ปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นบ้านต้องสงสัยใน ต.ลิปะสะโง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี จนนำไปสู่การยิงปะทะและวิสามัญฆาตกรรมผู้ก่อเหตุรุนแรง 1 ราย ทำให้ชื่อของ นายรอซาลี หลำโสะ 1 ใน 3 พี่น้องตระกูล “หลำโสะ” กลับมากระฉ่อนบนหน้าสื่ออีกครั้ง
รอซาลี เป็นแกนนำระดับปฏิบัติการของกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนใต้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ระบุว่ามีหมายจับมากถึง 9 หมาย 9 คดี และเป็นหนึ่งในทีมปฏิบัติการที่เรียกขานกันว่า “ทีมปัตตานี” มีพื้นที่เคลื่อนไหวอยู่บริเวณรอยต่ออำเภอชายขอบของ จ.ปัตตานี กับ 4 อำเภอของ จ.สงขลา ทั้ง อ.โคกโพธิ์ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี, อ.เทพา อ.สะบ้าย้อย และ อ.นาทวี จ.สงขลา
คดีสำคัญๆ ที่ รอซาลี ถูกออกหมายจับ มีทั้งปล้นเต็นท์รถ “วังโต้คาร์เซ็นเตอร์” ในพื้นที่ อ.นาทวี แล้วนำรถไปประกอบระเบิดคาร์บอมบ์, คดีปล้นร้านทอง “ห้างทองสุธาดา” ในพื้นที่ อ.นาทวี ได้ทองไปมูลค่าถึง 80 ล้านบาท ทั้งยังมีคดีก่อเหตุลอบวางระเบิด ก่อเหตุฆ่าเจ้าหน้าที่ตำรวจและฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์อีกหลายคดี
รอซาลี หลำโสะ อายุ 30 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่บ้านควนหรัน ต.เปียน อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา เขาเป็นน้องชายแท้ๆ ของ บูคอรี หลำโสะ แกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบระดับหัวหน้าเขต ผู้มีประวัติเคยก่อคดีความมั่นคงดังๆ มากมาย โดยเฉพาะคาร์บอมบ์หน้าห้างบิ๊กซี ปัตตานี เมื่อวันที่ 9 พ.ค.60 และปล้นรถ 7 คันทำคาร์บอมบ์ เมื่อวันที่ 16 ส.ค.60
จริงๆ แล้วพี่น้องของบูคอรี มีทั้งหมด 9 คน แต่ที่เลือกเส้นทางสายต่อต้านรัฐมี 3 คน คือ ตัวนายบูคอรี, นายรอซาลี และนายซอบรี โดย นายซอบรี หลำโสะ ซึ่งเป็นฝาแฝดกับรอซาลี ถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญฆาตกรรมจากเหตุยิงปะทะที่ ต.คอลอตันหยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 21 พ.ย.62 อำเภอเดียวกับที่ รอซาลี ถูกวิสามัญฯ ในอีกเกือบ 2 ปีต่อมา (2 ส.ค.64)
นับถึงปัจจุบัน จึงเหลือเพียง บูคอรี พี่ใหญ่เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยังหลบหนีอยู่ โดยปัจจุบันเขาน่าจะอายุ 43 ปี มีประวัติโชกโชน เริ่มก่อเหตุตั้งแต่อายุ 18 ปี เคยถูกจับกุมจากเหตุใช้ท่อนไม้ทุบตีครูในพื้นที่บ้านควนหรัน แต่ภายหลังได้รับการปล่อยตัว
ขณะที่ประวัติของ รอซาลี หลำโสะ เรียนจบสายสามัญชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนในพื้นที่บ้านเกิด จากนั้นไปศึกษาต่อที่โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาใน อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี จนจบชั้น 10 โดยเจ้าตัวเคยเป็นครูสอนศาสนาในพื้นที่ ต.ควนหรัน บ้านเกิดด้วย และยังเคยเข้ารับการตรวจเลือกเข้าเป็นทหารกองประจำการ แต่เผอิญผลัดนั้นผู้สมัครเต็ม ทำให้ไม่ได้เป็นทหาร
รอซาลี เคยถูกควบคุมตัวหลายครั้งด้วยข้อหาต่างๆ กัน ระหว่างปี 51-58 แต่เจ้าหน้าที่ไม่มีหลักฐานเพียงพอ จึงต้องปล่อยตัวไป
แต่เขาเคยเข้ากระบวนการซักถาม และยืนยันว่าไม่เคยถูกชักชวนเข้าสาบานตน หรือ “ซูมเปาะ” และไม่เคยเข้ารับการฝึกทางร่างกายและจิตใจ รวมถึงไม่เคยร่วมรับฟังบรรยายประวัติศาสตร์ปาตานี เพื่อเป็นนักรบของขบวนการแบ่งแยกดินแดน
ช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา นายรอซาลีมีชื่อร่วมก่อเหตุรุนแรงขนาดใหญ่มากมาย และมีหมายจับถึง 9 หมาย แต่เจ้าหน้าที่ยังเชื่อว่าเขาเข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความไม่สงบมากกว่าที่ถูกออกหมายจับ เช่น เหตุการณ์ยิงถล่มป้อม ชรบ.ลำพะยา ต.ลำพะยา อ.เมือง จ.ยะลา เมื่อวันที่ 5 พ.ย.62 ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 15 ราย ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่า “พี่น้องตระกูลหลำโสะ” น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง เนื่องจากเจ้าหน้าที่พบว่า ปฏิบัติการครั้งนั้นเป็นการร่วมมือกันก่อเหตุจากสมาชิก “ทีมยะลา” กับ “ทีมปัตตานี”
“สามพี่น้องตระกูลหลำโสะ” เป็นผู้ต้องหาคดีความมั่นคงคนสำคัญที่ทางการต้องการตัว แต่หลังก่อเหตุใหญ่ พวกเขากลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย คาดว่าอาจมีการพรางตัวเดินทางออกนอกพื้นที่โดยใช้รถตู้นักเรียน เพราะเคยมีเจ้าหน้าที่แกะรอยติดตามจบพบว่า นายบูคอรี พร้อมด้วยน้องทั้ง 2 คน และทีมงานคนอื่นๆ ไปเคลื่อนไหวซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ อ.ควนโดน จ.สตูล ซึ่งเป็นทั้งสถานที่ฝึกและหลบซ่อนพักพิงติดชายแดนมาเลเซีย มีช่องทางลักลอบข้ามแดนได้ง่าย
หลังการเสียชีวิตของรอซาลี ทำให้พี่น้องตระกูลหลำโสะยังคงเหลือเพียง บูคอรี พี่ใหญ่เพียงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงในหลายพื้นที่ได้ยกระดับมาตรการเฝ้าระวังมากขึ้น เนื่องจากคาดว่า น่าจะมีปฏิบัติการตอบโต้จากกลุ่มก่อความไม่สงบเพื่อล้างแค้นเอาคืน