ชาวบ้านชุมชนหน้าถ้ำสุดทน เข้าแจ้งความตำรวจ หลังถูกกลุ่มวัยรุ่นขับรถตระเวนปาระเบิดปิงปอง โยนประทัดยักษ์ใส่บ้านยามวิกาล ทำผู้สูงอายุตกใจช็อก แฉเคยโดนกราดยิง ขว้างระเบิดถล่มบ้านมาหลายครั้ง ด้านผู้การยะลาสั่งเปิดปฏิบัติการไล่ล่า เจอตัวผู้ก่อเหตุแล้ว 2 ราย เป็นเยาวชน ยอมรับก่อเหตุเพราะความคึกคะนอง ไม่เกี่ยวสถานการณ์ความไม่สงบ
จากกรณีที่มีกลุ่มวัยรุ่นขับขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปในพื้นที่บ้านหน้าถ้ำ อ.เมืองยะลา จ.ยะลา แล้วได้ขว้างระเบิดปิงปองและประทัดยักษ์ใส่บ้านเรือนของประชาชน จนทำให้ชาวบ้านตกใจกลัว รวมไปถึงผู้สูงอายุวัย 91 ปี ที่อาศัยอยู่ในบ้าน กระทั่งเกิดอาการตกใจจนช็อกไป
“ทีมข่าวอิศรา” ลงพื้นที่เพื่อติดตามผลกระทบที่เกิดขึ้น พบกับนางประไพร ยี่สุ่น อายุ 59 ปี เจ้าของบ้านที่ถูกขว้างระเบิดก่อกวน โดยอาศัยอยู่กับมารดาวัย 91 ปี เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ในคืนเกิดเหตุได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งมาจอดอยู่หน้าบ้าน แล้วก็ขว้างอะไรบางอย่างเข้ามา ได้ยินเสียงดังพั่บก่อนหนึ่งครั้ง แล้วก็เกิดระเบิดเสียงดังขึ้น ทำให้ตกใจลุกขึ้นมาดูนาฬิกาพบว่าเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้ว จึงได้โทรศัพท์แจ้งกำนัน บอกว่ามีคนขว้างระเบิดเข้ามาที่หน้าบ้าน แต่ไม่รู้ว่าเป็นประทัดยักษ์หรือระเบิดรูปแบบอะไร
ขณะนั้นกำนันบอกว่ากำลังจะออกมาดู เพราะทราบว่ามีวัยรุ่นออกก่อกวนหลายพวก ในคืนนั้นมีการขว้างระเบิดใส่บ้านที่ขายผลไม้ด้วย เขาก็ตกใจเพราะอยู่กันสองคน น้องเขาคิดว่าแอร์ระเบิด แต่ทำไมแอร์ยังเย็นอยู่อีก
@@ บ้านกระสุนตก! โดนก่อเหตุนับครั้งไม่ถ้วน
นางประไพร เล่าอีกว่า บ้านหลังนี้ตั้งแต่ปี 2547 เคยถูกก่อกวนด้วยการยิงด้วยอาวุธปืนสงครามมาแล้ว 1 ครั้ง ถูกขว้างระเบิดเอ็ม 26 มาแล้ว 1 ครั้ง และคนร้ายยังได้ขว้างระเบิดปิงปองอีกหลายครั้งจนนับไม่ถ้วน
“สาเหตุที่ทำให้คนร้ายพยายามก่อกวนให้เกิดความหวาดกลัวและสร้างสถานการณ์ น่าจะเป็นเพราะบ้านอยู่ติดกับวัด ทั้งๆ ที่ส่วนตัวก็รู้จักสนิทสนมกันดีกับเพื่อนบ้านที่เป็นมุสลิมในละแวกนี้ และน่าแปลกใจที่บ้านของตนเองเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างหมู่ 1 บ้านไทยพุทธ และหมู่ 2 บ้านมุสลิม กลับต้องมาเจอเรื่องแบบนี้หลายครั้ง”
นางประไพร กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาไม่อยากให้มีปัญหา จึงทนเงียบมาตลอด แต่ครั้งนี้ทนไม่ไหว เพราะคนร้ายได้ขว้างระเบิดเข้ามาถึงในบ้าน เกรงว่าจะได้รับอันตราย จึงได้ให้น้องสาวเข้าแจ้งความร้องทุกข์เอาไว้ที่ สภ.เมืองยะลา
@@บ้านอยู่ติดวัด - ต้องกู้ ธ.ก.ส.ซ่อมแซม
ขณะที่ชาวบ้านอีกรายในพื้นที่ เล่าว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ตำรวจ ทหาร ได้ลงพื้นที่มาประชุมกับผู้นำท้องถิ่น กำนัน นายก อบต. ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อขอทราบข้อเท็จจริง พร้อมร่วมหาหาทางเพื่อป้องกันไม่เกิดเหตุซ้ำอีก ซึ่งที่บ้านหน้าถ้ำเกิดเหตุบ่อยๆ มานาน แต่ชาวบ้านไม่ได้ไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่
ตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ทิ้งชาวบ้าน แต่คนร้ายก็พยายามหาโอกาส หาจังหวะเข้ามาขว้างประทัดหรือยิงใส่บ้านมาตลอด ชาวบ้านก็ไม่ได้แจ้งความ ทำให้ไม่มีเจ้าทุกข์ ทางเจ้าหน้าที่จึงไม่ได้ติดตามเรื่อง แต่ครั้งนี้ค่อนข้างรุนแรง ระเบิดปิงปองที่ถูกขว้างมาไม่ใช่ลูกเดียว น่าจะผูกกัน 2-3 ลูก เพราะคืนนั้นเสียงดังมาก คนแก่หลายคนตกใจ ทำให้เจ้าของบ้านต้องไปแจ้งความเอาไว้ก่อนที่จะเกิดความสูญเสียมากกว่านี้
อีกสาเหตุที่ทำให้พื้นที่ตรงนี้เกิดเหตุบ่อย โดยเฉพาะบ้านของนางประไพร เพราะเป็นบ้านไทยพุทธที่อยู่หลังสุดท้าย จากนั้นไปเป็นสวนผลไม้ และห่าง 200 เมตรก็จะถึงหมู่บ้านอิสลาม อีกทั้งบ้านแถวๆ นั้นจะมีแต่คนแก่ที่เฝ้าบ้าน อายุ 70-90 ปี เกือบ 10 คน ทั้งชุมชนย่านนั้น มีบ้านไทยพุทธประมาณ 30 หลัง
“เมื่อก่อนบ้านเกิดเหตุเป็นบ้านไม้ ถูกยิงถล่มด้วยอาวุธสงคราม AK 47 จนพรุน เขาก็ต้องกู้ธนาคาร ธ.ก.ส. (ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร) มาสร้างบ้านใหม่ให้แข็งแรง คนร้ายจะได้ไม่ทำอะไร แต่คนร้ายก็พยายามหาโอกาสมาทำตลอด ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร คงเป็นเพราะบ้านติดกับโบสถ์วัด และอยู่บริเวณสี่แยกพอดี คนร้ายจึงก่อเหตุได้ง่าย หลบหนีง่าย ส่วนฝั่งตรงข้ามบ้านเป็นกลุ่มผ้ามัดย้อมสีมายา ไม่มีคนอยู่ เขาแค่มาทำงานกันตอนกลางวัน”
@@ สิบกว่าปีไม่เคยมีกล้องวงจรปิด
ชาวบ้านรายเดิม ยังเสนอว่า สำหรับมาตรการป้องกันนั้น ควรเพิ่มแสงสว่างบนถนน ติดตั้งกล้องวงจรปิด มีกำลังเจ้าหน้าที่คอยตรวจตรา ไม่ต้องตั้งด่านทุกวัน แต่มีการแสดงกำลังให้ความอบอุ่นอย่างต่อเนื่อง และมีการทำงานอย่างบูรณาการของทุกฝ่าย เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ของบ้านเมืองควรคุยกัน ไม่ใช่แค่ให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ชรบ.มารับผิดชอบฝ่ายเดียว มั่นใจว่าปัญหานี้แก้ได้ แค่ทุกคนร่วมมือกัน
“ปัจจุบันในพื้นที่ไม่มีกล้องวงจรปิดของทางราชการเลย เคยไปร้องขอจากหน่วยรัฐ เขาก็รับปาก แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มี ล่าสุดเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเขาก็มารับปากอีกเหมือนกันจะมาติด และได้มาตรวจสอบพื้นที่แล้ว ก็รอดูต่อไป”
ส่วนเรื่องไฟส่องสว่าง จริงๆ ก็มีเพียงพอ แต่เนื่องจากหน้าถ้ำ มีฝูงลิงเยอะมาก ประมาณ 200 - 300 ตัว ลิงขึ้นไปเขย่า ทำให้หลอดไฟแตกหมด ก็ถือว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ค่อนข้างยาก มีโซล่าเซลล์ดวงเดียวของหน่วยไหนก็ไม่รู้ แสงก็ไม่พอ คิดว่าไฟที่จะมาติดตั้งก็คงต้องใช้แบบพิเศษ
@@ ตามรวบผู้ก่อเหตุ สองเยาวชนอายุ 15
ด้านความคืบหน้าทางคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองยะลา ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบ และสืบทราบว่าในพื้นที่ดังกล่าวมีกลุ่มผู้ต้องสงสัย ซี่งเป็น “กลุ่มหน้าขาว” (หมายถึงแนวร่วมผู้ก่อเหตุรุนแรงที่ยังไม่มีประวัติอาชญากร ไม่เคยต้องคดี) อยู่ประมาณ 10 คนที่เคลื่อนไหวก่อเหตุ แต่พบการเชื่อมโยงข้อมูลของผู้ก่อเหตุครั้งนี้ประมาณ 5 คน ซึ่งเป็นคนในพื้นที่ อ.ยะหา และ อ.เมืองยะลา โดย พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา (ผบก.ภ.จว.ยะลา) ได้สั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจออกปฏิบัติการไล่ล่ากลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุแล้ว
พล.ต.ต.ทินกร กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์และรับเรื่องร้องเรียนตามที่ปรากฏในข่าว เจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปยังบ้านที่เกิดเหตุ และพูดคุยกับป้าเจ้าของบ้านเพื่อสอบถาม ทำให้ทราบว่าก่อนหน้านี้เคยมีเหตุการณ์คนร้ายปาระเบิดใส่บ้าน เมื่อปี 2547 แต่เหตุการณ์ล่าสุดเมื่อคืนของวันที่ 2 ส.ค.65 ก็ได้ถูกกลุ่มคนร้ายปาประทัดยักษ์เข้ามาในบ้านจำนวน 2 ลูก หลังก่อเหตุก็ได้ขับรถจักรยานยนต์หนีไป จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ทำการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด เพื่อติดตามหากลุ่มผู้กระทำความผิด
ทางเจ้าหน้าที่ได้เปิดปฏิบัติการติดตามตัวผู้ก่อเหตุ จนได้เจอตัวผู้ก่อเหตุ เป็นเยาวชนอายุ 15 ปี จำนวน 2 ราย ซึ่งให้การรับสารภาพว่า ได้ก่อเหตุจริงในพื้นที่ ต.หน้าถ้ำ และบนถนนสาย 410 (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 410) รอยต่อ ต.เปาะเส้ง กับ ต.หน้าถ้ำ อ.เมืองยะลา โดยเยาวชนที่ก่อเหตุยังได้อธิบายขั้นตอนการประกอบระเบิดจากประทัดยักษ์ให้ฟังทุกขั้นตอน ระหว่างการสอบสวนก็ได้เชิญตัวผู้ปกครองและผู้นำชุมชนเข้าร่วมรับฟังด้วย เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกัน และมีความโปร่งใสในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
@@ สรุปไม่ใช่เหตุความมั่นคง ไทยพุทธ-มุสลิมสามัคคี
“ป้าเจ้าของบ้านที่เกิดเหตุยืนยันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุความมั่นคง และพี่น้องไทยพุทธกับไทยมุสลิมที่อาศัยอยู่ในละแวกเดียวกันก็มีความรัก สามัคคี อยู่แบบพหุสังคมร่วมกัน ซึ่งในวันที่เกิดเหตุ ป้าเจ้าของบ้านได้โทรศัพท์ไปแจ้งกำนันเจ้าของพื้นที่ กำนันก็ได้ออกมายังจุดเกิดเหตุเพื่อช่วยเหลือดูแลความปลอดภัยทันที”
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็เป็นเพียงกลุ่มวัยรุ่นที่คึกคะนอง ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าติดตามตัวกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุได้ส่วนหนึ่งแล้ว ควบคุมตัวอยู่ที่ สภ.เมืองยะลา และจะดำเนินการสอบสวนขยายผล เพื่อนำตัวมารับทราบข้อกล่าวหาเพื่อดำเนินคดี และยังกำชับผู้ปกครอง ผู้นำชุมชน ผู้นำพื้นที่ให้ช่วยกันตักเตือนลูกหลานเพื่อไม่ให้มาก่อเหตุอีก” พล.ต.ต.ทิน กร กล่าว
ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา บอกด้วยว่า ขอฝากถึงกลุ่มวัยรุ่นที่กำลังคึกคะนอง หรือคิดสนุกในการกระทำแบบนี้ อาจจะทำให้เกิดความสูญเสีย บาดเจ็บ และถูกดำเนินคดีได้ คนที่เสียใจก็คือพ่อแม่และครอบครัว จึงอยากให้วัยรุ่นที่คิดจะกระทำ ได้หยุดการกระทำนั้นเสีย และอยากขอร้องไปยังผู้ปกครอง ผู้นำชุมชน ผู้นำศาสนาให้ช่วยกันตักเตือนลูกหลานของตนเองว่า ในห้วงเวลากลางค่ำกลางคืน อย่าได้ปล่อยให้ลูกหลานออกมาก่อเหตุรวมกลุ่มกับเพื่อน เพราะหากเกิดเหตุขึ้นแล้วก็อาจจะเสียใจในภายหลัง