ผู้รับผิดชอบปัญหาไฟใต้โดยตรงในหมวกของ “กอ.รมน.” ระบุว่า เหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นกับประชาชนผู้บริสุทธิ์ในช่วงนี้ ทั้งพี่น้องไทยพุทธใน อ.แว้ง จ.นราธิวาส และสามเณรที่ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา เกิดจากการสร้างข่าวลือแบบผิดๆ ของขบวนการแบ่งแยกดินแดน ทำให้เกิดการแก้แค้นเอาคืนกับคนต่างศาสนา
พล.ท.สุรเทพ หนูแก้ว หรือ “บิ๊กจ้อย” ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 5 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ผอ.ศปป.5 กอ.รมน.) ซึ่งรับผิดชอบปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้โดยตรง กล่าวกับ “ทีมข่าวอิศรา” ว่า เหตุรุนแรงที่เกิดกับผู้บริสุทธิ์หลายกรณีต่อเนื่องกันในช่วงนี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจากเหตุการณ์คนร้ายยิง นายอับดุลรอนิง ลาเต๊ะ อดีตอุซตาส จนเสียชีวิต เมื่อวันที่ 18 ม.ย.68 ในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวมีการสร้างกระแสข่าวลือ ทั้งแบบปากต่อปาก และในสื่อสังคมออนไลน์ของกลุ่มขบวนการและแนวร่วมให้เกิดความเข้าใจผิดว่าเจ้าหน้าที่รัฐเป็นฝ่ายกระทำ เพราะอดีตอุสตาซรายนี้เคยมีประวัติในแฟ้มข้อมูลของฝ่ายความมั่นคง
“เมื่อ นายอับดุลรอนิง ลาเต๊ะ ถูกยิงแล้ว มีการสร้างกระแสทันทีให้เข้าใจผิดว่าเจ้าหน้าที่รัฐเป็นคนทำ“ พล.ท.สุรเทพ อธิบายวิธีการทำงานของกลุ่มขบวนการ
และว่า “เรื่องนี้เป็นความขัดแย้งภายในขบวนการ BRN กันเองด้วย ระหว่างแกนนำรุ่นเก่ากับรุ่นใหม่ โดยใช้เงื่อนไขก่อเหตรุนแรงกับคนที่นับถือศาสนาพุทธ ซึ่งจะว่าไปก็มีแกนนำบางส่วนไม่เห็นด้วยกับวิธีการแบบนี้ แต่เมื่อข่าวลือแพร่ออกไปแล้ว ก็ทำให้แนวร่วมขบวนการบางส่วนเปิดปฏิบัติการตอบโต้ทันที และเกิดเหตุในพื้นที่ อ.แว้ง จ.นราธิวาส รวมทั้งยิงพระกับเณรวัดกุหร่า ที่สะบ้าย้อย สงขลา”
อ่านประกอบ : “บึ้ม - ยิง - ปล่อยข่าวลือ” วงจรกลุ่มป่วนใต้ดิสเครดิตรัฐ
ส่วนเหตุการณ์ลอบวางระเบิดแบบโชเล่ย์บอมบ์ ที่ริมรั้วกำแพง สภ.โคกเคียน จ.นราธิวาส เมื่อคืนวันที่ 20 เม.ย.68 จนทำให้มีกลุ่มเด็กมุสลิมที่เรียนฮาฟิซ (ท่องจำอัลกุรอาน) ได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายคนนั้น คาดว่าน่าจะเป็นเรื่องของความผิดพลาดมากกว่า ที่กลุ่มก่อเหตุรุนแรงจะก่อเหตุกับมุสลิมด้วยกัน เพราะทำให้เสียมวลชน ซึ่งขณะนี้กลุ่มขบวนการก็ถูกประณามจากหลายฝ่าย
อ่านประกอบ : ที่แท้ “โชเล่ย์บอมบ์” ถล่มรั้วแฟลต ตร.โคกเคียนกลุ่มเด็กเรียนฮาฟิซรับเคราะห์!
@@ แฉมือยิงรถพระ-เณรมี 2 คน ”ดักซุ่ม-ล็อกเป้า“
สำหรับความคืบหน้าทางคดี กรณีคนร้ายก่อเหตุยิงใส่รถกระบะของ ร.ต.ท.วัฒนา ชูมาปาน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สะบ้าย้อย จนทำให้สามเณรมรณภาพ 1 รูป และบาดเจ็บ 1 รูป
เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ทั้งตำรวจทหารและฝ่ายปกครองยังคงตรึงกำลังโดยรอบพื้นที่จุดเกิดเหตุ ซึ่งอยู่บนถนนสวนโอน-บ้านคลองเรียน หมู่ 6 ต.เปียน อ.สะบ้าย้อย ห่างจากวัดกุหร่า ประมาณ 500 เมตร เพื่อให้เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด หรือ อีโอดี เข้าไปเคลียร์พื้นที่ให้ปลอดภัยที่สุด ก่อนให้ตำรวจ สภ.สะบ้าย้อย และเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐานเข้าไปเก็บหลักฐานตรงจุดเกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมทั้งไปตรวจสอบหาหลักฐานภายในรถยนต์กระบะซึ่งเป็นยานพาหนะที่ถูกคนร้ายยิงใส่ด้วย
จากการสอบสวนเหตุการณ์ของเจ้าหน้าที่ ทำให้ทราบว่า คนร้ายที่ก่อเหตุมี 2 คน ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ โดยได้ขับตามหลังรถกระบะของ ร.ต.ท.วัฒนา ก่อนที่จะลงมือใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิงมาจากด้านหลัง และเชื่อว่า คนร้ายน่าจะมาดักซุ่มรออยู่ก่อนแล้ว เมื่อรถกระบะคันนี้ขับออกจากวัด จึงตามมาก่อเหตุ
ต่อมา พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 (ผบช.ภ.9) ได้ลงพื้นที่และเรียกประชุมทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องที่ สภ.สะบ้าย้อย เพื่อติดตามสถานการณ์ พร้อมกับสั่งการให้เร่งหาเบาะแสล่าตัวคนร้ายที่ก่อเหตุ
@@ สามเณรมรณภาพเป็นลูกตำรวจเจ้าของรถ - ออกรับบาตรวันแรก
ด้านเจ้าหน้าที่ในพื้นที่นายหนึ่ง กล่าวว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด เพราะเมื่อวันที่ 21 เม.ย. ที่วัดกุหร่า ได้มีการบวชสามเณรภาคฤดูร้อน เป็นการบวชช่วงปิดเทอม โดยมีลูกของ ร.ต.ท.วัฒนา มาบวชเป็นสามเณรที่วัดแห่งนี้ด้วย จนเช้าวันนี้เป็นเช้าแรกของการออกบิณทบาต ร.ต.ท.วัฒนา จึงขับรถกระบะมารับสามเณรและพระสงฆ์ 6 รูปไปบิณฑบาตในเขตเทศบาลสะบ้าย้อย แล้วก็มาเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น
สำหรับวัดกุหร่า เป็นวัดเก่าแก่โบราณใน อ.สะบ้าย้อย เดิมเคยเป็นวัดร้างมาระยะหนึ่ง ก่อนได้รับการบูรณะจนกลับมามีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่ในปัจจุบัน แต่ไม่มีการรักษาความปลอดภัยหรือตั้งฐานปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ทหารหรือตำรวจ จนกระทั่งเกิดเหตุ
@@ สมเด็จพระสังฆราชประทานกำลังใจครอบครัวสามเณร
วันเดียวกัน สำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ได้มีหนังสือไปยังผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (ผอ.พศ.) เรื่องประทานพระอนุเคราะห์
โดยในหนังสือมีเนื้อหาระบุว่า ตามที่เกิดเหตุประทุษร้ายสามเณร ณ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา เมื่อวันอังคาร ที่ 22 เม.ย.68 ทำให้สามเณรถึงแก่มรณภาพ 1 รูป และอาพาธ 1 รูป ตามข่าวสารที่ปรากฏแล้วนั้น
เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงปลงธรรมสังเวชและโปรดประทานผ้าไตร 1 ไตร พร้อมไม้จันทน์ 1 ช่อ สำหรับการฌาปนกิจ พร้อมทั้งมีพระบัญชาโปรดให้ไวยาวัจกรจัดกัปปิยภัณฑ์เท่าจำนวน 20,000 บาท (สองหมื่นบาทถ้วน) ประทานแก่เจ้าภาพศพสามเณรวงศกร ชูมาปาน เพื่อช่วยการบำเพ็ญกุศล
อนึ่งโปรดประทานเหรียญพระรูปแก่สามเณรโภคนิษฐ์ โมราศิลป์ (สามเณรที่อาพาธจากเหตุการณ์เดียวกัน) เพื่อเป็นกำลังใจ พร้อมทั้งมีพระบัญชาโปรดให้ไวยาวัจกรจัดกัปปิยภัณฑ์เท่าจำนวน 10,000 บาท (หนึ่งหมื่นบาทถ้วน) ประทานแก่เป็นคิลานปัจจัย
สมเด็จพระสังฆราช ยังมีพระบัญชาโปรดให้ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นผู้เชิญสิ่งของและกัปปิยภัณฑ์ประทานไปถวายแด่เจ้าคณะจังหวัดสงขลา เพื่อมอบแก่เจ้าภาพศพและสามเณรผู้อาพาธตามพระประสงค์
ทั้งยังมีรับสั่งประทานกำลังใจแก่ครอบครัว ญาติมิตรของผู้ถึงมรณภาพ ให้ทุเลาความโศก และความหม่นหมอง อีกทั้งโปรดประทานพรให้เจ้าหน้าที่ ผู้ประสบเหตุ และผู้ตระหนกเสียขวัญจงถึงพร้อมด้วยขันติ สติ และปัญญาอันเข้มแข็ง เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์ความสงบร่มเย็นของชาติ และความสถาพรของพระพุทธศาสนาในราชอาณาจักรไทยให้ดำรงมั่นคงอยู่สืบไป
@@ คณะสงฆ์ภาค 18 ออกแถลงการณ์- เยี่ยมสามเณรเจ็บ
ด้านคณะสงฆ์ภาค 18 ได้ออกแถลงการณ์ หลังเกิดเหตุคนร้ายยิงสามเณรบวชเรียนในช่วงปิดภาคเรียนมรณภาพ 1 รูป โดยระบุในตอนหนึ่งว่า
“เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการกระทำที่สร้างความสะเทือนใจให้แก่ชาวพุทธ ซึ่งคณะสามเณรดังกล่าวเป็นเยาวชน ที่มีความศรัทธาตั้งใจเข้ามาบรรพชาในช่วงปิดภาคเรียน ไม่ได้ทราบถึงปัญหาและความขัดแย้งในพื้นที่ ตลอดถึงไม่มีความขัดแย้งกับบุคคลกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่ก็ยังปฏิบัติศาสนกิจในพื้นพื้นที่เป็นปกติ จนเกิดเหตุการณ์รุนแรงดังกล่าว
คณะสงฆ์ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบดำเนินการตามกฎหมายให้ความเป็นธรรมแก่ผู้สูญเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บในเหตุการณ์นี้”
ขณะที่ เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวชิรมังคลาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนใต้ เจ้าอาวาสวัดกะพังสุรินทร์ จ.ตรัง พระเทพวชิรสุตาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดสงขลา เจ้าอาวาสวัดโคกสมานคุณ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พร้อมด้วย คณะสงฆ์ภาค 18 เมตตาเข้าเยี่ยมให้กำลังใจพระภิกษุสามเณรซึ่งรับบาดเจ็บ ที่โรงพยาบาลสะบ้าย้อย อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา
โดยมี น.ส.สุภาพร เกตุสุริยงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยข้าราชการและเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนา จ.สงขลา ร่วมถวายกำลังใจ และอำนวยความสะดวก
@@ ประณามยิงสามเณร ละเมิดเด็ก ละเมิดศาสนา
ด้าน น.ส.อัญชนา หีมมิหน๊ะ แกนนำกลุ่มด้วยใจ กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า อย่างน้อยพระและวัดต่างๆ ก็แสดงออกต่อการกระทำรุนแรงต่อสามเณร แต่องค์กรศาสนาอิสลามไม่เคยแสดงออกต่อเหตุการณ์อุสตาซ บาบอ อิหม่ามหรือเหตุการณ์ในมัสยิดเลย ตนจึงขอพูดในฐานะมุสลิม
“เหตุที่เกิดขึ้นโหดร้ายมาก สามเณรที่เสียชีวิต เขาคือเด็กอายุเพียง 16 ปี เป็นการละเมิดอย่างร้ายแรงต่อเด็ก ศาสนา การกล่าวอ้างถึงการยิงอุสตาซก็ไม่มีความชอบธรรมพอที่จะสังหารสามเณร พระ เพราะเขาไม่ใช่ผู้กระทำ”
@@ เอ็ม 16 ปลิดชีพหนุ่มนราฯดับอีก 1
วันอังคารที่ 22 เม.ย.ยังมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นต่อเนื่อง คนร้ายใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ยิงหนุ่มชาวนราธิวาสเสียชีวิต ขณะกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์บนถนนในพื้นที่ อ.รามัน จ.ยะลา
เหตุการณ์ยังไม่ชัดเจนว่าเกิดขึ้นกี่โมง แต่เจ้าหน้าที่ทหารพรานซึ่งรับผิดชอบพื้นที่เกิดเหตุ ได้รับแจ้งจากชุดรักษาความปลอดภัยประจำหมู่บ้าน (ชรบ.)ในพื้นที่ ต.บาลอ อ.รามัน จ.ยะลา ว่า พบศพชายไม่ทราบชื่อถูกยิงเสียชีวิต อยู่บนถนนสาย 4010 บ้านบาลอ หมู่ 1 ต.บาลอ อ.รามัน
หลังรับแจ้งจึงประสาน พ.ต.อ.อดุลย์ เง๊าะ ผู้กำกับการ สภ.รามัน นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารพราน ฝ่ายปกครอง และหน่วยกู้ชีพอิควะห์รามัน ร่วมกันเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ
เบื้องต้นทราบชื่อผู้เสียชีวิต คือ นายอาซฮา เจ๊ะโด อายุ 32 ปี ภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ ต.บางนาค อ.เมืองนราธิวาส จ.นราธิวาส
ในที่เกิดเหตุยังพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นฟีโน่ สีชมพูขาวคาดดำ ล้มอยู่ 1 คัน ห่างออกไปเล็กน้อย พบปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 จำนวน 1 ปลอก เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อนำไปตรวจพิสูจน์ปลอกกระสุนปืนอย่างละเอียดอีกครั้งว่า มีความเกี่ยวโยงกับการก่อเหตุร้ายในพื้นที่ไหนอย่างไร
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่พบกระเป๋าต้องสงสัยตกอยู่ในพงหญ้า หลังเสาไฟฟ้า ห่างจากร่างผู้เสียชีวิตประมาณ 5 เมตร จึงให้เจ้าหน้าที่อีโอดีเข้าทำการตรวจสอบอย่างละเอียด เนื่องจากเกรงว่าจะเป็นวัตถุระเบิด และทำให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงซ้ำซ้อนขึ้น
ส่วนประเด็นและสาเหตุของการลอบยิง ในเบื้องต้นยังอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ว่าเป็นความขัดแย้งส่วนตัวหรือเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ความไม่สงบ