
กลายเป็นดราม่าซ้อนดราม่า สำหรับ นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา
ดราม่าแรก ถูกเปิดโปงหนังสือเกณฑ์นายอำเภอไปต้อนรับ “มท.ชาย” เดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย ซึ่งเป็น สส.สงขลา และเป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์
ดราม่าที่สอง เจ้าตัวออกมาแถลงโต้ว่าเป็น “หนังสือปลอม” ไม่เคยลงนาม จึงมีการไปขุดลายเซ็นในอดีตมาเปรียบเทียบ ซึ่งก็มีทั้งเซ็นเหมือน และเซ็นไม่เหมือน
ต้องดูว่างานนี้จะไปจบลงที่ตรงไหน เพราะตัวผู้ว่าฯก็ยืนยันหนักแน่นว่าเป็น “หนังสือปลอม” และตั้งกรรมการสอบ ส่วนฝ่ายการเมืองก็มีขยับตรวจสอบด้วยเช่นกัน
@@ ย้อนประวัติดุ โดนขึ้นป้ายต้านวันรับตำแหน่ง

จะว่าไป ผู้ว่าฯโชตินรินทร์ ก็มีดราม่ามาตลอด ตั้งแต่รับตำแหน่งผู้ว่าฯสงขลา เมื่อเดือน พ.ย.ปี 67 หลังมีชื่อผ่านมติ ครม. ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา โดยขณะนั้นมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็น รมว.มหาดไทย
ทว่าหลังจากนั้นเพียงวันเดียว ในพื้นที่จังหวัดสงขลา ก็พบการแขวนป้ายผ้าปริศนา มีข้อความโจมตีผู้ว่าฯโชตินรินทร์ เช่น “ไม่เอาโชตินรินทร์” “สงขลาไม่ใช่ที่ทดลองของผู้ว่าฯ”
แต่ก็น่าแปลกที่เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงแค่วันเดียวแล้วก็เงียบหายไป แถมจับมือใครดมไม่ได้ จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีใครทราบที่มาที่ไปของการแขวนป้ายผ้าโจมตีว่าเป็นฝีมือของใคร ยังคงเป็นความลับดำมืดอยู่จนทุกวันนี้
ขณะที่ ผู้ว่าฯโชตินรินทร์ ก่อนรับตำแหน่งผู้ว่าฯสงขลา ก็มีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้นกับท่าน โดยช่วงที่ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย จู่ๆ ก็ได้รับแต่งตั้งจาก คุณอนุทิน ให้ไปรักษาการในตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.67 เพื่อทำหน้าที่ผู้นำในการบริหารจัดการสถานการณ์อุทกภัยและดินโคลนถล่มที่เกิดขึ้นในพื้นที่ เนื่องจาก “มท.หนู” ไม่พอใจการทำงานของผู้ว่าฯคนเก่า ซึ่งขณะเกิดเหตุกำลังจะเกษียณอายุราชการ
ช่วงนั้นใครๆ ที่ติดตามข่าว ก็จะคาดหมายว่า รองปลัดฯโชตินรินทร์ จะได้นั่งตำแหน่งผู้ว่าฯเชียงรายแน่นอน แต่สุดท้ายโผพลิก มาลงที่พ่อเมืองสงขลาแทน
@@ สานฝันพัฒนาทะเลสาบสงขลา รื้อโพงพางส่อเป็นชนวน?

ประวัติการทำงานของผู้ว่าฯโชตินรินทร์ ก็ไม่ธรรมดา เคยเป็นผู้ว่าฯชุมพรเพียง 1 ปี ก่อนจะขยับเป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย จากนั้นก็ได้ไปรักษาการในตำแหน่งผู้ว่าฯเชียงราย และย้ายมานั่งผู้ว่าฯสงขลา
ผู้ว่าฯโชตินรินทร์ ให้สัมภาษณ์ช่วงรับตำแหน่งใหม่ๆ ตอนที่โดนขึ้นป้ายต่อต้านว่า ไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นเลย เพราะที่ผ่านมาไม่เคยทำงานในพื้นที่จังหวัดสงขลา แต่รู้จักพื้นที่ดี เพราะเคยเรียนหนังสือที่หาดใหญ่ (อำเภอเศรษฐกิจสำคัญของสงขลา และภาคใต้ตอนล่าง) เป็นชาวอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช จึงมีความตั้งใจพัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ซึ่งมี 12 อำเภอจาก 16 อำเภอของสงขลา ที่อยู่ติดกับทะเลสาบ
เป็นที่น่าสังเกตว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้ว่าฯโชตินรินทร์ เพิ่งเปิดปฏิบัติการ “รื้อโพงพาง” จำนวนมากในทะเลสาบสงขลา ซึ่งเป็นเครื่องมือจับสัตว์น้ำที่ผิดกฎหมาย แต่สวนทางกับวิถีชีวิตและการทำมาหากินของคนจำนวนหนึ่ง จึงเท่ากับเป็นการขัดผลประโยชน์ของผู้ประกอบอาชีพประมงโพงพาง ทำให้เกิดกระแสต้านขึ้นในพื้นที่ จึงมีความเป็นไปได้ที่ผู้ว่าฯจะถูกกลั่นแกล้งได้เหมือนกัน
