ร้องสื่อทั้งน้ำตา น้องชายเป็นไต้ก๋งเรือเฝ้าซั้งขาดการติดต่อ 4 วัน เผยขอความช่วยเหลือหลายหน่วยงานแต่ไม่คืบหน้า ล่าสุดมีเรือประมงเห็นโผล่ลอยลำเข้าน่านน้ำเวียดนาม
ที่ท่าเทียบเรือประมง อ.เมือง จ.ปัตตานี “ทีมข่าวอิศรา” ได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจาก นางวันดี นิลบุตร ว่า นายสมาน นิลบุตร น้องชายวัย 49 ปี เป็นไต้ก๋งเรือโชคสกุลวดี 26 ซึ่งเป็นเรือเฝ้าซั้งกลางทะเลไทย ขาดการติดต่อเป็นเวลา 4 วันแล้ว ตั้งแต่วันที่ 20 มิ.ย.64 จนถึงวันนี้ยังไม่มีหน่วยงานไหนให้ความช่วยเหลือ ทั้งที่ได้ร้องขอความช่วยเหลือไปยังทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
สำหรับ “ซั้ง” หมายถึง “บ้านปลา” หรือ “ที่อยู่ของปลา” มีลักษณะเป็นทางมะพร้าวที่ชาวประมงไปทำเอาไว้เพื่อให้ปลาเข้ามาอยู่ แล้วส่งเรือไปเฝ้า จากนั้นทุกๆ 2-3 วัน เรือแม่จะออกไปจับปลาหรือทำประมงบริเวณนั้น
นางวันดี เล่าว่า ทุกๆ วันจะเดินออกไปตามแพปลาต่างๆ ในพื้นที่ ถามคนนั้นคนนี้ว่าเจอน้องชายบ้างหรือไม่ หรือเห็นเรือบ้างไม่ แต่ก็ไม่มีใครพบเห็นเขาเลย ซึ่งหน่วยงานที่ได้ไปแจ้งขอความช่วยเหลือ มีทั้งด่านตรวจประมง หรือ ศูนย์ควบคุมเรือ และ ศรชล.ภาค 2 ศูนย์ดำรงธรรม จ.ปัตตานี ศูนย์ดำรงธรรม ศอ.บต.
“ทุกหน่วยบอกตรงกันว่า เราไม่มีเหตุผลพอที่เขาจะออกไปค้นหา ถ้าเรือถูกปล้นหรือมีการชิงทรัพย์หรือมีคนบาดเจ็บ แบบนั้นจึงจะออกหาให้ได้ เราได้ไปแจ้งความกับตำรวจด้วย ขอความช่วยเหลือจากตำรวจน้ำปัตตานีด้วย ทำหมดทุกทาง” นางวันดี เล่าถึงความพยายามช่วยเหลือน้องชาย
และยังตั้งคำถามทั้งน้ำตาว่า “ชีวิตคนคนหนึ่งไม่มีความหมายเลยหรือ ทางราชการต้องรอให้สาบสูญก่อนถึงจะช่วยหรือ ทำไมต้องรอให้น้องชายสูญหายถึงจะดำเนินการให้ วันที่ไปร้อง เป็นวันแรกๆ ที่หายไปผิดสังเกต ถ้าออกไปสักนิดมันก็ต้องเจออะไรบ้าง ขอให้ช่วยครอบครัวเราหน่อย เราต้องการน้องคืน นำน้องกลับมาด้วย ขอผู้ใหญ่ทั้งหลายที่ได้รู้เรื่องนี้ช่วยพวกเราด้วย ไม่ว่าน้องจะมีชีวิตอยู่หรือเป็นอย่างไรก็ขอช่วยพาน้องกลับมาด้วยเถิด”
พี่สาวของนายสมาน บอกอีกว่า ได้คุยกับน้องครั้งสุดท้าย วันที่ 30 พ.ค.64 ช่วงเย็น ก่อนเขาจะออกเรือ เขาโทรหาว่า จะออกเรือก่อนนะ คุยเหมือนปกติทุกครั้ง ต่อมาวันที่ 20 มิ.ย. ไม่สามารถติดต่อน้องได้ ทางเจ้าของเรือก็โทรบอกว่า ได้ขอความช่วยเหลือจากหัวหน้าศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือ จ.ปัตตานี ซึ่งทางหัวหน้าศูนย์ควบคุมฯ ได้ประสานขอความช่วยเหลือที่จาก ศรชล.ภาค 2
ต่อมาวันที่ 21 มิ.ย. ทราบว่า ยังไม่มีคำสั่งให้นำเรือออกตามหา เจ้าของเรือจึงได้ขอความช่วยเหลือที่สมาคมประมงจังหวัดปัตตานี ทางสมาคมฯได้ประชาสัมพันธ์ ขอความช่วยเหลือจากพี่น้องสมาชิกประมงปัตตานีที่มีเรืออยู่บริเวณพิกัดใกล้เคียงให้ช่วยกันค้นหา แต่ก็ไม่มีใครพบเห็น
นอกจากนั้น ครอบครัวยังได้ไปร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดปัตตานี แต่ทางเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมฯ แนะนำให้ไปร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรม ศอ.บต. (ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้) เพื่อความรวดเร็ว แต่จนถึงวันนี้ ก็ยังไม่มีหน่วยงานไหนออกติดตามหาน้องชายเลย
ด้าน นางวันดี อินทรัตน์ เจ้าของเรือโชคสกุลวดี 26 กล่าวว่า วันแรกที่ทราบว่าไม่สามารถติดต่อ ไต้ก๋งเรือได้ ก็ได้ขอความช่วยเหลือไปหลายทาง แต่เขาบอกว่า เรือติดภารกิจที่เกาะโลซิน อีกอย่างเหตุผลมีไม่เพียงพอที่จะออกเรือค้นหา เขาบอกว่า ถ้าเรือโดนปล้นหรือคนได้รับบาดเจ็บ ถึงจะสามารถออกค้นหาได้
“พอได้ยินแบบนั้นก็คุยกันว่า จะเอาเรือออกเอง ลูกน้องบอกว่ามีไข่แผงเดียวพอออกได้แล้ว ก็ติดต่อเจ้าหน้าที่ขอเอาเรือออกไปหาเอง แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าออกไปแล้วเดี๋ยวจะเจอปัญหาอื่นอีก ก็ได้แต่รอ จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ทราบชะตากรรมไต้ก๋งเรือเลย”
เจ้าของเรือโชคสกุลวดี 26 กล่าวอีกว่า ตอนนี้เป็นห่วงไต้ก๋งเรือที่สุด เรือมีมูลค่ามากกว่า 2 ล้านบาท ก็สำคัญไม่เท่าชีวิตไต้ก๋งเรือ อยากรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน หรือถ้ามีใครช่วยเขาได้ก็อยากให้ติดต่อมา
นายกฤษณ์พสุ เจริญ ผู้จัดการสมาคมการประมงจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า หลังจากได้รับเรื่องขอความช่วยเหลือจากครอบครัวไต้ก๋งและเจ้าของเรือ ก็ได้ประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันที ทั้งด่านตรวจประมง ศูนย์ควบคุมเรือ และ ศรชล.ภาค 2 ได้แจ้งรายละเอียดเพิ่มเติมของเรือโชคสกุลวดี 26 ซึ่งเป็นเรือเฝ้าซั้งกลางทะเล
โดยในช่วงเย็นของวันที่ 20 มิ.ย. มีเรือพบเห็นว่า ไต้ก๋งเรือโชคสกุลวดี 26 นอนอยู่บนดาดฟ้าเรือด้านหน้า และเรือได้ลอยลำเข้าในเขตน่านน้ำของประเทศเวียดนาม โดยพิกัดล่าสุดของเรือที่แจ้ง ละติจูด 08-02-00 เหนือ ลองติจูด 102-43-00 ตะวันออก ซึ่งเรือประมงที่พบเห็นได้แจ้งเข้ามายังเจ้าของเรือบนฝั่ง
ด้าน น.อ.ฐิติวัชร ภัทรเกียรติวงศ์ หัวหน้าศูนย์ควบคุมจังหวัด ศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า ทางเจ้าของเรือโทรแจ้งเมื่อวันที่ 20 มิ.ย.ว่า ไม่สามารถติดต่อเรือโชคสกุลวดี 26 ได้ บนเรือมีลูกเรือ 1 คนเป็นไต้ก๋งเรือ ซึ่งข้อมูลล่าสุดทางเรือลาภพิชญา แจ้งว่า พบเห็นเรือลำนี้มีทิศทางอยู่ใกล้กับเขตประเทศเวียดนาม ได้แจ้งตำบลไว้ แต่ไม่ได้บอกเวลาที่พบเรือลำดังกล่าว
ส่วนเรือลำอื่นๆ ในพื้นที่แจ้งว่า เรือทุกลำเข้าใจว่าเรือลำนี้จอดนอน เพราะเรือปั่นไฟจอด ทิ้งสมอหรือผูกซั้งนอนตอนกลางวัน กลางคืนค่อยออกไปทำการประมง จึงไม่มีใครสนใจ จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีเรือลำใดพบเห็นหรือสามารถติดต่อกับเรือโชคสกุลวดี 26 ได้
ต่อมาได้ขอข้อมูลความถี่วิทยุและเบอร์โทรศัพท์ดาวเทียมของทั้งเรือลาภพิชญา และเรือโชคสกุลวดี 26 เพื่อจะได้นำข้อมูลให้ ศรชล.ภาค 2 ช่วยทำการค้นหา เมื่อเจ้าของเรือได้แจ้งข้อมูลแล้ว จึงได้แจ้งข้อมูลขอความช่วยเหลือต่อไปที่ ศรชล.ภาค 2 ตามขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติ ซึ่ง ศรชล.ภาค 2 ก็จะแจ้งขอให้ทัพเรือภาคที่ 2 จัดเรือออกให้การช่วยเหลือต่อไป
หัวหน้าศูนย์ควบคุม กล่าวอีกว่า ทางเจ้าของเรือได้ถามว่า เรือของทหารเรือที่ออกไปช่วยกู้อวนที่เกาะโลซินนั้น สามารถออกเรือไปช่วยได้หรือไม่ ตนได้ตอบไปว่าน่าจะไม่สามารถจัดเรือส่วนนั้นไปช่วยค้นหาได้ เนื่องจากทั้งสองลำยังติดภารกิจ “เรือหลวงราวี” ทำหน้าที่เป็นเรือพี่เลี้ยงนักดำน้ำ ส่วนเรือ ต.991 เป็นเรือสนับสนุน และภารกิจที่เกาะโลซินยังไม่ลุล่วง
แต่ได้แนะนำให้เจ้าของเรือติดต่อกับด่านตรวจประมงปัตตานีควบคู่กันไปอีกทางหนึ่ง เพื่อใช้วิทยุติดต่อกับเรือในพื้นที่ ทางด่านฯ จะดูในระบบติดตามเรือ VMS (Vessel Monitoring System) ให้ว่า มีเรือใดอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงบ้าง ด่านฯจะวิทยุไปแจ้งให้เรือแถวนั้นช่วยกันติดต่อเรือโชคสกุลวดี 26 ถ้ามีเรือใดพบและแจ้งตำบลมา ก็จะนำไปสู่ความช่วยเหลือได้ เพราะพิกัดที่แจ้งในครั้งแรกนั้น ห่างฝั่งเป็นระยะทางถึง 108 ไมล์ ซึ่งการออกเรือไปช่วยจะต้องใช้เวลาเดินทางเป็นเวลามากกว่า 7 ชั่วโมง ดังนั้นจำเป็นที่จะต้องทราบตำบลและเวลาที่พบที่แน่นอน เพื่อนำมาคำนวณทิศทางและระยะทางที่เรืออาจจะไหลไปตามกระแสน้ำกระแสลม เพื่อให้เรือที่จะออกไปทำการค้นหาสามารถให้การช่วยเหลือได้อย่างถูกต้อง