.ยี่งอ 44 ราย, อ.จะแนะ 18 ราย, อ.แว้ง 1 ราย, อ.รือเสาะ 2 ราย, อ.ระแงะ 6 ราย, อ.เจาะไอร้อง 36 ราย, อ.สุไหงปาดี 9 ราย และ อ.สุไหงโก-ลก 37 ราย ทำให้มีผู้ป่วยสะสม 37,495 ราย รักษาหายสะสม 34,796 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสม 368 ราย
ผู้ติดเชื้อแยกตามพื้นที่ได้ดังนี้ อ.เมือง 7,478 ราย, อ.ระแงะ 4,526 ราย, อ.รือเสาะ 1,948 ราย, อ.บาเจาะ 3,160 ราย, อ.จะแนะ 1,555 ราย, อ.ยี่งอ 2,738 ราย, อ.ตากใบ 2,894 ราย, อ.สุไหงโก-ลก 2,953 ราย, อ.สุไหงปาดี 3,158 ราย, อ.ศรีสาคร 1,988 ราย, อ.แว้ง 2,098 ราย, อ.สุคิริน 917 ราย และ อ.เจาะไอร้อง 2,082 ราย
จ.ยะลา มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 185 ราย ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มเป็น 41,504 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 5,959 ราย รักษาหายแล้ว 36,791 ราย มีผู้เสียชีวิตใหม่ 7 ราย ทำให้มีผู้เสียชีวิตสะสม 276 ราย ซึ่งจำนวนผู้ป่วยแยกตามพื้นที่ ได้แก่ อ.เมืองยะลา 14,810 ราย, อ.เบตง 3,933 ราย, อ.รามัน 5,742 ราย, อ.ยะหา 4,852 ราย, อ.บันนังสตา 6,460 ราย, อ.ธารโต 2,254 ราย, อ.กาบัง 1,059 ราย และ อ.กรงปินัง 2,394 ราย
ผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการรักษา 5,959 ราย แยกเป็นโรงพยาบาลยะลา 211 ราย, โรงพยาบาลเบตง 115 ราย, โรงพยาบาลชุมชน (รพช.) 6 แห่ง 528 ราย, โรงพยาบาลสิโรรส 167 ราย, โรงพยาบาลสนาม อ.เมือง 239 ราย, โรงพยาบาลสนามเบตง 87 ราย, โรงพยาบาลสนามรามัน 307 ราย, โรงพยาบาลสนามบันนังสตา 177 ราย, โรงพยาบาลสนามยะหา 127 ราย, โรงพยาบาลสนามธารโต 15 ราย, โรงพยาบาลสนามกรงปินัง 101 ราย, โรงพยาบาลสนามกาบัง 31 ราย, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ศอ.12 ยะลา 35 ราย, Hospitel ( 2 แห่ง ) 100 ราย, Hospitel เบตง 150 ราย, ผู้ป่วยแยกกักตัวที่บ้าน (Home Isolation) 2,738 ราย , ผู้ป่วยแยกกักตัวในชุมชน (Community Isolation) 831 ราย
@@ 4 เทศบาลยะลา เริ่มใช้มาตรการลดการเคลื่อนย้ายคน
หลังจากที่ทางนายกเทศมนตรีนครยะลาได้ผนึกกำลัง 4 เทศบาลในเขตอำเภอเมืองยะลา กำหนดใช้มาตรการลดการเคลื่อนย้ายที่ไม่จำเป็นของประชากร โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 – 14 พ.ย.นี้ เพื่อแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่
วันเดียวนี้ ( 2 พ.ย.) นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา ได้เดินทางไปเยี่ยมจุดตรวจป้อมขุนไวย์ (ใกล้ค่ายสิรินธร) เพื่อตรวจเยี่ยมเจ้าหน้าที่และอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่เดินทางจากจังหวัดปัตตานีเข้าสู่เมืองยะลา ตามมาตรการลดการเคลื่อนย้ายที่ไม่สร้างสรรค์ของประชากร เพื่อขอความร่วมมือให้เข้าเมืองยะลาเฉพาะผู้มีความจำเป็น โดยการตรวจสอบประวัติการฉีดวัคซีน ซึ่งหากผู้ใดยังไม่ฉีดวัคซีน จะมีเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลยะลา ตั้งจุดบริการฉีดวัคซีนให้ด้วย และถ้ากรณีมาเป็นหมู่คณะ อาจจะมีการสุ่มตรวจ ATK เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อในเมืองยะลา โดยกำหนดระยะเวลา 14 วัน ซึ่งทั้ง 4 เทศบาล ประกอบด้วยเทศบาลนครยะลา เทศบาลเมืองสะเตงนอก เทศบาลตำบลท่าสาปและเทศบาลตำบลบุดี ก็จะเร่งตรวจ ATK เชิงรุกในพื้นที่ เพื่อแยกผู้ป่วยเข้ารักษาในศูนย์ CI (Community Isolation) ของแต่ละตำบล เพื่่อเร่งควบคุมโรค ลดการแพร่เชื้อ
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า หากได้รับความร่วมมือในการดำเนินการตามมาตรการนี้ เชื่อว่า ต้นเดือน ธ.ค. อำเภอเมืองยะลา จะสามารถลดจำนวนผู้ป่วยและโรงเรียนต่างๆจะสามารถเปิดเรียนที่โรงเรียนได้ รวมทั้งชาวยะลาสามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติ เฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ เยี่ยมญาติ บุพการีได้ ทั้งนี้เทศบาลนครยะลา ต้องขออภัยในความไม่สะดวกและขอขอบคุณความร่วมมือจากทุกฝ่าย ที่เกี่ยวข้อง และพี่น้องประชาชนทุกๆท่าน
@@ ผบ.ทบ.ลงพื้นที่คุม กอ.รมน. ร่วม ศบค.ส่วนหน้าแก้ปัญหาโควิด
ส่วนที่ห้องประชุมกองพลทหารราบที่ 15 อ.หนองจิก จ.ปัตตานี พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมคณะลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมประชุมการจัดตั้ง สำนักงาน ศบค.ส่วนหน้า ร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยภาพรวมขณะนี้ได้ดำเนินการเป็นที่เรียบร้อย โดยมี พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม
พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตรแก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า ลงมาในฐานะผู้กำกับดูแล กอ.รมน.ภาค 4 สน. ซึ่งเป็นหนึ่งในหน่วยงานที่สนับสนุนการทำงาน ของ “ศบค.ส่วนหน้า” ร่วมกับส่วนราชการในพื้นที่ ซึ่ง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า จะทำหน้าที่เป็นส่วนสนับสนุนการปฏิบัติงานบูรณาการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนในพื้นที่ โดยเฉพาะเรื่องสำคัญคือ การสร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นในเรื่องการฉีดวัคซีน ซึ่งถือเป็นวาระแห่งชาติ กองทัพพร้อมสนับสนุนทุกอย่างทั้งสรรพกำลัง ทั้งยุทโธปกรณ์ และกำลังพล เพื่อช่วยบุคลากรทางการแพทย์ ทั้งการฉีดวัคซีนและการตรวจคัดกรองเชิงรุกและต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนได้ตระหนักถึงความสำคัญของการฉีดวัคซีน เพื่อให้ครบตามเป้าหมาย 70% ให้ได้โดยเร็ว เพื่อให้เราผ่านพ้นสถานการณ์ครั้งนี้ไปด้วยกัน
ด้านนายแพทย์อนุรักษ์ สารภาพ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปัตตานี เปิดเผยถึง สาเหตุที่ทำให้ยอดการฉีดวัคซีนไม่ถึงเป้าที่วางไว้ ก็เนื่องจากว่า ช่วงหลังที่ผ่านมามีผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนในอัตราที่ลดลง ก็เนื่องมาจาก มีประชาชนกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ที่ไม่ต้องการฉีดวัคซีน ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนชนิดไหนก็ตาม จึงได้ให้ผู้นำหมู่บ้าน ผู้นำชุมชน ร่วมประชาสัมพันธ์ ซึ่งหากสถานการณ์เป็นปกติ จะมีการเปิดเรียนปกติได้โดยเร็ว คาดว่า จะเปิดได้อย่างช้าสุดก็วันที่ 1 ธ.ค.64 แต่ก็ต้องประเมินสถานการณ์อีกครั้ง
@@ปัตตานีตั้งศูนย์แยกกักในชุมชน เพิ่ม 65 แห่งใน 12 อำเภอ
นายนิพนธ์ บุญหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ในฐานะผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดปัตตานี ได้ออกคำสั่งจังหวัดปัตตานีที่(พิเศษ)92/2564 เรื่อง จัดตั้งศูนย์แยกกักในชุมชน(ศูนย์พักคอย) (Community Isolation) ขึ้นใหม่ในแต่ละอำเภอ เป็นศูนย์แยกกักในชุมชน (ศูนย์พักคอย) (Community Isolation) ระดับจังหวัด 2 แห่ง และในระดับอำเภอ 12 อำเภอรวม 65 แห่ง
โดยมีคำสั่งให้โรงพยาบาลทุกแห่งและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มอบหมายให้ข้าราชการและบุคลากรในสังกัดเข้ามาปฏิบัติงาน ณ ศูนย์แยกกักในชุมชน(ศูนย์พักคอย) (Community Isolation) โดยสลับหมุนเวียนกัน เพื่อให้ระบบการรักษาพยาบาลผู้ติดเชื้อเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัยสูงสุดทั้งผู้ติดเชื้อและผู้ให้บริการ
@@ป่วยโควิดเบตงดับอีก 2 ศพ – กู้ภัยเบตงสนับสนุนชุด PPE
ส่วนที่ อ.เบตง ทางทีมเฉพาะกิจสู้ภัยโควิด-19 อ.เบตง ได้สวมชุด PPE เดินทางไปโรงพยาบาลเบตง เพื่อรับศพชายผู้สูงอายุที่เสียชีวิตจากโควิด-19 จำนวน 2 ราย มาประกอบพิธีฌาปนกิจ ยังฌาปนสถานเทศบาลเมืองเบตงวัดพุทธาธิวาส พระอารามหลวง อ.เบตง จ.ยะลา และได้ทำการนำศพขึ้นเมรุเข้าเตาเผาทันที บรรยากาศการฌาปนกิจศพเป็นไปด้วยความเรียบง่ายและไม่มีแขก ไม่มีลูกหลานและญาติมาร่วมพิธี เนื่องจากญาติใกล้ชิดอยู่ระหว่างการกักตัว ส่วนเจ้าหน้าที่ได้สวมใส่ชุด PPE ป้องกันเชื้อโรคอย่างแน่นหนา
โดยศพของผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในครั้งนี้ เป็นรายที่ 15 และ16 ของ อ.เบตง รายแรกเป็นชาย อายุ 80 ปี ชาวเบตง ติดเชื้อโควิด-19 เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลเบตง เมื่อวันที่ 9 ต.ค. ที่ผ่านมา เมื่อไวรัสโควิด-19 ลงปอด ทำให้อาการความดันโลหิต โรคหัวใจ ปอดบวม กำเริบ จนเสียชีวิตลง ส่วนอีกรายเป็นชาย อายุ 77 ปี ชาวเบตง ติดเชื้อโควิด-19 เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลเบตง เมื่อวันที่ 14 ต.ค. ที่ผ่านมา และมีอาการปอดบวม จนเสียชีวิตลง ซึ่งทั้ง 2 ราย ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน
ด้าน น.ส.พัชรรินทร์ อินต๊ะอัฑฒ์ ทีมเฉพาะกิจสู้ภัยโควิด19 เบตง กล่าวว่า ทางทีมเฉพาะกิจสู้ภัยโควิด19 ขอการขอรับการสนับสนุน ชุดPPE หมวกตัวหนอน ถุงครอบเท้า เฟซชิว เสื้อกราวน์พลาสติก ถุงซิบใส่ศพ เนื่องจากชุดที่มีอยู่เหลือน้อยลงแล้ว ขอกำลังใจ คนละ 8 บาท 9 บาท เพื่อนำไปซื้อชุดป้องกันให้เจ้าหน้าที่ สามารถส่งมาได้ที่ กองทุนเบตงสู้ภัยโควิด19 เลขที่ 16 ถ.ตัณฑ์วีระ ซ.3 ต.เบตง อ.เบตง จ.ยะลา 95110 และขอเชิญผู้มีจิตศรัทธา ร่วมทำบุญช่วยเหลือศพผู้เสียชีวิตจากโควิด19 ได้ที่ ธ.กรุงไทย 912-041-8000 ชื่อบัญชี พัชรรินทร์ / นภาพร / เฉลิมศักดิ์ โทร.093-662-9974