ในยุคที่โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพนิ่งและคลิปวีดีโอได้ชัดแจ๋วไม่แพ้กล้องทีวี และพลังของโซเชียลมีเดียสามารถท้าชนอำนาจรัฐได้ ทำให้ประชาชนมีเครื่องมือในการตรวจสอบความไม่โปร่งใสของโครงการพัฒนาต่างๆ โดยโครงการล่าสุดที่ถูกแฉผ่านโลกออนไลน์ คือ "อาคารร้านค้า 30 คูหาริมหาดนราทัศน์"
"หาดนราทัศน์" เป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของอำเภอเมืองนราธิวาส มีการก่อสร้างอาคารร้านค้าแบบครบวงจรใกล้ๆ ริมหาด แต่โครงการนี้ถูกแฉด้วยภาพในโลกโซเชียลฯว่า ถูกทิ้่งร้าง ขยะเกลื่อน ห้องน้ำใช้ไม่ได้ เต็มไปด้วยขยะและความรกรุงรัง สระบัวก็มีแต่น้ำเน่า เต็มไปด้วยขยะเหมือนจุดอื่นๆ ในอาคาร ทำให้เกิดกระแสวิจารณ์อย่างกว้างขวางถึงความสิ้นเปลืองงบประมาณ และการปล่อยปละละเลยของหน่วยงานเจ้าของโครงการ
หลังได้รับข้อมูลจากสื่อสังคมออนไลน์ "ทีมข่าวอิศรา" ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบอาคารดังกล่าว และพบปัญหาจริงตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูล โดยอาคารหลังนี้อยู่ในความรับผิดชอบของเทศบาลเมืองนราธิวาส มีล็อคสำหรับขายสินค้าประมาณ 30 ล็อค ที่เหลือเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ห้องน้ำ และห้องละหมาด ภาพรวมของสถาปัตยกรรมและสิ่งปลูกสร้างถือว่ามีขนาดใหญ่ ใช้งบประมาณจำนวนไม่น้อย
นอกจากนั้้นบริเวณด้านหนึ่งของอาคาร พบป้ายสีเขียวระบุข้อมูลการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารร้านค้า 30 คูหาด้วย ใช้งบประมาณ 2,225,000 บาท ระยะเวลาดำเนินการ 3 เดือน ระหว่างวันที่ 26 มี.ค.58 ถึง 24 มิ.ย.58 หรือเมื่อ 4 ปีก่อน
ต่อมา นายธนาวิทย์ ไชยานุพงศ์ นายกเทศมนตรีเมืองนราธิวาส ได้นำทีมงาน พร้อมด้วย นายแพทย์วิชัย วิเชียรวัฒนชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ เข้าตรวจสอบพื้นที่ และเปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
นายกเทศมนตรี บอกว่า อาคารนี้ก่อสร้างขึ้นนานแล้ว ตั้งแต่ปี 53 มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นอาคารจำหน่ายสินค้าโอท็อป สินค้าพื้นเมือง จำหน่ายอาหาร และสถานที่ละหมาด เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่นิยมมาเที่ยวชมความงามและเล่นน้ำริมหาดนราทัศน์มากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญ อย่างเทศกาลฮารีรายอ แต่เมื่ออาคารก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยระยะหนึ่ง ปรากฏว่าไม่มีผู้เข้าไปดำเนินการบริหารพื้นที่ และไม่มีผู้เช่า เมื่อผ่านไปนานเข้าอาคารก็เหมือนกับถูกปล่อยทิ้งร้าง
"โครงการนี้สืบเนื่องจากนโยบายปรับปรุงและจัดระเบียบบริเวณหาดนราทัศน์ เพราะทางจังหวัดจะพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ทางเทศบาลจึงเตรียมดำเนินการจัดระเบียบ ด้วยการย้ายร้านค้าที่กระจายอยู่รอบๆ หาด มาจำหน่ายในอาคาร 30 คูหา เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย และจะได้ใช้ประโยชน์จากอาคารนี้ โดยทางเทศบาลได้ประชุมชี้แจงกับพ่อค้าแม่ค้า แต่เสียงส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย และไม่ยอมย้ายมาขายในอาคาร โดยให้เหตุผลว่าเกรงจะขายไม่ได้ เพราะมองว่านักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะไปรวมตัวกันที่ริมชายหาดมากกว่า ดังนั้นแนวทางนี้จึงไม่ประสบความสำเร็จ" นายธนาวิทย์ ชี้แจงความเป็นมา
และว่า จากนั้นทางเทศบาลได้ดำเนินการประมูลจัดหาผู้ประกอบการเข้ามาบริหารพื้นที่ เปิดเป็นร้านอาหาร แต่ก็ดำเนินการได้ในระยะเวลาสั้นๆ และผู้ประกอบการขอยกเลิกสัญญา ทำให้ไม่มีใครเข้าใช้พื้นที่
"ระหว่างที่อาคารเว้นว่างอยู่นั้น ก็มีผู้ไม่ประสงค์ดีเข้าไปทำลายวัสดุสิ่งของต่างๆ ภายในอาคารจนได้รับความเสียหาย ทางเทศบาลก็เป็นห่วงเรื่องนี้มาก จึงประสานกับกำลัง 3 ฝ่าย ทั้งตำรวจ ทหาร และอำเภอ จัดเจ้าหน้าที่เข้าไปเฝ้าดูแลความเรียบร้อยได้ระยะหนึ่งแล้ว ยืนยันว่าคณะผู้บริหารเทศบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ผมจัดประชุมแบบเร่งด่วน มีนโยบายใช้อาคารให้เกิดประโยชน์แก่พี่น้องประชาชน ประกอบกับทางโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ได้ประสานกับ เทศบาล เพื่อจะจัดตั้งศูนย์บริการปฐมภูมิ หรือคลินิกหมอครอบครัว ที่อาคาร 30 คูหาแห่งนี้ จึงได้มีการ ประสานงานกันมาตลอด"
นายกเทศมนตรีเมืองนราธิวาส บอกอีกว่า ขณะนี้เทศบาลได้บรรจุโครงการที่จะทำร่วมกับโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ไว้ในแผนพัฒนาเทศบาล พ.ศ.2562-2563 ขณะนี้กำลังเร่งตรวจดูแปลน และแก้ไขซ่อมแซมอุปกรณ์ที่ชำรุดเสียหาย รวมทั้งวางระบบให้ทางสาธารณสุขสามารถใช้งานได้ถูกต้องตามสุขลักษณะด้วย ยืนยนัว่าหากโครงการนี้ได้ดำเนินการตามแผนงาน จะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อพี่น้องประชาชนอย่างแน่นอน