การเดินทางเยือนราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียของคณะจากประเทศไทย ซึ่งมีเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ร่วมเป็นผู้นำไปด้วยนั้น สร้างคุณูปการหลากหลายประการ
ทั้งการสนับสนุนการจัดงานแสดงสินค้า Thai Festival in Riyadh 2025 การพาคณะนักธุรกิจและผู้ประกอบการจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปพบปะกับผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ของซาอุฯ ได้เปิดวง matching ระหว่างผู้ประกอบการ และที่สำคัญไม่แพ้กัน คือไปเยี่ยมให้กำลังใจคณะผู้แสวงบุญ หรือ ฮุดยาด จากประเทศไทยที่ไปประกอบพิธีฮัจย์
กิจกรรมทั้งหมดนี้เกิดขึ้นช่วงปลายเดือนเมษายน ต่อเนื่องถึงต้นเดือนพฤษภาคม ดร.ธิติวัฐ อดิศรพันธ์กุล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง หัวหน้าคณะจากประเทศไทย พร้อมด้วย พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการ ศอ.บต. นาวาเอกจักรพงษ์ อภิมหาธรรม ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาฝ่ายพลเรือน (กสพ.) นำทัพผู้ประกอบการจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย เดินทางไปกรุงริยาด ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย เพื่อข้าพบปะและเยี่ยมคารวะ นายดามพ์ บุญธรรม เอกอัครราชทูต ณ กรุงริยาด เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในทุกมิติ โดยเฉพาะการส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ของไทยในสาขาต่างๆ
จากนั้น คณะจากประเทศไทยได้เดินทางเข้าพบ นาย Abdulaziz Alsakran, Deputy Governor of The General Authority of Foreign Trade (GAFT) รองผู้ว่าการ the General Authority of Foreign Trade (GAFT) (กระทรวงพาณิชย์) เพื่อแลกเปลี่ยนการค้า การลงทุน และสานสันพันธ์ทางการค้า พร้อมเชื่อมต่อนักลงทุนไทยจับคู่ธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ ผลักดันให้เกิดการลงทุนร่วมกันอย่างยั่งยืน ทั้งสาขาอาหารและเครื่องดื่ม เครื่องแต่งกาย และ Health and wellness ณ สํานักงานรองผู้ว่าการฯ กรุงริยาด
ดร.ธิติวัฐ กล่าวในนามของรัฐบาลไทย เช่นเดียวกับ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ ว่า รู้สึกเป็นเกียรติเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสมาหารือร่วมกัน ประเทศไทยและราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นทั้งในด้านเศรษฐกิจ การค้า วัฒนธรรม และศาสนา ฝ่ายไทยมุ่งหวังที่จะยกระดับความร่วมมือให้เกิดความก้าวหน้ายิ่งขึ้นในอนาคต
สำหรับการหารือที่เกิดขึ้น ถือเป็นโอกาสความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการลงทุนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งถือเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพทั้งในด้านการผลิตสินค้าการเกษตร อาหารฮาลาล การท่องเที่ยว และโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อต่อการค้าระหว่างประเทศ ส่งเสริมผู้ประกอบการในพื้นที่ให้มีตลาดที่เติบโต
ด้าน นาย Abdulaziz Alsakran, Deputy Governor of The General Authority of Foreign Trade (GAFT) รองผู้ว่าการ the General Authority of Foreign Trade (GAFT) (กระทรวงพาณิชย์) ได้กล่าวต้อนรับและขอบคุณคณะจากประเทศไทยที่เข้าหารือแนวทางการส่งเสริมเศรษฐกิจของสองประเทศ และบอกว่าตนเคยเดินทางเยือนประเทศไทย รู้สึกประทับใจกับความมุ่งมั่นของรัฐบาล โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีของไทยที่มีวิสัยทัศน์ในทุกๆ ด้าน
ทั้งนี้ การขยายการค้าและลงทุนระหว่างไทยและซาอุดีอาระเบีย เป็นโอกาสให้ทั้งสองประเทศใช้จุดแข็งทางอุตสาหกรรมของตนเพื่อสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาทางเศรษฐกิจของกันและกัน ความร่วมมือในการขับเคลื่อนการค้าและการลงทุนดังกล่าวจะช่วยให้ทั้งสองฝ่ายบรรลุเป้าหมายในการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมของตนได้อย่างรวดเร็วและมั่นคง และเป็นการปูทางเพื่อสร้างโอกาสและผลักดันให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนแก่ทั้งสองประเทศในอนาคต
@@ ซาอุฯจ่อเยือนไทย เปิด สนง.ประสานการลงทุน
ต่อมา เลขาธิการ ศอ.บต. พร้อมคณะ ได้เข้าพบผู้อำนวยการสำนักประสานงานนานาชาติหอการค้า กรุงริยาด เพื่อหารือแลกเปลี่ยนแนวทางการค้า การลงทุน และสานสันพันธ์ทางการค้า
โอกาสนี้ ผู้อำนวยการสำนักประสานงานนานาชาติ หอการค้า กรุงริยาด ได้แจ้งกับคณะผู้แทนรัฐบาลไทยว่า เตรียมจัดงานส่งเสริมการค้าการลงทุนปีละ 2 ครั้ง โดยจะเชิญฝ่ายไทยเข้าร่วมด้วย และสัญญาว่าอีก 3 เดือน จะเดินทางมาประเทศไทย เพื่อเตรียมจัดตั้งสำนักงานประสานงานด้านการค้าและการลงทุนของซาอุดีอาระเบียประจำประเทศไทย พร้อมจะลงไปดูโอกาสในการลงทุนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย
@@ งานแสดงสินค้าไทยกลางกรุงริยาด สุดยิ่งใหญ่
สำหรับงานเทศกาลไทย หรือ Thai Festival ที่ Cultural Palace, Diplomatic Quarter ในกรุงริยาด ได้เปิดจำหน่ายสินค้า และเปิดให้ชาวซาอุฯ ได้เข้าชมไปเรียบร้อยแล้ว ระหว่างวันที่ 1-3 พฤษภาคม
ภายในงานมีการแสดงสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าด้านสุขภาพ ความงาม สปาและการท่องเที่ยวจากประเทศไทย ซึ่งจัดอย่างยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะโปรแกรมทัวร์ทางด้านสุขภาพ ที่ชาวอาหรับท้องถิ่นให้การยอมรับ
@@ matching ธุรกิจกับผู้ประกอบการใหญ่ในเจดดาห์
กิจกรรมที่ซาอุดีอาระเบียยังไม่จบเพียงเท่านั้น ดร.ธิติวัฐ พร้อมคณะเจ้าหน้าที่จาก ศอ.บต. และกลุ่มผู้ประกอบการในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้เข้าเยี่ยมคารวะและหารือกับ ร้อยโท บรรพต อุชชิน กงสุลใหญ่ เมืองเจดดาห์ ณ บ้านพักกงสุลใหญ่ ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในทุกมิติ เและพูดคุยแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับเรื่องการค้า การลงทุนและ การประกอบพิธีทางศาสนา (ฮัจย์) ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการปฏิบัติงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ยังได้พบปะแลกเปลี่ยนประเด็นทางการค้า ร่วมกับกลุ่มผู้ประกอบการไทยจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้ประกอบการไทยในซาอุดีอาระเบีย และกลุ่มผู้ประกอบการในประเทศซาอุดีอาระเบีย ทั้งสาขาอาหารและเครื่องดื่ม เครื่องแต่งกาย และ Health and wellness โดยสินค้าจากไทยได้รับความสนใจทำให้เกิดความร่วมมือทางการค้า ต่อยอดเศรษฐกิจพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีมูลค่ามหาศาล
@@ เหยื่อไฟใต้ได้ไปแสวงบุญฮัจย์...ขอบคุณทั้งน้ำตา
โอกาสเดียวกันนี้ ดร.ธิติวัฐ และ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ รวมถึง นาวาเอกจักรพงษ์ เดินทางไปยังสวนอินทผาลัม เมืองมาดีนะห์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย เพื่อพบปะให้กำลังใจคณะผู้แสวงบุญฯ และฮุดยาดจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามโครงการส่งเสริมคนดีมีคุณธรรม
สำหรับในปีนี้ได้เดินทางมาระหว่างวันที่ 29 เมษายน - 13 มิถุนายน โดยมีจำนวนผู้ร่วมโครงการฯ จำนวน 100 ราย ประกอบด้วยผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบ 49 ราย ประชาชนที่มีฐานะยากจน 13 ราย ผู้แทนผู้นำศาสนา 5 ราย เจ้าหน้าที่ดูแลและอำนวยความสะดวก 5 ราย และผู้ทำคุณประโยชน์แก่พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ 28 ราย
ดร.ธิติวัฐ และ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ กล่าวแสดงความยินดีกับผู้แสวงบุญทุกคน และว่ารู้สึกยินดีที่ทาง ศอ.บต.โดยรัฐบาล สามารถให้ทุกคนได้มาประกอบศาสนกิจที่สำคัญยิ่งในครั้งนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมุ่งเน้นเยียวยาจิตใจผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบ ให้ได้มีโอกาสเดินทางมาประกอบพิธีฮัจย์ ซึ่งถือเป็นหลักปฏิบัติสำคัญของผู้นับถือศาสนาอิสลาม
น.ส.นูรูลฮูดา สะแลแม ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวขอบคุณรัฐบาลไทย และ ศอ.บต.ทั้งน้ำตา โดยบอกว่า ไม่คิดว่าจะได้รับโอกาสที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต วันนี้ได้ทำหน้าที่ของตนเองได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพราะภาครัฐให้โอกาสสำคัญ
สำหรับการปฏิบัติศาสนกิจของผู้แสวงบุญชาวไทย จะมีขึ้นในมัสยิดอัลนาบาวีย์ ซึ่งเป็นมัสยิดที่มีความสำคัญเป็นลำดับที่ 2 ในศาสนาอิสลาม โดยเมืองมาดีนะห์ถือเป็นศูนย์กลางที่ศาสดามูฮัมหมัดใช้ในการเผยแผ่ศาสนาอิสลาม และได้เดินทางไปนครเมกกะ เพื่อประกอบพิธีสำคัญในลำดับต่อไป