“ส่อบานปลาย” ปมผู้ใหญ่บ้านยิงกล่องบริจาค ลามถึงขั้นเอาปืนจ่อหัวข่มขู่ ผู้ว่าฯ ปัตตานีทราบเรื่องเร่งตั้งกรรมการสอบ ด้านแขวงทางหลวงยะลา เตือนเฝ้าระวังดินถล่ม – หินร่วงถนนสาย 410 ขณะที่เขื่อนบางลางปล่อยน้ำอีกระลอก ส่วนชลประทานที่ 17 สั่งเร่งระบายน้ำท่วมขังลงทะเล ด้าน ป.5 สาธิต ม.อ.ปัตตานี มอบเงินประมูลภาพวาดช่วยผู้ประสบภัย
จากกรณีเกิดความขัดแย้งระหว่างผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ หมู่ 5 ต.ตันหยงดาลอ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี กับเยาวชนจิตอาสาในหมู่บ้าน ที่มารับบริจาคเพื่อประกอบอาหารช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมซ้อนกับของทางหมู่บ้าน โดยทางผู้ใหญ่บ้านได้มีการตักเตือนห้ามปรามแล้วก็ไม่เชื่อฟัง จนทำให้ผู้ใหญ่บ้านไม่พอใจถึงกับใช้อาวุธปืนยิงกล่องรับบริจาค เหตุเกิดเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา
ต่อมาได้มีการนำข้อมูลเรื่องราวที่เกิดขึ้นและภาพผู้ใหญ่บ้านที่ก่อเหตุไปโพสต์ในสื่อโซเชียลมีเดีย จนเมื่อวานนี้ ( 3 ธ.ค.) หลังผู้ใหญ่บ้านที่ก่อเหตุรู้เรื่องการเผยแพร่ข้อมูลและภาพของตนเองปรากฏในโซเชียลฯ จึงเกิดความไม่พอใจออกตามหาตัวแกนนำกลุ่มเยาวชนที่เปิดรับบริจาค
เมื่อผู้ใหญ่บ้านได้สอบถามหาตัวประธานกลุ่มเยาวชนที่เปิดรับบริจาคจนเจอ ยิ่งทำให้ผู้ใหญ่บ้านเกิดความโกรธมาก จึงได้ชักอาวุธปืนออกมาจ่อศีรษะประธานกลุ่มเยาวชนเพื่อข่มขู่ สร้างความตื่นตระหนกในกลุ่มเยาวชนและชาวบ้านในหมู่บ้านอย่างมาก เนื่องจากทุกคนไม่คาดคิดว่า แค่การเปิดรับบริจาคเพื่อเอาช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม จะทำให้ผู้ใหญ่บ้านเกิดความโมโหได้มากขนาดนี้
ทำให้เกิดการตั้งคำถามจากชาวบ้านในพื้นที่ว่า คนที่เป็นผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำในพื้นที่ สามารถเอาปืนยิงหรือเอาปืนมาจ่อศีรษะข่มขู่ใครตามอำเภอใจก็ได้หรืออย่างไร
ล่าสุด นางพาตีเมาะ สะดียามู ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้ว ได้กล่าวถึงการดำเนินการว่า ตอนนี้ได้สั่งตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว โดยมอบหมายให้นายไชยพร นิยมแก้ว รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีเป็นประธาน และมีชาวบ้านในพื้นที่ร่วมเป็นกรรมการสอบด้วย
“โดยมีกรอบเวลา 15 วันในการสอบสวนหาข้อเท็จจริง ในประเด็นที่เกิดขึ้นว่า มีการยิงจริงหรือไม่ มีการข่มขู่หรือไม่ เพราะเหตุที่เกิดขึ้นทางผู้ร้องไม่ได้แจ้งความ ถ้าผู้ร้องได้แจ้งความก็จะยิ่งเป็นประโยชน์ต่อเขา แต่นี่เขายังไม่แจ้งความ ตอนนี้ข้อมูลส่วนใหญ่ก็มาจากสื่อโซเซียล”
ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามเรื่องที่เกิดขึ้นก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย คือในหมู่บ้านก็มีความหลากหลายของคน หลากหลายของเครือข่าย หลากหลายกลุ่มแกนนำและผู้นำ จริงๆ อยากให้ผู้ร้องหรือผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความเป็นหลักฐาน จะทำให้ทางตำรวจได้ลงไปสืบเรื่องที่เกิดขึ้น ทางเราก็สามารถนำผลสอบสวนของตำรวจมาเป็นหลักฐานอีกทางหนึ่งด้วย
@@ เตือนเฝ้าระวังดินถล่ม – หินร่วง เส้นทางภูเขาถนนสาย 410
จากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เกิดเหตุดินถล่ม หินร่วง และถนนสายต่างๆได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะในพื้นที่รับผิดชอบของแขวงทางหลวงยะลา
นายสมเทพ บุญกว้าง ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงยะลา เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมได้ลดลงทั้งหมด จุดที่จราจรผ่านไม่ได้ในพื้นที่ราบ ตอนนี้เหลือจุดเดียวคือ ถนนสาย 4060 ตะโละหะลอ - กะพ้อ ซึ่งทางศูนย์สร้างและบูรณะสะพานที่ 4 นครศรีธรรมราช ได้เอาสะพานเบลี่ย์มาใช้ทดแทนทำให้สามารถสัญจรไปมาได้แล้ว ส่วนของเส้นทางจากยะลาไปปัตตานี อ.รามันไปนราธิวาส ก็สามารถใช้งานได้หมดแล้ว
ส่วนเส้นทางภูเขายังคงต้องเฝ้าระวัง เนื่องจากเป็นเส้นทางที่จะเลาะไปตามเขาที่มีสภาพชันหลายแห่งได้เกิดเหตุดินสไลด์ คือ ถนนสาย 410 ยะลา - เบตง โดยมีจุดที่ต้องเฝ้าระวังทั้งหมดมี 6 จุด ได้แก่ ที่ กม.115 บ้านกระป๋อง, กม.131 บ้าน กม. 32, กม.134 บ้าน กม. 30, กม.138 บ้าน กม. 27, กม.143 บ้าน กม. 21 และ กม.146 บ้าน กม. 18, โดยทั้ง 6 จุดดังกล่าวการจราจรสามารถผ่านได้ช่องทางเดียว เนื่องจากดินตรงไหล่ทางที่ยังไม่เอาออก เพราะดินข้างบนชุ่มน้ำ หากเอาดินข้างล่างออกหมดจะทำให้ดินที่อยู่ด้านบนสไลด์ลงมาปิดเส้นทางเพิ่มขึ้นอีก
ผอ.แขวงทางหลวงยะลา กล่าวอีกว่า ส่วนสายเบตง สายล่าง (ถนนทางหลวงหมายเลข 4363) ทางเข้าบ้านคอกช้าง จะมีจุดที่ผ่านไม่ได้จุดเดียวคือที่ กม. 1 + 400 บ้านฆอแย, เนื่องจากคันทางยุบตัวลงไป ทำให้ไม่ปลอดภัย ซึ่งทางคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญของดินสไลด์ จะมีกำหนดเดินทางเข้าพื้นที่ในวันที่ 15 ธ.ค.67 เพื่อเข้าไปสำรวจและหาแนวทางแก้ไข แต่ก็จะมีการทำเส้นทางให้รถสามารถสัญจรไปมาได้ชั่วคราว 1 ช่องทาง
อีกทั้งในสายเดียวกันจะมีอีก 10 จุด ตั้งแต่ กม.1 700, ช่วงก่อนถึงทางเข้าบ้านโตไปจนถึง กม. 10 ที่เกือบจะทะลุมาสะพานเขื่อนบางลาง การจราจรสามารถผ่านได้ช่องทางเดียว เนื่องจากมีปัญหาลักษณะเดียวกับถนนสาย 410 เบตง -ยะลา ซึ่งหากเอาดินข้างล่างออกจะทำให้ดินที่อยู่ด้านสไลด์บนลงมา ทำให้ต้องปล่อยไว้เช่นนี้ก่อน เพื่อให้รถสามารถสัญจรไปมาได้ 1 ช่องทาง ขอให้ประชาชนเฝ้าระวังและหากไม่จำเป็นในช่วงนี้ งดใช้เส้นทางดังกล่าว เนื่องจากอาจจะมีดินถล่มและหินร่วงลงมาได้
@@ เขื่อนบางลางระบายน้ำออกอีกระลอก
วันที่ 4 ธ.ค.67 คณะทำงานบริหารจัดการน้ำเขื่อนบางลาง ภายใต้ คณะกรรมการลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนล่าง ได้มีประกาศเรื่องการปรับแผนระบายน้ำ มีมติเห็นควรให้มีการปรับเพิ่มการระบายน้ำ เพิ่มขึ้น 2 ล้าน ลบ.ม. ผ่านช่องทางระบายน้ำปกติและ irrigation gate ไม่เปิดสปิลเวย์จาก 16 ล้าน ลบ.ม. เป็น 18 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งคิดเป็นจำนวนน้ำเพิ่มขึ้นประมาณ 24 ลบ.ม.ต่อวินาที โดยจะเริ่มระบาย ในเวลา 00.00 น. วันที่ 5 ธ.ค.67
ทั้งนี้เพื่อเป็นการเตรียมพื้นที่รับน้ำของเขื่อนบางลางตลอดช่วงฤดูฝนนี้ ซึ่งอาจจะมีน้ำที่ไหลเข้ามาในปริมาณมากจนอาจจะเกินความสามารถในการกักเก็บและกระทบต่อความมั่นคงแข็งแรงของเขื่อนได้ โดยปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้น อาจจะส่งผลกระทบต่อระดับน้ำด้านท้ายน้ำเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งคณะทำงานฯ จะติดตามสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด เพื่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด
@@ ชลประทานที่ 17 สั่งเร่งระบายน้ำท่วมขังลงทะเล
นายเฉลิมชัย ตรีนรินทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 17 ได้สั่งระดมเครื่องสูบน้ำเสริมเพิ่มเติม และเร่งระบายน้ำผ่านประตูระบายน้ำและคลองระบายน้ำสายต่างๆ จากอุทกภัยในพื้นที่ จ.นราธิวาส จากฝนตกหนักในช่วงที่ผ่านมา และเพื่อรองรับปริมาณน้ำฝนที่จะเกิดในช่วงวันที่ 3-5 ธ.ค.67 ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาได้คาดการณ์ว่า จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากในพื้นที่
ทั้งนี้ยังสั่งการให้โครงการชลประทานในสังกัด (จ.นราธิวาส จ.ยะลา และ จ.ปัตตานี) เร่งระบายน้ำผ่านประตูระบายน้ำ คลองระบายน้ำในเขตความรับผิดชอบลงสู่ทะเลให้เร็วที่สุด พร้อมติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสม และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมอยู่เป็นประจำ พร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำในจุดพื้นที่เสี่ยงเพิ่มเติม เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนให้มากที่สุด
@@ เมืองนราธิวาสเร่งบริหารจัดการขยะหลังน้ำลด
นางปรียา เกิดก่อ ผอ.กลุ่มงานบริการสาธารณะท้องถิ่นและประสานงานท้องถิ่น สำนักงานท้องถิ่นจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า มีการวางแผนรองรับการบริหารจัดการขยะหลังน้ำลดไว้แล้ว โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นแกนนำหลักในการขอความร่วมมือกับทุกภาคส่วน สร้างการรับรู้กับประชาชนในพื้นที่ ได้ช่วยกันเก็บขยะที่มากับน้ำ หลังน้ำลด เริ่มจากบ้านเรือนของตนเองเป็นอันดับแรก ให้คัดแยกขยะใส่ถุงดำ ออกเป็น 2 ประเภท ขยะอินทรีย์ (ขยะเปียก) เช่น เศษอาหาร ผัก ผลไม้ และ ขยะทั่วไป เช่นพลาสติก แก้ว กระดาษ กล่องใส่อาหาร ส่วนขยะอันตรายให้แยกถุงดำไว้ ตามองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกำหนดจุดไว้และจะมีการกำหนด วัน เวลา ในการเก็บขยะที่ชัดเจน เพื่อนำไปคัดแยกและกำจัดให้ถูกหลักสุขวิชาการต่อไป
“ส่วนขยะชิ้นใหญ่ เช่น เครื่องนอน โซฟา หรือเครื่องใช้ภายในครัวเรือน ที่ได้รับความเสียหายจากน้ำ ก็จะขอความร่วมมือกับส่วนราชการที่มีเครื่องมือ มีรถขนาดใหญ่ที่สามารถขนถ่ายได้ นำกำจัดในที่เหมาะสม ซึ่งขณะนี้ เส้นทางไปยังบ่อกำจัดขยะ ของ อ.เมือง ระดับน้ำลดหมดแล้ว สามารถขนถ่ายนำขยะไปกำจัดได้แล้ว ก็จะเร่งดำเนินการกำจัดขยะส่วนนี้ให้เร็วที่สุด”
@@ องคมนตรีเชิญสิ่งของพระราชทานมอบผู้ประสบภัย
วันที่ 4 ธ.ค.67 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท องคมนตรี ร่วมกับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เชิญพระราชกระแสทรงห่วงใยราษฎร และเชิญสิ่งของพระราชทาน จำนวน 2,998 ชุด และเชิญสิ่งของพระราชทานสำหรับเด็ก จำนวน 150 ชุด มอบแก่นายอำพล พงศ์สุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เพื่อส่งมอบให้ประชาชนผู้ได้รับอุทกภัยหนักในพื้นที่ จ.ยะลา
จากนั้น องคมนตรีและคณะ ยังได้ลงพื้นที่มอบถุงยังชีพพระราชทานแก่ประชาชนกลุ่มเปราะบาง บ้านลิมุด ต.ท่าสาป อ.เมือง จ.ยะลา ซึ่งเป็นพื้นที่น้ำท่วมสูงเกินกว่า 3 เมตร มีบ้านเรือนและประชาชนได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก
@@ รมว.อุตสาหกรรมส่งถุงยังชีพ 500 ชุดมาแจกชาวบ้าน
ด้านการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในวันนี้ ( 4 ธ.ค.67) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมได้มอบถุงยังชีพผ่านทางอุตสาหกรรมจังหวัดปัตตานีมาร่วมกับทีมศูนย์พัฒนาอาชีพกลุ่มร่วมด้วยช่วยกันชายแดนใต้ เพื่อนำถุงยังชีพ ข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม จำนวน 500 ชุดนำไปแจกจ่ายให้กับผู้ประสบภัยในพื้นที่ อ.หนองจิก, อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี และ อ.เมือง จ.ยะลา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่น้ำท่วม ที่ประชาชนขาดแคลนอาหาร เนื่องจากไม่มาสามารถเดินทางออกมาจากหมู่บ้านได้
น.ส.รอกีเยาะ อาบู ประธานศูนย์พัฒนาอาชีพ กล่าวว่า ขอขอบคุณรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มอบถุงยังชีพ 500 ชุด เพื่อนำไปมอบให้กับชาวบ้านที่ยังเดือดร้อน และยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ ส่วนความต้องการของชาวบ้านในตอนนี้ต้องการยารักษาโรคเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีเด็กและผู้สูงอายุป่วยไม่สามารถเข้า-ออกพื้นที่ได้สะดวก
@@ ป.5 สาธิต ม.อ.ปัตตานี มอบเงินประมูลภาพวาดช่วยน้ำท่วม
ผศ.ดร.มนทิรา ลีลาเกรียงศักดิ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการวิทยาเขตปัตตานี รับมอบเงินบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม จำนวน 6,199 บาท จากการเปิดประมูลภาพวาด ผลงาน “อิ่ม – สุข” ด้วยเทคนิคสีอะคริลิค จากแนวความคิด บ้าน คือ ศูนย์กลางของความสุข เป็นพลังแห่งชีวิตที่เชื่อมต่อทุกคนในสังคมให้เกิดความรัก ความเข้าใจ การให้อภัย และเอื้ออาทรต่อกัน โดย ด.ช.รัฏฐ์ชยากร เทพสุวรรณ หรือ “น้องปัณณ์” นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ( ฝ่ายประถมศึกษา ) ที่ได้รับการประมูลจาก ผศ.ดร.ศมลพรรณ ธนะสุข สาขาวิชานวัตกรรมการออกแบบ คณะวิทยาการสื่อสาร โดยเงินรายได้ทั้งหมดจะนำมาสมทบร่วมกับศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ม.อ.ปัตตานี
ด.ช.รัฏฐ์ชยากร หรือ “น้องปัณณ์” เจ้าของผลงานภาพวาด กล่าวว่า ตนเองมีความรักในงานศิลปะและสร้างสรรค์ผลงานมาอย่างต่อเนื่อง โดยเคยส่งภาพวาดเข้าประกวดในระดับโรงเรียนและระดับประเทศ เมื่อเกิดวิกฤตน้ำท่วมในจังหวัดปัตตานี ต้องการมีส่วนช่วยเหลือผู้ประสบภัย
“แม้จะมีข้อจำกัดในฐานะเด็กที่ไม่สามารถลงพื้นที่ช่วยงานได้โดยตรง ผมจึงเลือกนำงานศิลปะมาประมูลภาพวาด เพื่อระดมทุนช่วยเหลือพี่น้องที่ได้รับความเดือดร้อน โดยมีแรงบันดาลใจว่า ผมอยากทำสิ่งที่ช่วยสังคมได้ และเหตุผลเดียวที่ทำคือ ทำแล้วมีความสุข”