ช่วงรอยต่อปลายเดือน มิ.ย. ต่อเนื่องต้นเดือน ก.ค.63 มีเหตุการณ์ทลายเครือข่ายค้ายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ถึง 3 เหตุการณ์ ทั้งการจับกุมยึดไอซ์มากกว่า 1 ตันครึ่ง มูลค่านับพันล้านบาท และการยิงปะทะจนเกิดความสูญเสียทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งมีจุดเริ่มต้นจากการพิสูจน์ทราบเป้าหมายที่เกี่ยวกับยาเสพติด
วันศุกร์ที่ 3 ก.ค.63 เวลาประมาณ 14.20 น. หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 42 สนธิกำลังร่วมกับตำรวจ สภ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เข้าพิสูจน์ทราบเป้าหมายยาเสพติดในพื้นที่บ้านราวอ หมู่ 1 ต.ดอน อ.ปะนาเระ
เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปถึงบ้านที่ได้เบาะแสว่าเป็นแหล่งกบดานของกลุ่มค้ายา และได้แสดงตัวขอเข้าตรวจค้น ปรากฏว่ากลุ่มคนร้ายในบ้านได้ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิงสวนออกมา จึงเกิดการยิงปะทะกันกับเจ้าหน้าที่ ทำให้เกิดความสูญเสียทั้งสองฝ่าย
โดยฝ่ายเจ้าหน้าที่เสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บ 2 นาย ได้แก่ นายมะสบรี แวสาหะ อายุ 30 ปี สังกัดกองร้อยอาสารักษาดินแดน (อส.) อ.ปะนาเระ เสียชีวิต, พ.ต.ประเทือง พุศลพงษ์ อายุ 53 ปี ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่ 4215 ได้รับบาดเจ็บ และ อาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) สำราญ มานุ้ย อายุ 31 ปี สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 4215 ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน
ขณะที่ฝ่ายติดอาวุธต้องสงสัยที่ยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่เสียชีวิต 1 คน เป็นชาย สภาพศพสวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงสีขาว ในมือมีอาวุธปืนพกสั้นไม่ทราบขนาด นอนอยู่ใต้ต้นมะพร้าว คาดว่าถูกกระสุนระหว่างพยายามหลบหนี นอกจากนั้นยังคาดว่ามีคนที่อยู่ในบ้านหนีรอดไปได้อีกจำนวนหนึ่ง
จากการตรวจสอบเพิ่มเติมทราบว่า ผู้เสียชีวิตคือ นายอันวาร์ ดือราแม อายุ 40 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ ต.ปากู อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี มีชื่อในบัญชีผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับปฏิบัติการ และมีประวัติก่อเหตุรุนแรงหลายคดี เช่น ยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปะนาเระ ชุด รปภ.การตรวจเลือกทหาร เมื่อวันที่ 3 เม.ย.50 ซุ่มโจมตีทหารในพื้นที่ ต.ปากู อ.ทุ่งยางแดง เมื่อวันท่ 23 มิ.ย.51 ลอบยิงชาวบ้านไทยพุทธและจุดไฟเผาร่าง เมื่อวันที่ 9 มี.ค.51 เป็นต้น
เป็นที่น่าสังเกตว่า เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเบาะแสของคนร้ายกลุ่มนี้ว่าเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติด เข้ามากบดานในพื้นที่บ้านราวอ หมู่ 1 ต.ดอน อ.ปะนาเระ โดยข่มขู่เจ้าของบ้านหลังที่เกิดการปะทะ เพื่อใช้หลบซ่อนตัว จนเจ้าของบ้านต้องย้ายไปอาศัยที่อื่น เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าพิสูจน์ทราบและเกิดการยิงปะทะ กลับพบว่าผู้เสียชีวิตอย่างนายอันวาร์ ดือราแม เป็นสมาชิกกลุ่มก่อความไม่สงบ เบื้องต้นจึงสันนิษฐานว่าผู้ตายหรือคนในบ้านที่หลบหนีไปได้ น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับเครือข่ายค้ายาเสพติด และน่าเชื่อว่าบุคคลในขบวนการค้ายามีความเชื่อมโยงกับกลุ่มก่อความไม่สงบที่เคลื่อนไหวสร้างสถานการณ์รุนแรงในพื้นที่มาโดยตลอด
จับไอซ์ 250 กิโลฯ ขนจากภาคกลางส่งเพื่อนบ้าน
ก่อนหน้านั้นเมื่อวันจันทร์ที่ 29 มิ.ย. พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ หรือ "บิ๊กเดฟ" แม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมด้วย พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด พล.อ.จตุพร กลัมพสุต ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรอง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกหน่วย ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมเครือข่ายนักค้ายาเสพติดรายสำคัญพื้นที่ภาคใต้ ประกอบด้วย นายกอเซ็ง เจะหะ, นายมะดิง รูเป๊ะ และ นายยูโซ๊ะ กามา พร้อมของกลางเป็นไอซ์ 250 กิโลกรัม พร้อมขยายผลตรวจยึดของกลางทั้งรถบรรทุก รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ได้อีกกว่า 20 รายการ รวมมูลค่านับร้อยล้านบาท
ปฏิบัติการทลายเครือข่ายค้ายาเสพติดรายใหญ่เริ่มขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 26 มิ.ย. เวลา 22.30 น. เจ้าหน้าที่จับกุม นายกอเซ็ง เจะหะ ภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 17 หมู่ 1 ต.กายูบอเกาะ อ.รามัน จ.ยะลา พร้อมของกลางเป็นไอซ์ น้ำหนัก 250 กิโลกรัม ที่บริเวณด่านตรวจความมั่นคงบ้านควนมีด ต.คลองเปียะ อ.จะนะ จ.สงขลา ขณะนายกอเซ็งขับรถบรรทุกสิบล้อ หมายเลขทะเบียน 70–1693 ยะลา ผ่านด่าน โดยซุกซ่อนไอซ์ไว้บริเวณกระบะท้าย
นายกอเซ็ง ให้การซัดทอดว่า ไอซ์ของกลางทั้งหมดมี นายมะดิง รูเป๊ะ เป็นผู้ว่าจ้าง โดยให้ไปรับไอซ์จาก อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี เจ้าหน้าที่จึงขยายผลจับกุม นายมะดิง รูเป๊ะ ขณะกำลังเตรียมการหลบหนี ที่บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 16/5 หมู่ 4 ต.มูโนะ อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส พร้อมยึดทรัพย์สินไว้ตรวจสอบ
นายมะดิง ให้การซัดทอดว่า เป็นผู้ติดต่อนัดหมายกับผู้รับของตัวจริงที่เรียกว่า "บาบอ" ทราบชื่อภายหลังคือ นายยูโซ๊ะ กามา โดยนัดรับไอซ์ที่บริเวณแยกลำพู อ.เมือง จ.นราธิวาส ต่อมาในช่วงกลางดึกของวันเสาร์ที่ 27 ก.ค. เจ้าหน้าที่จึงเข้าจับกุมนายยูโซ๊ะได้ขณะมารอรับไอซ์ จึงคุมตัวไปค้นบ้าน และยึดทรัพย์สินไว้อีกหลายรายการ
พฤติการณ์นักค้ายาเสพติดกลุ่มนี้ จะใช้รถบรรทุกขึ้นไปรับยาและลำเลียงยาจากพื้นที่ปริมณฑลของกรุงเทพฯ (เช่น จ.ปทุมธานี) ขับลงใต้เพื่อส่งต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยรับค่าจ้างครั้งละ 1 ล้านบาท จากการจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 คน สามารถขยายผลนำไปสู่การยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท มีทั้งรถยนต์ รถบรรทุก โฉนดที่ดิน ทองคำ และอาวุธปืน ส่วนไอซ์น้ำหนัก 250 กิโลกรัม ราคาขายหากไปถึงปลายทางอยู่ที่หลักร้อยล้านบาท
แฉ 3 ผู้ต้องหารู้จักกันในคุก - หนุนขบวนการป่วนใต้
พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด กล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนเคยต้องโทษคดียาเสพติด โดยรู้จักกันในเรือนจำจังหวัดสงขลา และเพิ่งพ้นโทษออกมาได้เพียง 5 ปี
ขณะที่ พล.ท.พรศักดิ์ หรือ "บิ๊กเดฟ" แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า เครือข่ายยาเสพติดที่ถูกจับกุมครั้งนี้เป็นรายใหญ่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเป็นกลุ่มที่เอื้อต่อขบวนการก่อความไม่สงบ
ยึดไอซ์อีกตันครึ่ง-เฮโรอีน 6 กิโลฯ โยงนักการเมืองท้องถิ่น
ต่อมาเวลา 02.30 น. วันพฤหัสบดีที่ 2 ก.ค. เจ้าหน้าที่ยังเข้าตรวจยึดรถบรรทุก 18 ล้อ หมายเลขทะเบียน 70-5331 สุราษฎร์ธานี ที่จอดอยู่ในหมู่บ้านปะดาดอ ต.นานาค อ.ตากใบ จ.นราธิวาส และจับกุม นายสมชาย เทียนเครือ คนขับรถ และ นายคำรณ จันทมณี ซึ่งนั่งมาในรถ หลังพบว่าภายในรถได้บรรทุกไอซ์มาถึง 35 กระสอบ กระสอบละ 40 แท่ง รวมน้่ำหนัก 1,420 กิโลกรัม โดยอำพรางมากับเหล็กเส้น ทำทีเป็นขนวัสดุก่อสร้าง
สองผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ ยอมรับว่า ได้นัดหมายกับ นายอาแว เมาะบากอ ภูมิลำเนาอยู่ใน ต.นานาค อ.ตากใบ ให้มาพบในหมู่บ้านแห่งนี้ ซึ่งเป็นที่พักของนายอาแว โดยหลังจากรับของ นายอาแวจะส่งต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อเจ้าหน้าที่ตามไปค้นบ้านนายอาแว ปรากฏว่าเจ้าตัวหลบหนีไปก่อนแล้ว
การจับไอซ์ล็อตใหญ่ น้ำหนักเกือบตันครึ่งนี้ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้ลงพื้นที่สอบปากคำผู้ต้องหาด้วยตนเอง จากนั้นในวันศุกร์ที่ 3 ก.ค. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ยังเดินทางไปร่วมแถลงข่าวพร้อมของกลางที่ สภ.เมืองนราธิวาส ด้วย
นอกจากคดีจับไอซ์แล้ว ยังมีคดีที่ตำรวจจับกุม นายวันอาสลัน แวมูซอ พร้อมพวก 7 คน ซึ่งยอมรับว่ามีหน้าที่สั่งการ รับติดต่อ รับลำเลียง พักยา ฝังกลบ และเผาทำลายยาเสพติด พร้อมยึดของกลางเฮโรอีนได้จำนวน 36 ถุง รวมน้ำหนักทั้งสิ้น 6.3 กิโลกรัม
จากการสอบปากคำเบื้องต้น แก๊งของนายวันอาสลันยอมรับว่า ทำแล้วหลายครั้ง มีนายทุนประเทศเพื่อนบ้านเป็นผู้สั่งการ และจะนำยาเสพติดไปส่งในพื้นที่ อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส โดยเจ้าหน้าที่ได้ขยายผลยึดทรัพย์ เป็นบ้านพร้อมที่ดินจำนวน 5 หลัง รถยนต์ 9 คัน รถจักรยานยนต์ 4 คัน และทรัพย์สินอื่นๆ รวมมูลค่า เบื้องต้นประมาณ 20 ล้านบาท โดยจุดที่ตรวจค้นและยึดของกลางเป็นบ้านของสมาชิกสภาเทศบาลตำบลแว้ง อ.แว้ง จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นนักการเมืองท้องถิ่น โดยเจ้าหน้าที่กำลังขยายผลเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
"บิ๊กโมทย์" ย้ำชัดค้ายาท่อน้ำเลี้ยงกลุ่มก่อความไม่สงบ
พล.ต.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ เสนาธิการกองทัพภาคที่ 4 ในฐานะโฆษกกองทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า การจับกุมยาเสพติดที่เป็นไอซ์ มูลค่ามหาศาล เคยมีมาแล้วเมื่อปี 60 จับได้ติดๆ กัน 3 ครั้ง ครั้งละ 400 กิโลกรัม คือจับได้ที่ จ.ชุมพร 400 กิโลกรัม ที่ จ.ตรังหรือกระบี่ 400 กิโลกรัม และในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้อีก 400 กิโลกรัม
นอกจากนั้นเมื่อวันที่ 9 เม.ย.61 ในยุคที่ พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช เป็นแม่ทัพภาคที่ 4 เกิดเหตุระเบิด 3 จุดใน อ.สุไหงโก-ลก เป็นการกระทำของกลุ่มผู้ค้ายาเสพติด เพื่อต้องการเบี่ยงเบนความสนใจของเจ้าหน้าที่ให้เทกำลังไปตรวจสอบเหตุระเบิด จะได้เปิดช่องว่างตามแนวชายแดนสำหรับขนยาเสพติดข้ามแดนได้สะดวก เพราะก่อนเกิดระเบิดเพียงไม่ถึง 10 นาที เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ สามารถจับกุมรถยนต์บรรทุกไอซ์ถึง 125 กิโลกรัม บนถนนเลียบแนวชายแดนด้าน อ.สุไหงโกลก เตรียมส่งข้ามแดนเข้าไปในปรเทศเพื่อนบ้าน (อ่านประกอบ : แฉแก๊งค้ายาสั่งบอมบ์โก-ลก แม่ทัพ 4 ตั้งเงื่อนไขเปิดด่าน)
"ถามว่าเอื้อประโยชน์ไหม เท่าที่ตรวจสอบมามีความเชื่อมโยงกันของเครือข่ายกลุ่มขบวนก่อความไม่สงบในพื้นที่กับขบวนการค้ายา มีการเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันแน่นอน เพราะวันที่เราไปจับที่่ยาเสพติด เขาก็มีการวางระเบิด และทำแบบนี้มาแล้วหลายครั้ง โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.นราธิวาส มีความเชื่อมโยงทางท่อน้ำเลี้ยง เเพราะลักษณะการก่อเหตุ ใช้กลุ่มโจรมาช่วยในการตอบโต้บ้าง ช่วยในการก่อเหตุเพื่อเปิดทางบ้าง ในระดับผู้ปฏิบัติก็คือกลุ่มก่อความไม่สงบ หรือผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับปฏิบัติการ"
"อย่างเมื่อเดือนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปจับกุมกลุ่มยาเสพติดที่ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี แต่ปรากฏว่าเจอผู้ที่กำลังเสพยามึนเมา มีหมายจับในคดีความมั่นคง 3 หมาย ชัดเจนว่าเราพบความเชื่อมโยงของกลุ่มยาเสพติด เอื้อประโยชน์กับกลุ่มขบวนการในพื้นที่แน่นอน" พล.ต.ปราโมทย์ กล่าว