
เรื่องราวความน่ารักและมิตรภาพระหว่างทหารกับนก ถ่ายทอดเป็นความประทับใจจากฐานปฏิบัติการบ้านบูเกะสูดอ ต.โคกเคียน อ.เมือง จ.นราธิวาส ดินแดนรุ่มร้อนปลายสุดด้ามขวาน ให้คนไทยได้ชุ่มชื่นในหัวใจ
“มะแอ” นกเงือกแสนรู้ ได้กลายเป็นขวัญใจประจำฐาน ด้วยลีลาการ “เดาะตะกร้อ” ที่ว่องไวและตั้งใจเล่น ทำให้ทหารในค่ายถึงกับอมยิ้มทุกครั้งที่ได้เห็น และแพ้ทางให้กับมัน กลายเป็นแฟนคลับของ “มะแอ” ไปโดยปริยาย
@@ จากนกบาดเจ็บ สู่สมาชิกเซเลบประจำฐาน

จุดเริ่มต้นของ “มะแอ” ไม่ได้สวยงามนัก มันถูกชาวบ้านในอำเภอรือเสาะ จ.นราธิวาส พบขณะบาดเจ็บ ตกดินอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่
การพบ “มะแอ” เป็นไปโดยบังเอิญ ไม่ใช่จากการไล่ล่า แต่เป็นชาวบ้านแถบรือเสาะออกไปทำสวนตามปกติ แล้วพบลูกนกเงือกบาดเจ็บนอนเลียแผลอยู่ใต้ต้นไม้ ด้วยความสงสาร ชาวบ้านรายนั้นจึงนำกลับมาดูแลที่บ้าน
แต่เมื่อมีคนเตือนว่า การเลี้ยงนกเงือกอาจมีความผิดตามกฎหมาย เจ้าของจึงตัดสินใจนำมาฝากไว้กับเพื่อนทหารในหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารราบนาวิกโยธิน กองทัพเรือ

จ.อ.ดำรงค์ พันธ์ธูป เจ้าหน้าที่ทหารผู้ดูแล “มะแอ” เล่าว่า ตอนนั้นมะแอเจ็บที่ฝ่าเท้าและปาก เราก็ช่วยกันป้อนอาหาร ดูแลจนเริ่มบินได้
“ช่วงแรกซนมาก ชอบจิกเสื้อผ้า เอากางเกงทหารไปแขวนบนต้นไม้ แถมยังแอบไปที่ล้างจาน ข้าวของในค่ายหาย เพราะมะแอบ่อยๆ เลยครับ” จ่าดำรงค์ ย้อนเล่าถึงช่วงแรกๆ ที่ต้องเกี่ยวพันกับนกเงือกสุดเซี้ยว
แต่ความเฮี้ยวของ “มะแอ” แฝงด้วยความขี้เล่นและน่ารัก จึงทำให้ทหารทุกนาย “โกรธไม่ลง”
ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่ทำให้ทุกคนหลงรัก “มะแอ” คือความสามารถพิเศษที่ไม่มีใครคาดคิด คือการ “เล่นตะกร้อ” ทำให้ “มะแอ” พิเศษกว่านกทั่วไป
@@ สมาชิกวงตะกร้อ ทหารรอเฮทุกเย็น

โดยกิจกรรมเล่นตะกร้อของทหารในฐาน มีเป็นปกติอยู่แล้วในช่วงเย็นๆ หลังเสร็จภารกิจในแต่ละวัน ทหารมักออกมาเตะตะกร้อออกกำลังกาย และทุกครั้งที่ลูกตะกร้อลอยสูง “มะแอ” จะบินโฉบเข้ามาเล่นด้วยเสมอ
วันหนึ่งมีทหารขี้เล่น ลองเดาะลูกตะกร้อให้ “มะแอ” ผลก็คือมันใช้ปากกระแทกลูกตะกร้อกลับมาอย่างตั้งใจ ทำให้ทหารทุกนายได้รับรู้ว่า “มะแอ” เล่นตะกร้อได้ นับจากนั้นการเล่นเดาะตะกร้อกับ “มะแอ” จึงกลายเป็นกิจกรรมประจำฐานที่สร้างรอยยิ้มทุกเย็น
“ทุกวันๆ ช่วงเวลา 3 โมงถึง 5 โมงเย็น จะได้ยินเสียงคนโห่ฮาจากสนาม หรือเห็นลูกตะกร้อลอยสูง นั่นแหละเป็นช่วงที่ 'มะแอ' มาเล่นกับพวกเรา มันจะบินมารอเลยครับ บางทีเล่นกันจนทหารยังแพ้” กำลังพลประจำฐาน เล่าอย่างสนุก
สำหรับลูกตะกร้อที่ใช้เล่นกับ “มะแอ” เป็นตะกร้อแบบเบา และลักษณะการเตะก็เป็นเพียงการเดาะขึ้นไปเบาๆ จึงไม่เป็นอันตรายและเน้นการเดาะ ไม่ใช่เตะ เพื่อความปลอดภัย
@@ บินเที่ยวไปทั่ว “องุ่น – มะละกอ” เมนูโปรด

“มะแอ” เป็นนกเงือกแสนซนที่ใช้ชีวิตอิสระ เพราะภายในฐานไม่ได้กักขังหรือเลี้ยงในกรง แต่ปล่อยให้อาศัยตามธรรมชาติ “มะแอ” สามารถบินไปมาอย่างอิสระ บางวันก็แวะไปบ้านชาวบ้านในละแวกนั้น ซึ่งใครๆ ต่างก็รู้จักและรักมันทุกคน
หลายคนถึงกับเตรียม มะละกอสุกและองุ่นเอาไว้ป้อน เพราะเมนูโปรดของ “มะแอ”
นอกจากนั้น เจ้านกเงือกแสนรู้ยังชอบข้าวเหนียว ลาบ ส้มตำ ไข่เจียว และผลไม้อื่นๆ แต่ถ้าผลไม้เละหรือไม่สวย “มะแอ” จะคายทิ้งทันที แสดงให้เห็นถึงความฉลาดและจู้จี้ไม่น้อย
@@ ทูตสันติภาพ ร่วมสร้างสังคมพหุวัฒนธรรม

ความแสนรู้ของ “มะแอ” แฝงความ “ซน” อยู่ไม่น้อย เพราะหากใครแกล้งหรือไล่มันเล่น “มะแอ” จะจำได้ และมักตามมาเจาะหัวเอาคืนในภายหลัง สร้างเสียงหัวเราะปนสะใจให้กับทหารได้นำไปล้อเลียนกัน
“เวลากินข้าว ใครที่กินข้าวแล้วเหลือเศษอาหาร เขาก็จะมากินด้วย บางทีก็มานั่งรอหน้าโรงครัว เวลาเราล้างจาน ตากผ้า เขาก็จะมองจากข้างบนลงมา เหมือนอยากมีส่วนร่วมกับทุกอย่างในฐาน แม้แต่เวลาเข้าห้องน้ำก็จะแอบดูตอนเข้าห้องน้ำ” ทหารอีกนายเล่าอย่างขำๆ

อัฟวาน ยามะแอ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 บ้านบูเกะสูดอ ออกตัวว่า “อยู่หมู่บ้านมาหลายปีเพิ่งรู้ว่านกตัวนี้เก่งขนาดนี้ เห็นทหารเล่นตะกร้อทุกวัน “มะแอ” ก็คงสังเกตแล้วเลียนแบบ ตอนนี้เด็กๆ ในหมู่บ้านยังชอบมาดูเวลามันเล่นด้วยเลย
หลังจากมีคนถ่ายคลิปนกเงือกเตะตะกร้อ และเรื่องราวของมันกลายเป็นไวรัล ทำให้ “มะแอ” ไม่ได้เป็นเพียงนกเงือกที่เก่งเรื่องตะกร้อเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพ ความผูกพันระหว่างธรรมชาติกับมนุษย์ และเป็นเครื่องสะท้อนวิถีชีวิตการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขของผู้คนในพื้นที่ชายแดนใต้ได้อย่างดีที่สุด
