คดีคาร์บอมบ์นราธิวาส เกิดขึ้นในพื้นที่ของตำรวจ คือ แฟลตที่พักของข้าราชการตำรวจ สภ.เมืองนราธิวาส ทำให้ตำรวจเป็นเจ้าภาพในการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิด โดยทหารเป็นกองหนุน
ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 เพิ่งสั่งย้ายผู้กำกับการ สภ.เมืองนราธิวาส เปิดทางให้ พ.ต.อ.รณน สุรวิทย์ ผู้กำกับการสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส เข้าไปรักษาราชการแทน เพื่อเปิดทางให้เข้าไปปรับระบบงาน และปฏิบัติการเชิงรุก
ท้องที่ที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ มี 2 ท้องที่หลักๆ คือ ท้องที่เกิดเหตุ สภ.เมืองนราธิวาส และ ท้องที่ สภ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นภูมิลำเนาของ น.ส.ฟาติฮะ (สงวนนามสกุล) ซึ่งเป็นบุคคลที่ขับรถกระบะ อีซูซุ ดีแม็กซ์ 4 ประตู เข้าพื้นที่นราธิวาส แล้วถูกจับที่ด่านสะปอม อำเภอเมืองนราธิวาส ซึ่งเป็นด่านทางหลวง เนื่องจากขับรถโดยไม่มีใบขับขี่
วันที่ถูกจับคือวันที่ 6 พ.ย.65 ต่อมาวันที่ 22 พ.ย. หรือ 16 วันให้หลัง รถคันเดียวกันถูกนำไปติดตั้งระเบิด และนำไปจอดจุดระเบิดที่แฟลตตำรวจ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บทั้งหมด 46 คน
หลังเกิดคาร์บอมบ์ ตำรวจควานหาตัว น.ส.ฟาติฮะ แต่ตามข่าวยืนยันว่าติดต่อไม่ได้
ส่วนรถกระบะ ตรวจสอบพบว่าเจ้าของเดิมอยู่ จ.ตรัง ขายให้เต็นท์รถในอำเภอเมืองตรัง จากนั้นเต็นท์รถนำไปขายต่อที่พัทลุง ไม่รู้ว่าโอนกันอีกกี่ทอด กระทั่งมาพบหลักฐาน น.ส.ฟาติฮะ ขับรถคันนี้ผ่านด่านสะปอม อำเภอเมืองนราธิวาส แล้วถูกจับ เขียนใบสั่ง จากนั้นรถก็กลายเป็นคาร์บอมบ์
ที่ สภ.ยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี มีการเรียกตัว น.ส.ไซนะ (สงวนนามสกุล) นายหน้าขายรถในพื้นที่มาสอบปากคำ เพราะมีข้อมูลว่า น.ส.ไซนะ รับซื้อรถคันนี้ไป และขายต่อ
วันพุธที่ 23 พ.ย. ตำรวจ สภ.ยะหริ่ง ได้เรียก น.ส.ไซนะ มาสอบปากคำ แต่ไม่พบพิรุธ จึงปล่อยตัวไป
เหตุคาร์บอมบ์ผ่านมาเพียง 2 วัน ข่าวเริ่มเงียบ ทั้งๆ ที่ยังมีปริศนามากมาย โดยเฉพาะ น.ส.ฟาติฮะ หญิงสาวที่ขับรถผ่านด่านที่นราธิวาสก่อนคาร์บอมบ์ 16 วัน ไปอยู่ที่ไหน และ น.ส.ไซนะ เกี่ยวข้องอะไรกับรถคันนี้
“ทีมข่าว” จึงลงพื้นที่ อ.ยะหริ่ง เพื่อค้นหาบ้านของ น.ส.ฟาติฮะ ตามที่อยู่ที่แจ้งไว้ในเอกสารของทางราชการ
@@ เจอญาติ อ้าง “ฟาติฮะ” พบตำรวจแล้ว
ทีมข่าวพบบ้านของ น.ส.ฟาติฮะ จึงเข้าไปสอบถาม ปรากฏว่าคนในบ้านซึ่งเป็นญาติกันบอกว่า น.ส.ฟาติฮะ ไม่ได้อยู่ที่บ้านหลังนี้ แต่ไปปลูกบ้านอยู่ที่ ต.บางปู อ.ยะหริ่ง ริมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 42 (ถนนสายปัตตานี-นราธิวาส)
จากการสอบถามญาติของ น.ส.ฟาติฮะ อ้างว่า ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว เพราะหลังเกิดคาร์บอมบ์ มีเจ้าหน้าที่มาหาที่บ้าน และ น.ส.ฟาติฮะ ก็ไปพบเจ้าหน้าที่แล้ว ส่วนเรื่องอื่นทางบ้านไม่ทราบ
@@ ขายรถก่อนหน้านี้ 1 เดือน ไม่รู้ขับเข้านราฯ
เมื่อถามถึงเรื่องรถ ญาติที่บ้านบอกว่า ฟาตีฮะขายรถให้คนอื่นแล้ว เพิ่งขายไปประมาณ 1 เดือนก่อนหน้านี้
เมื่อทีมข่าวพยายามซักว่า ขายรถแล้วแต่ทำไมจึงมีภาพขับรถไปที่นราธิวาส และถูกจับไม่มีใบขับขี่ แต่ญาติของ น.ส.ฟาติฮะ ตอบว่า ไม่ทราบรายละเอียดเรื่องนี้
เมื่อถามย้ำถึงสถานะของรถกระบะ ญาติของฟาติฮะ บอกว่า รถคันนี้ น.ส.ฟาติฮะ ซื้อจาก น.ส.ไซนะ ซึ่งเป็นนายหน้าขายรถ และเมื่อ 1 เดือนก่อนหน้านี้ ได้ขายต่อ โดยให้ น.ส.ไซนะ ช่วยขายให้ แต่ใครซื้อไป ทางบ้านไม่ทราบ จากนั้นผู้ใหญ่ในบ้านได้ขอให้ทีมข่าวออกจากบ้าน และไม่ยอมตอบคำถามใดๆ อีก
@@ บ้านใหม่ฟาติฮะ ไม่มีใครรู้จัก
ทีมข่าวจึงเดินทางต่อไปหาบ้านของฟาติฮะ ตามคำบอกเล่าของญาติ ว่าอยู่ในย่าน ต.บางปู ใกล้อู่ซ่อมรถชื่อ “วา”
แต่เมื่อทีมข่าวลงพื้นที่ไป ปรากฏว่าทั้งที่อู่ซ่อมรถ และบ้านใกล้เคียงในย่านนั้น ไม่มีใครรู้จัก น.ส.ฟาติฮะ ไม่เคยเห็น จึงไม่สามารถหาบ้านหรือตัว น.ส.ฟาติฮะ ได้
@@ ตำรวจยะหริ่งบอกพูดอะไรไม่ได้
ทีมข่าวได้สอบถาม พ.ต.อ.ธีรพจน์ ยินดี ผู้กำกับการ สภ.ยะหริ่ง ทั้งเรื่องการสอบปากคำ น.ส.ไซนะ นายหน้าขายรถ และข้อมูลที่ญาติบอกว่า น.ส.ฟาติฮะ เข้าพบตำรวจแล้ว แต่ปรากฏว่า พ.ต.อ.ธีรพจน์ บอกเพียงว่า “พูดอะไรไม่ได้ในขณะนี้”
ทีมข่าวได้พยายามถามข้อมูลกับผู้นำท้องถิ่น ท้องที่ ใน อ.ยะหริ่ง ปรากฏว่าไม่มีใครยอมปริปากตอบอะไร
พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวถึงความคืบหน้าในการคลี่คลายคดีว่า “ทุกประเด็นเราไม่ทิ้ง ขณะนี้อยู่ในขั้นการสืบสวน”
@@ให้น้ำหนักภัยแทรกซ้อน - อิทธิพลมืด
ข้อมูลจากหน่วยข่าวความมั่นคง ยืนยันว่า เหตุคาร์บอมบ์นราธิวาสมีแนวโน้มเกิดจากปัญหาภัยแทรกซ้อน เป็นเรื่องของกลุ่มธุรกิจผิดกฎหมายทื่อาจเกี่ยวพันกับยาเสพติด แต่มีความพยายามก่อเหตุให้คล้ายกับปฏิบัติการของกลุ่มก่อความไม่สงบ โดยมีชนวนเหตุเกี่ยวกับปัญหาความขัดแย้งกันเองของเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่ เกี่ยวโยงกับสิ่งผิดกฎหมาย
ขณะที่พื้นที่ อ.ยะหริ่ง ก็มีเขตอิทธิพลของกลุ่มผิดกฎหมายเหล่านี้ และรถคันที่ถูกทำเป็นคาร์บอมบ์ อาจถูกขายไปอยู่ในมือของกลุ่มธุรกิจสีดำ ก่อนถูกนำไปติดตั้งระเบิด ส่วนผู้ที่เกี่ยวข้องกับรถกระบะคันนี้ และกระบวนการขายรถ จะทราบหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์กันต่อไป