เบตงยังชุ่มน้ำ ดินทรุดถนนลาดยางพังยาวกว่า 50 เมตร ส่วนลานจอดรถเทศบาลที่เกิดดินสไลด์ยังมีการเคลื่อนตัว ไม่ปลอดภัย ประสานเจ้าหน้าที่ธรณีวิทยาตรวจสอบด่วน ด้านปัตตานี ผู้ใหญ่บ้านยิงตู้รับบริจาค ฉุนเยาวชนในพื้นที่รับบริจาคซ้อน ขณะที่ชุมชนริมแม่น้ำโก-ลก ยังวิกฤต น้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร รถไฟชายแดนใต้ เปิดเดินรถวันแรกแค่เส้นทางยะลา-สุไหงโก-ลก
วันอังคารที่ 3 ธ.ค.67 น.ส.ธารารัตน์ สังข์ทอง รักษาราชการแทนหัวหน้าสำนักงานขนส่งจังหวัดยะลา สาขาอำเภอเบตง ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า เกิดเหตุถนนทรุดตัว และผิวถนนลาดยางแยกแตก ได้รับความเสียหาย บริเวณถนนมหามงคล ต.เบตง อ.เบตง ใกล้กับทางขึ้นสถานีขนส่งอำเภอเบตง จึงได้รายงานนายอมร ชุมช่วย นายอำเภอเบตงให้รับทราบและร่วมกันลงพื้นที่ไปตรวจสอบ
โดยพื้นถนนดังกล่าวได้ทรุดตัวลึกลงไป 10 เมตร กว้าง 8 เมตร เป็นระยะทางยาวกว่า 50 เมตร ดูแล้วเป็นที่น่าหวาดเสียว ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้ใช้รถใช้ถนน ทางเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลเมืองเบตง และตำรวจ สภ.เบตง ได้นำแผงกั้นจราจร กรวย พร้อมติดป้ายประกาศเขตอันตราย ห้ามบุคคลเข้าโดยเด็ดขาด มาตั้งบริเวณถนนมหามงคล และปิดการจราจรเส้นทาง ตั้งแต่แยก ปตท. - สามแยกตำรวจท่องเที่ยว (ถนนมหามงคลตลอดสาย) เป็นชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยของประชาชนผู้ใช้เส้นทางสัญจร จนกว่าถนนจะมีการซ่อมแซมแล้วเสร็จ
นายอมร ชุมช่วย นายอำเภอเบตง กล่าวว่า เหตุที่ทำให้ถนนทรุดตัวเกิดจากฝนที่ตกสะสมต่อเนื่องทำให้ดินใต้ผิวถนนเกิดการทรุดตัวและมีรอยร้าว เพื่อความปลอดภัยของประชาชนเจ้าหน้าที่จึงต้องประกาศปิดเส้นทางเข้า-ออก และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทางดังกล่าว เบื้องต้นได้ประสานทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว อยู่ระหว่างนำเครื่องจักรอุปกรณ์ เร่งดำเนินแก้ไขซ่อมแซมถนนให้คืนสู่สภาพเดิมโดยเร็ว
“ขณะนี้ในพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา เกิดดินสไลด์ถนนทรุด 3 จุดใหญ่ๆ ด้วยกัน ได้แก่ ถนนเลียบชายแดนทางไปบ้านซาโห่, ถนนทรุดตัวที่หมู่ 3 บ้านกาแป๊ะซาลัง ต.ธารน้ำทิพย์ และถนนมหามงคล ต.เบตง แห่งนี้” นายอำเภอเบตง กล่าว
น.ส.ธารารัตน์ สังข์ทอง รักษาราชการแทนหัวหน้าสำนักงานขนส่งจังหวัดยะลา สาขาอำเภอเบตง กล่าวว่า หลังเกิดถนนทรุดตัวหน้าทางขึ้นสถานีขนส่งอำเภอเบตง ได้แจ้งไปยังผู้ประกอบการรถโดยสารและผู้โดยสารให้ไปใช้อาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เทศบาลเมืองเบตง หรือ ศาลาประชาคมเดิม เป็นสถานีขนส่งอำเภอเบตงชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 4 ธ.ค.67 จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง
@@ ดินสไลด์ไม่หยุด ลานจอดรถเทศบาลยังไม่ปลอดภัย
ความคืบหน้ากรณีดินภูเขาสไลด์ที่ลานจอดรถด้านหลังอาคารอาคารสำนักงานเทศบาลเมืองเบตง (หลังใหม่) จนได้รับความเสียหายอย่างหนัก ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมานั้น
วันนี้( 3 ธ.ค.67) นายสมศักดิ์ พรหมจันทร์ ผู้อำนวยการกองช่างเทศบาลเมืองเบตง พร้อมเจ้าหน้าที่กองช่างเทศบาลเมืองเบตง ได้ทำการตรวจวัด ความสูงของกองดิน และระยะห่างจากตัวอาคาร หลังจากที่เมื่อวานนี้ได้ทำการตรวจวัดผ่านไปแล้ว 18 ชั่วโมง ก็พบว่า ดินยังมีการเคลื่อนตัวขยับเข้ามาประมาณ 10 เซนติเมตร กองดินที่สไลด์ลงมาดันสูงขึ้นอีกประมาณ 50 เซนติเมตร จึงคาดการณ์ได้ว่า ดินยังมีการเคลื่อนตัว ยังไม่ได้หยุดนิ่ง แม้จะไม่มีฝนตกในพื้นที่แล้วก็ตาม
“ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเข้าไปดำเนินการใดๆ ในจุดนี้ ได้ไม่ว่าจะเป็นการนำรถยนต์กระบะของทางราชการอีก 3 คันที่ติดอยู่ออกมา ซึ่งการดำเนินการขณะนี้ก็ทำได้เพียงปิดกั้นพื้นที่ เพื่อป้องกันอันตราย ต้องคอยให้ผู้เชี่ยวชาญทางธรณีวิทยา เจ้าหน้าที่วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ลงมาตรวจสอบและทำการวิเคราะห์ วางแผนว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งคาดว่า จะมาตรวจสอบได้ภายในวันที่ 4-5 ธ.ค.นี้”
ผอ.กองช่างเทศบาลเมืองเบตง กล่าวอีกว่า ส่วนด้านบนภูเขาที่เกิดดินสไลด์ลงมาจนทำให้เกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก ทางเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลเมืองเบตงกับกู้ภัย ตำรวจ จิตอาสา ได้มีการนำผ้ายางไปปิดปกคลุมดินจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ดินสไลด์ลงมาสร้างความเสียหายซ้ำอีก หากเกิดฝนตกหนักในช่วงวันที่ 3-5 ธ.ค.67 ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาได้ประกาศแจ้งเตือน
@@ ครัวพระราชทานแจกอาหารชาวบ้านน้ำดำ จ.ปัตตานี
ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมที่บ้านน้ำดำ หมู่ 3 ต.ปุโละปุโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นอีกจุดที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ระดับน้ำท่วมสูงถึงหลังคาเรือนทั้งหมู่บ้าน ทำให้ชาวบ้านกว่า 300 ชีวิตติดน้ำไม่สามารถออกมาได้ และไม่ได้รับประทานอาหารมากว่า 2 วันแล้ว
ล่าสุดทาง ศอ.บต. ได้ดำเนินการประสานไปยังเจ้าหน้าที่ ปภ.จังหวัดยะลาและเจ้าหน้าที่ตำรวจจากศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อนำกำลังเจ้าหน้าที่และเรือยนต์ เข้าไปมอบอาหารจากโรงครัวพระราชทานของมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ซึ่งได้จัดตั้งขึ้น 2 จุด คือ ที่สถานสงเคราะห์เด็กชายจังหวัดและที่โรงครัววังพญา โดยจะมีจิตอาสา ผู้แทนของหน่วยงานจังหวัด ผู้แทนชุมชนมารับ พร้อมน้ำดื่ม เพื่อส่งต่อ ให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง กลุ่มเปราะบาง ซึ่งจะเน้นอาหารที่มีคุณภาพตามหลักโภชนาการต่อผู้บริโภค โดยชาวบ้านบ้านน้ำดำกล่าวขอบคุณ ศอ.บต.ทั้งน้ำตา
@@ ผู้ใหญ่บ้านยิงตู้รับบริจาค ฉุนเยาวชนในพื้นที่รับบริจาคซ้อน
ที่ จ.ปัตตานี มีรายงานว่า เกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างผู้นำชุมชนกับกลุ่มเยาวชนจิตอาสาจนถึงขั้นใช้อาวุธปืนยิงใส่ตู้รับบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม
โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุผู้ใหญ่บ้าน ใช้อาวุธปืนยิงตู้รับบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ หมู่ 5 ต.ตันหยงดาลอ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี เหตุเกิดขณะที่เยาวชนจิตอาสาในหมู่บ้านกำลังร่วมตัวเพื่อประกอบอาหารแจกจ่ายชาวบ้านผู้ประสบภัย
จากการสอบถามชาวบ้านในพื้นที่ ยืนยันว่า เป็นเรื่องจริงผู้ใหญ่บ้านใช้อาวุธปืนยิงกล่องรับบริจาคของกลุ่มเยาวชนจิตอาสา เนื่องจากทางผู้ใหญ่บ้านได้เปิดรับบริจาคในการช่วยเหลืออยู่แล้ว แต่เยาวชนจิตอาสาดังกล่าว เพิ่งกลับเข้ามาในหมู่บ้านเพียง 4 วัน ก็มาเปิดรับบริจาคเพื่อนำมาทำอาหารแจกช่วยชาวบ้านเช่นเดียวกัน ซึ่งผู้ใหญ่บ้านได้มีการห้ามปรามแล้วก็ไม่ฟัง จึงได้เกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น
@@ ชุมชนริมแม่น้ำโก-ลกยังวิกฤตน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร
สถานการณ์น้ำท่วม จ.นราธิวาส โดยเฉพาะพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก และ อ.ตากใบ ยังถือว่าเป็นพื้นที่วิกฤต เนื่องจากได้รับผลกระทบจากแม่น้ำโก-ลกล้นตลิ่ง ซึ่งมีพื้นที่น้ำท่วมขัง จำนวน 7 ชุมชน 5 ตำบล 19 หมู่บ้าน
โดยในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก จำนวน 7 ชุมชน นางสุชาดา พันธ์นรา นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ได้ขอสนับสนุนเครื่องสูบน้ำระยะไกล จากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 3 จ.ปราจีนบุรี มาสูบน้ำระบายออกเป็นการเร่งด่วนแล้ว
ส่วนในพื้นที่ ต.มูโนะ และ ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก ยังคงมีพื้นที่น้ำท่วมขังสูง รวม 6 หมู่บ้าน ระดับน้ำเฉลี่ยเกือบ 1 เมตร
ขณะที่ อ.ตากใบ มีน้ำท่วมขัง 3 ตำบล ภาพรวมยังมีปริมาณน้ำท่วมขังสูงกว่า 1 เมตร ประกอบด้วย ต.นานาค จำนวน 4 หมู่บ้าน, ต.โฆษิต จำนวน 3 หมู่บ้าน และ ต.เกาะสะท้อน จำนวน 6 หมู่บ้าน
@@ รร.บ้านหน้าถ้ำ ขอสนับสนุนอุปกรณ์การเรียนการสอน
พื้นที่ จ.ยะลา แม้สถานการณ์น้ำท่วมได้คลี่คลายแล้ว แต่ก็ยังคงอยู่ในช่วงของการฟื้นฟูและปรับปรุงหลังน้ำลด อย่างในกรณีของโรงเรียนบ้านหน้าถ้ำ (พุทธไสยานุสรณ์) ตั้งอยู่ในท้องที่ หมู่ 1 ต.หน้าถ้ำ อ.เมือง จ.ยะลา ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนัก ถูกน้ำท่วมสูงมิดหลังคาอาคารเรียน ทำให้อุปกรณ์การเรียนการสอน โต๊ะ เก้าอี้ หนังสือ และคอมพิวเตอร์ได้รับความเสียหายทั้งหมด
นางอุมาวดี วัฒนะนุกุล ผอ.โรงเรียนวัดหน้า เปิดเผยว่า เหตุการณ์ในปีนี้น้ำท่วมสูงเกือบมิดหลังคา ทำให้อุปกรณ์การเรียนการสอน ทั้งแบบเรียนเด็ก หนังสือเรียนเด็ก แบบฝึกหัด สื่อการสอนของคุณครู คอมพิวเตอร์และปริ้นเตอร์ จมน้ำได้รับความเสียหายทั้งหมด
“อีกทั้งภายในโรงเรียนมีต้นพยุงขนาดใหญ่ อายุประมาณ 30 กว่าปี ได้ล้มใส่อาคารเรียนได้รับความเสียหายกระเบื้องหลังคาแตกประมาณ 60 แผ่น ทำให้อาคารเรียนไม่สามารถใช้งานได้ ทั้งยังเป็นอาคารเก่าอายุๆ 50 ปีด้วย จึงเกรงจะเกิดอันตรายหากเข้าไปใช้งาน”
ผู้อำนวยการโรงเรียน กล่าวอีกว่า ในเบื้องต้นอยากวิงวอนผู้ใจบุญช่วยเหลือเกี่ยวกับอุปกรณ์การเรียนของนักเรียนการสอน เช่น คอมพิวเตอร์ ปริ้นเตอร์ โทรทัศน์ระบบของ DLTV ที่ใช้เป็นสื่อการสอนที่ได้รับความเสียหาย รวมไปถึงการซ่อมแซ่มอาคารเรียน เพื่อให้เด็กนักเรียน 47 คนที่มีอยู่ได้รับการศึกษาดีและมีความปลอดภัย โดยผู้ใจบุญสามารถติดต่อให้ความช่วยเหลือได้ที่ โรงเรียนวัดหน้าถ้ำ
@@ รถไฟชายแดนใต้วิ่งวันแรก ยะลา - สุไหงโก-ลก
นายธาดา บุญเมือง นายสถานีรถไฟยะลา เปิดเผยว่า วันนี้รถไฟได้ประกาศเดินรถ วันแรก เพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน หลังจากเส้นทางรถไฟได้เสียหายบางจุด ระหว่างสถานียะลา-สุไหงโก-ลก ได้มีการปรับปรุงและแก้ไขอย่างเร่งด่วนเรียบร้อย ขบวนแรกวิ่งจากสุไหงโก- ลกมาถึงสถานีรถไฟยะลา เวลา 11.04 น. ขบวนรถเที่ยวนี้ จะวิ่งจากสุไหงโก-ลกกลับมายังยะลา จะออกเวลา 15.27 น.ตามเวลาเดิม ในวันถัดไปก็ต้องติดตามสถานการณ์วันต่อวัน เพราะว่ายังมีการปรับปรุงอยู่
“ส่วนขบวนรถไฟที่จะเดินทางไปยัง กทม. นั้นขณะนี้ยังไม่เปิดเส้นทาง เพราะยังประสบปัญหาอยู่ที่สถานีปัตตานี ยังมีหลายจุดน้ำยังท่วมขัง เส้นทางได้รับความเสียหาย ถ้าประชาชนจะเดินทางไปกรุงเทพสามารถไปขึ้นรถไฟได้ที่สถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ ตั้งแต่ 4 ธ.ค.67 ซึ่งการรถไฟจะมีรถไฟเดินปกติระหว่างสถานีหาดใหญ่ – กรุงเทพ และ กรุงเทพ - หาดใหญ่” นายสถานีรถไฟยะลา กล่าว
@@ ธปท.ขอความร่วมมือสถาบันการเงิน ช่วยลูกหนี้ผู้ประสบอุทกภัยใต้
วันที่ 3 ธ.ค.67 น.ส.สุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในหลายพื้นในเขตภาคใต้ ทำให้ประชาชนและลูกหนี้ที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวได้รับความเดือดร้อนนั้น ธปท.ได้กำชับให้สถาบันการเงิน สถาบันการเงินเฉพาะกิจ และผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยที่มิใช่สถาบันการเงิน พิจารณาให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยโดยเร่งด่วน
“โดย ธปท.ได้มีแนวทางให้เจ้าหนี้สามารถปรับลดอัตราการผ่อนชำระขั้นต่ำสำหรับบัตรเครดิต การเพิ่มวงเงินชั่วคราวกรณีฉุกเฉิน สำหรับสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับและสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัล รวมถึงการให้ความช่วยเหลือด้านเงินทุนและสภาพคล่องเพื่อซ่อมแซมที่อยู่อาศัยหรือเพื่อให้ประกอบอาชีพและดำเนินธุรกิจต่อได้ โดยในระหว่างการให้ความช่วยเหลือ ธปท. ได้ผ่อนปรนหลักเกณฑ์และกำหนดแนวทางปฏิบัติที่เกี่ยวข้องเพื่อรองรับสถานการณ์สาธารณภัยไว้แล้ว ซึ่ง ธปท. ขอส่งกำลังใจให้พี่น้องประชาชนที่กำลังประสบอุทกภัยสามารถผ่านพ้นความยากลำบากนี้ไปได้”