เพจกู้ภัยฯ แจงข่าวปิดล้อมชิงถุงยังชีพแค่เข้าใจผิด เหตุอาสาตื่นตระหนกเพราะเป็นพื้นที่เสี่ยง ขณะที่เบตงดินสไลด์ไม่เลิก สนามบาสวิทยาลัยการอาชีพ - โกดังจอดรถสิบล้อพังเสียหาย ด้านเขื่อนบางลางปล่อยน้ำวันที่ 2 ทำน้ำท่วมปัตตานียังทรงตัว ชุมชนริมแม่น้ำยังจม 2 เมตร ส่วนนราธิวาส 11 หมู่บ้านริมแม่น้ำโก-ลกยังอ่วม ด้าน ม.นราธิวาส – ม.อ.ปัตตานี มอบเรือกู้ภัย Wi-Fi
วันจันทร์ที่ 2 ธ.ค.67 ในพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา แม้ฝนจะหยุดตกมา 2 วันแล้ว แต่ฝนที่ตกหนักก่อนหน้านี้ ทำให้ดินในพื้นที่ชุ่มน้ำ จนน้ำหนักมวลดินเพิ่มขึ้นและแรงยึดเกาะของมวลดินลดลง จนทำให้เกิดเหตุดินสไลด์ โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขา อย่างกรณีที่เกิดขึ้นบริเวณลาดจอดรถเทศบาลเมืองเบตง เมื่อวานนี้(1 ธ.ค.67)
ล่าสุดยังพบเหตุดินสไลด์ในพื้นที่ อ.เบตง อีก 2 จุด คือ จุดแรกที่สนามบาสเกตบอล วิทยาลัยการอาชีพเบตง ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากอาคารสำนักงานเทศบาลเมืองเบตง (หลังใหม่) ประมาณ 800 เมตร จุดนี้ดินได้สไลด์พื้นปูนของสนามบาสเก็ตบอลลงไปในเหวลึกกว่า 30 เมตร ต้นไม้กำแพงก็พังตกลงไปในเหว ทับขนำของชาวบ้านที่อยู่ด้านล่าง แต่ก็ยังโชคดีที่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ ทางผู้บริหาร อาจารย์ ได้นำเชือกมากั้น ไม่ให้นักศึกษาเข้าใกล้บริเวณนี้ เพราะเกรงจะเกิดอันตราย
ส่วนจุดที่ 2 ที่บ้านเลขที่ 7 ถ.พัฒนา ซ.6 หมู่บ้าน 50 ไร่ เขตเทศบาลเมืองเบตง ซึ่งด้านข้างบ้านเป็นโกดังเก็บของและเป็นที่จอดรถ ได้เกิดดินสไลด์ ทำพื้นปูนแตกร้าว เสาปูน หลังคาก็ร่วงหล่นตกลงไปในเหว รถสิบล้อที่จอดอยู่ก็ทรุด เกือบตกลงไปในเหวด้วย ทางเจ้าของรถ ต้องนำโซ่ขนาดใหญ่มาคล้องรถสิบล้อไว้ แล้วดึงผูกติดไว้กับเสาโกดังที่ยังหลงเหลืออยู่ เพื่อไม่ให้รถสิบล้อร่วงหล่นไปด้วย ส่วนรถแทรกเตอร์ที่จอดอยู่หน้าโกดัง ก็ถูกดินสไลด์ร่วงหล่นลงไปใต้พื้นปูนโกดัง ซึ่งดินได้สไลด์จนเป็นโพรงขนาดใหญ่
นายวีระ ธัญธนรัช เจ้าของรถสิบล้อ เล่าว่า ขณะเกิดเหตุกำลังซ่อมรถอยู่ที่โกดังอีกฝั่ง ได้ยินเสียงดังมาก เหมือนมีคนทุบกำแพงหรือทุบสิ่งของ จึงวิ่งมาดูก็พบว่า ช่วงเวลาแปบเดียวไม่เกิน 1 นาที เสาโกดังดีดออก พื้นทรุด หลังคาก็พังลงมา จนมีสภาพอย่างที่เห็นนี้
@@ ปัตตานีระดับน้ำยังทรงตัว ชุมชนริมแม่น้ำท่วม 2 เมตร
ในพื้นที่ จ.ปัตตานี วันนี้ ( 2 ธ.ค.67 ) สถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ยังไม่คลี่คลายโดยชุมชนที่อยู่บริเวณริมแม่น้ำปัตตานี ยังมีมวลน้ำจากเขื่อนบางลางที่ถูกปล่อยออกมาต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ไหลมาสมทบกับปริมาณน้ำในแม่น้ำปัตตานี ส่งผลให้ระดับน้ำคงที ยังท่วมหมู่บ้านและถนนสายหลัก โดยในพื้นที่ ต.ปะกาฮารัง อ.เมืองปัตตานี หมู่บ้านที่อยู่ติดกับริมแม่น้ำปัตตานี ระดับน้ำยังท่วมสูง 1-2 เมตร ทำให้ประชาชนที่อยู่อาศัยในบ้านักชั้นเดียวได้อพยพออกไปอยู่ยังศูนย์พักพิงชั่วคราวของอำเภอ
ส่วนอำเภออื่นๆ ที่อยู่รอบนอก อย่าง อ.หนองจิก อ.แม่ลาน อ.ยะรัง ก็เป็นพื้นที่รับน้ำจาก จ.ยะลาเช่นเดียวกัน ระดับน้ำยังคงท่วมสูง 1-2 เมตร ซึ่งทางเจ้าหน้าที่กู้ชีพกู้ภัยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังคงระดมลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อเข้าไปอพยพชาวบ้านในพื้นที่เสี่ยง รวมถึงนำอาหารข้าวกล่องและน้ำดื่ม เข้าไปแจกจ่ายให้ชาวบ้านที่ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ต่างเป็นการเร่งด่วน
@@ พ.ต.อ.ทวี ส่งทีมงานนำถุงยังชีพช่วยผู้ประสบภัย อ.โคกโพธิ์
ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และหัวหน้าพรรคประชาชาติ ยังคงส่งทีมงานพรรคประชาชาติและทีมจิตอาสาลงพื้นที่นำถุงยังชีพ น้ำ ข้าวกล่อง เข้าไปช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี
นายอับดุลรอหมาย เจะมะ อดีต นายกอบต.ท่าเรือ อ.โคกโพธิ์ กล่าวว่า ต้องขอบคุณน้ำใจและกำลังใจจาก พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่ไม่เคยทิ้งประชาชนในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ส่งทีมงานนั่งเรือนำสิ่งของข้าวสารอาหารแห้ง ไข่ น้ำดื่ม เข้ามาหาชาวบ้านกว่า 350 ชีวิต 60 ครอบครัว ในที่บ้านหัวควน หมู่ 1 ต.ท่าเรือ ซึ่งน้ำยังคงท่วมสูงจนชาวบ้านไม่สามารถเข้าออกพื้นที่ได้
@@ คิวรถตู้สหยะลา เริ่มเปิดบริการเดินรถยะลา-หาดใหญ่
ขณะที่คิวรถตู้ บริษัทสหยะลา จำกัด ซึ่งมีรถตู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมจมน้ำเกือบ 30 คัน หลังจากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.ยะลา กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ทางบริษัทได้ทำการประเมินสถานการณ์ พร้อมเช็คสภาพรถที่ไม่ได้รับความเสียนำมาวิ่งเพื่อข้นย้ายผู้โดยสารที่ตกค้าง
ในวันนี้( 2 ธ.ค.67) ทางคิวรถตู้สหยะลาได้เริ่มนำรถที่พร้อมให้บริการมาวิ่งจำนวน 20 คัน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้โดยสาร โดยเปิดให้บริการเดินรถเฉพาะเส้นทางยะลา – หาดใหญ่ เนื่องจากสถานการณ์น้ำเริ่มคลี่คลายและหลายเส้นทางสามารถสัญจรได้ตามปกติ
@@ 11 หมู่บ้านริมแม่น้ำโก-ลก ยังเผชิญระดับน้ำท่วมสูง
ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.นราธิวาส วันนี้( 2 ธ.ค.67) แม่น้ำสายหลักทั้ง 3 สาย คือ แม่น้ำบางนรา แม่น้ำสายบุรีและแม่น้ำโก-ลก ระดับน้ำโดยภาพรวมลดระดับลงมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนพื้นที่ราบลุ่มที่เคยมีน้ำท่วมขังทั้ง 13 อำเภอ มีพื้นที่ทางการเกษตรและบ้านเรือนของประชาชนโดยเฉลี่ยร้อยละ 30 กลับคืนสู่สภาวะปกติ
แต่ในพื้นที่บริเวณตลอดแนวริมตลิ่งของแม่น้ำโก-ลก ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ของแม่น้ำสายหลัก ยังคงมีน้ำท่วมขั้นอยู่ในเขตรอยต่อของ 2 อำเภอ คือ อ.สุไหงโก-ลก ที่บริเวณบ้านลูโบ๊ะลือซง, บ้านปาดังยอ ต.มูโนะ และ อ.ตากใบ ที่บริเวณบ้านแฆแบ๊ะ, บ้านตาเซ๊ะ, บ้านกัวลอต๊ะ ต.นานาค และที่บริเวณบ้านเกาะสะท้อน, บ้านศรีพงัน, บ้านโคกกาเปาะ, บ้านชุมบก ต.เกาะสะท้อน ซึ่งทั้ง 11 หมู่บ้าน ใน 3 ตำบลนี้ มีน้ำท่วมขังโดยเฉลี่ยสูง 80 - 150 เซนติเมตร
@@ เกือบสังเวยน้ำท่วม กู้ภัยโก-ลกเรือชนประตูระบายน้ำ
ส่วนการให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ ทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยเซิ้งหมู่ธารน้ำใจสุไหงโก-ลก ภายใต้การนำของนายวิชิตชาติ อุดมลาภเจริญกิจ หัวหน้ามูลนิธิกู้ภัยเซิ้งหมู่ธารน้ำใจสุไหงโก-ลก ได้นำเรือท้องแบนติดเครื่องยนต์และเจ็ทสกี ออกตระเวนให้การช่วยเหลืออพยพพระสงฆ์และชาวบ้านที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่ 4 หมู่บ้านของ ต.เกาะสะท้อน
ในมีการเข้าช่วยเหลือประชาชนตั้งแต่ช่วงเช้าจนดึกของวันที่ 1 ธ.ค.67 ที่ผ่านมา และด้วยทัศนวิสัยที่มืดสนิท จนเรือของเจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยที่บรรจุน้ำดื่มเต็มลำ เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับชาวบ้าน ได้ไปชนเอากับกลไกการบังคับการเปิดปิดของประตูระบายที่มีน้ำท่วมขังใน ต.เกาะสะท้อน จนเรือของเจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยอับปาง แต่โชคดีที่สมาชิกในกลุ่มได้แล่นเรือตามหลังคู่กันมา และสามารถช่วยเหลือได้ทันท่วงที
@@ ทหาร – ตำรวจน้ำนราธิวาส นำเครื่องอุปโภคบริโภคช่วยผู้ประสบภัย
ด้าน พ.ท.สกล มีสัมฤทธิ์ ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 151 นำกำลังเจ้าหน้าที่ทหารพร้อมเรือยางติดเครื่องยนต์ ตระเวนแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคและน้ำดื่ม ให้กับประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ ต.นานาค และ ต.เกาะสะท้อน ซึ่งยังมีระดับน้ำท่วมขังสูง
เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยทหารพัฒนาการเคลื่อนที่ 41 และชุดสันติสุขที่ 404 ได้นำเรือท้องแบนติดเครื่องยนต์ นำอาหารน้ำดื่มของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ ผ่านกระแสน้ำมามอบให้กับเจ้าหน้าที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวโรงเรียนตาดีกาบ้านโคกสะตอ และศูนย์พักพิงชั่วคราวโรงเรียนราชภักดี อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส
ส่วน พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รองผู้บังคับการตำรวจน้ำ ปฏิบัติหน้าที่รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจน้ำ พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำจำนวนหนึ่ง ได้นำข้าวสาร อาหารแห้งและน้ำดื่ม ลงเรือไปให้การช่วยเหลือชาวบ้านในพื้นที่ 3 หมู่บ้าน คือ บ้านตะเหลียง, บ้านจาแบปะ และบ้านราญอ ต.เกาะสะท้อน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส
@@ ม.นราธิวาสฯ - ม.อ.ปัตตานี มอบเรือกู้ภัย Wi-Fi
ทางมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ (มนร.) นำโดย ดร.ยรรยงค์ สุรัตน์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ ผู้ช่วยศาตราจารย์สมเกียรติ สุทธิยาพิวัฒน์ หัวหน้าโครงการแก้จนเร่งด่วนจากผลกระทบภัยพิบัติในพื้นที่ภาคใต้ และคณะได้ส่งมอบเรือกู้ภัย Wi-Fi ให้กับ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา เพื่อใช้ในการรับมือภัยพิบัติแก้ไขปัญหาอุทกภัย และฟื้นฟูชีวิตครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง
ขณะที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี นำโดย ผศ.ดร.อรุณีวรรณ บัวเนี่ยว รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและพันธกิจสังคม วิทยาเขตปัตตานี นายเศรษฐ์ อัลยุฟรี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี นายจาตุรนต์ เอี่ยมโสภา คณะทำงานที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พร้อมนักศึกษา และบุคลากร ม.อ.ปัตตานี ร่วมมอบเรือกู้ภัย Wi-Fi เพื่อใช้ในการรับมือภัยพิบัติแก้ไขปัญหาอุทกภัย และฟื้นฟูชีวิตครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ ในพื้นที่ หมู่ 4 บ้านกือยา ต.ปะกาฮะรัง อ.เมือง จ.ปัตตานี
สำหรับเรือกู้ภัย Wi-Fi เป็นผลงานที่เกิดจากการบูรณาการทำงานร่วมกันของหน่วยงานในสังกัด อว. ซึ่งเป็นเรือที่ต้นทุนไม่สูง การใช้งานไม่ซับซ้อน ดูแลรักษาง่าย และเป็นเรือท้องแบนใช้งานในพื้นที่น้ำตื้นได้ มีการติดตั้งอุปกรณ์เชื่อมโยงสัญญาณ Wi-Fi ในรัศมีไม่เกิน 30 เมตร มีการติดตั้งกล้องวงจรปิด มีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ต่อเนื่องกัน 4 - 6 ชั่วโมง มีอุปกรณ์เก็บประจุไฟฟ้าจากระบบโซลาร์เซลล์ที่สามารถจ่ายไฟสำหรับชาร์จโทรศัพท์มือถือได้ 12 เครื่อง ตอบโจทย์การใช้ไฟฟ้าให้สามารถสื่อสารกับพื้นที่ภายนอกในช่วงน้ำท่วมได้
@@ แจงข่าวปิดล้อมชิงถุงยังชีพกู้ภัย แค่เรื่องเข้าใจผิด
จากกรณีที่มีข่าวว่า ทีมอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิประชาร่วมใจ จ.นครศรีธรรมราช และ จ.ตรัง ที่เดินทางนำถุงยังชีพไปแจกจ่ายให้ประชาชนในพื้นที่ ต.ท่าม่วง อ.เทพา จ.สงขลา เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.67 ได้ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์กว่า 20 คนบุกชิงถุงยังชีพ จนทำให้ทีมกู้ภัยรู้สึกไม่ปลอดภัยจนต้องรีบถอนกำลังออกจากพื้นที่และเดินทางกลับทันที หลังข่าวดังกล่าวถูกโพสต์ในสื่อโซเชียลฯ ทำให้เกิดการวิพากวิจารณ์ถึงพฤติกรรมของชาวบ้านในพื้นที่
ล่าสุดทางเพจ “ประชาร่วมใจเมืองคอน ประชาสัมพันธ์” ได้โพสต์ชี้แจงถึงเรื่องดังกล่าวว่า เป็นความเข้าใจผิดกันระหว่างอาสาสมัครกับทางชาวบ้านในพื้นที่ มิได้เป็นการ “ปิดล้อม” แต่เป็นลักษณะของการมา “ยืนรอ” ของที่ทีมนำไปแจกจ่าย
เนื่องจากชุมชนดังกล่าวยังไม่ได้ของ จึงมายืนรอและพูดคุยกับอาสาสมัคร พร้อมสอบถามว่ามีของอีกหรือไม่ สุดท้ายอาสาสมัครจึงเอาของให้ชาวบ้าน ก่อนจะเดินทางออกจากพื้นที่ ด้วยความที่เป็นพื้นที่เสี่ยง จึงเกิดความตระหนกตกใจ
ส่วนโพสต์ก่อนหน้านี้ที่มีข้อความที่ทำให้เข้าใจผิด ทางแอดมินขอกราบขอโทษพี่น้องชาวเทพา จ.สงขลา ด้วย และเนื้อหาข่าวที่มีการนาเสนอไปทางสื่อต่างๆ ไม่ได้เป็นการให้ข่าวจากเพจแต่อย่างใด