JASAD รายงานข้อมูลลูกสาวเจ้าของบ้านที่เกิดเหตุยิงปะทะ วิสามัญฯ “สาการียา สาอิ” ถูกคุมตัวไปสอบสวนในค่ายอิงคยุทธฯ ล่าสุดยังไม่ได้รับการปล่อยตัว ด้านเจ้าหน้าที่ยันทำตามกระบวนการกฎหมาย ส่วนที่สงขลา อีโอดีรุดตรวจสอบสายไฟโผล่รางรถไฟสายหาดใหญ่-ปาดังฯ ใกล้จุดเคยลอบวางระเบิดรถไฟตกราง
จากเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงนำกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้าหลังหนึ่งใน ต.นาเกตุ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี และถูกคนร้ายที่หลบซ่อนอยู่ในบ้านใช้อาวุธปืนยิงใส่ จนเกิดเป็นการยิงปะทะกัน ทำให้ นายสาการียา สาอิ ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีความมั่นคง 6 หมาย เสียชีวิตในเหตุการณ์ขณะที่คนของฝ่ายรัฐ ก็เสียชีวิต 1 ราย เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 4 ก.ค.66 นั้น
หลังเกิดเหตุ นอกจากเจ้าหน้าที่จะส่งทหารพรานหน่วยช่างไปช่วยซ่อมบ้านที่เสียหายจากการยิงปะทะแล้ว เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงยังได้ควบคุมตัว น.ส.นิการีมะห์ มามะ อายุ 24 ปี ซึ่งเป็นลูกสาวเจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ ไปควบคุมตัวยังค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เพื่อรสอบสวนในฐานะที่เป็นเจ้าของบ้านที่ นายสาการียา เข้าไปหลบซ่อน
วันศุกร์ที่ 7 ก.ค.66 เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากกฎหมายพิเศษ หรือ JASAD ได้ติดตามความคืบหน้ากรณีการควบคุมตัว น.ส.นิการีมะห์ มามะ ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ระบุว่า ได้ทราบจากญาติของ น.ส.นิการีมะห์ ว่า นับตั้งแต่ถูกควบคุมตัวในวันเกิดเหตุ (4 ก.ค.) จนถึงขณะนี้ น.ส.นิการีมะห์ ยังไม่ได้รับการปล่อยตัวจากเจ้าหน้าที่
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 5-6 ก.ค.ที่ผ่านมา ญาติได้เดินทางไปเยี่ยม น.ส.นิการีมะห์ ที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่อนุญาตให้ญาติเยี่ยมได้วันละ 10-15 นาทีเท่านั้น แต่สามารถฝากอาหารและเครื่องดื่มให้ น.ส.นิการีมะห์ ได้ แต่ไม่ทราบว่าจะได้รับการปล่อยตัวเมื่อไร
สำหรับการควบคุมตัว น.ส.นิการีมะห์ มามะ ทางเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ระบุว่า เป็นการควบคุมตัวตามกระบวนการกฎหมาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำตามกฎหมายทุกประการ โดยเฉพาะนโยบายการดำเนินคดีกับผู้ให้ที่พักพิงกับผู้ก่อเหตุรุนแรง จึงต้องมีการสอบสวนอย่างละเอียดว่ารู้เห็นกับการหลบซ่อนตัวของผู้ก่อเหตุรุนแรงหรือไม่
@@ ผวา! เจอสายไฟโผล่รางรถไฟหาดใหญ่-ปาดังฯ
วันพฤหัสบดีที่ 6 ก.ค.66 เจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) บ้านคลองแงะ ซึ่งได้ออกลาดตระเวนตรวจสอบเส้นทางรถไฟสายหาดใหญ่ - ปาดังเบซาร์ ช่วงสถานีคลองแงะ-ปาดังเบซาร์ ท้องที่บ้านคลองแงะ หมู่ 5 ต.พังลา อ.สะเดา จ.สงขลา ได้ตรวจพบความผิดปกติ มีวัตถุต้องสงสัยลักษณะเป็นสายไฟสีฟ้า 1 เส้น โผล่ขึ้นมาบนก้อนหินข้างเสาปูนริมรางรถไฟ ห่างจากสะพานข้ามคลองประมาณ 5 เมตร
บริเวณดังกล่าวอยู่ถัดจากจุดที่เคยเกิดเหตุลอบวางระเบิดรางรถไฟ เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.65 และวันที่ 6 ธ.ค.65 ซึ่งเกิดระเบิดซ้ำ จนมีผู้เสียชีวิตหลายราย เพียง 800 เมตรเท่านั้น หลังพบความผิดปกติ ทาง ชรบ.จึงได้แจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้าตรวจสอบ
หลังรับแจ้ง พ.ต.อ.พิชัย กิระวานิช รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา (รอง ผบก.ภ.จว.สงขลา) พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ทั้งตำรวจ สภ.คลองแงะ ทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 5 (ฉก.ร.5) เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดของหน่วยปฏิบัติการพิเศษสงขลา (นปพ.สงขลา) และหน่วยทำลายวัตถุระเบิด หน่วยเฉพาะกิจอโณทัย พร้อมสุนัขทหาร นำกำลังลงพื้นที่ทันที
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ได้ใช้โดรนบินสำรวจสภาพพื้นที่อย่างละเอียด เพื่อประเมินสถานการณ์ ก่อนที่ชุดอีโอดีจะเข้าตรวจสอบ ปรากฏว่าสายไฟที่พบ เป็นสายไฟสีฟ้า ความยาว 20 เซนติเมตร ถูกหินทับไว้ไม่ได้มีการเชื่อมต่อกับวัตถุต้องสงสัยใดๆ และไม่น่าจะเป็นการก่อกวนเพื่อสร้างความหวาดกลัว โดยอาจเป็นสายไฟที่ตกหล่นธรรมดา
หลังเจ้าหน้าที่ได้เคลียร์พื้นที่อย่างละเอียดจนมั่นใจว่าปลอดภัย จึงถอนกำลัง โดยเหตุการณ์นี้ไม่ได้ส่งผลกระทบกับการเดินรถไฟเส้นทางสายหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์แต่อย่างใด