เหตุการณ์คนร้ายปาระเบิด “ไปป์บอมบ์” โจมตีจุดตรวจบาตู อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส โดยใช้วิธี “เดินเข้าไปขว้างใส่อย่างอุกอาจ” นั้น
จุดเกิดเหตุเป็นเส้นทางสัญจรไปมาของพี่น้องประชานจำนวนมาก การก่อเหตุของคนร้ายไม่สนใจว่าใครจะได้รับอันตราย มุ่งแต่เป้าหมายจะทำร้ายเจ้าหน้าที่เท่านั้น
เหตุการณ์นี้นอกจากทหารพรานประจำจุดตรวจได้รับบาดเจ็บ 1 นายแล้ว ยังมีประชาชนตาดำๆ โดนสะเก็ดระเบิดบาดเจ็บอีก 3 คน ทั้งหมดเป็นพี่น้องกัน
สามพี่น้อง ประกอบด้วยพี่สาวคนโต อายุ 24 ปี น้องชายคนรอง อายุ 10 ปี และน้องสาวคนสุดท้อง วัยเพียง 5 ขวบ
หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่และพลเมืองดีช่วยกันนำผู้บาดเจ็บทั้งหมดส่งโรงพยาบาลบาเจาะ ทั้งหมดอาการไม่สาหัส แพทย์อนุญาตให้กลับบ้าน ยกเว้นหนูน้อย 5 ขวบที่แพทย์ส่งต่อโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ นั่นแปลว่าอาการของหนูน้อยยังต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด
พล.ท.ศานติ ศกุนนาค แม่ทัพภาคที่ 4 เดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจเด็กหญิงด้วยความเป็นห่วง
นายแพทย์ พรประสิทธิ จันทระ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ รายงานอาการของเด็กหญิงผู้เคราะห์ร้ายว่า แพทย์ได้ผ่าตัดเอาสะเก็ดระเบิดที่แขนของน้องออกแล้ว แต่ยังต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาล
“สิ่งที่เป็นห่วงคือสภาพจิตใจของน้อง” เป็นความกังวลจากฝ่ายสาธารณสุข
แต่เท่าที่สังเกตอาการ หนูน้อยมีสภาพจิตใจดีขึ้น และอาการหวาดกลัวลดลงมาก มีการพูดคุยโต้ตอบกับหมอและพยาบาล ตลอดจนแม่ทัพภาคที่ 4 อย่างแจ่มใส ขณะที่แม่ทัพก็ชวนคุยด้วยความเอ็นดู ก่อนจะมอบกระเช้าเยี่ยมและเงินช่วยเหลือ รวมทั้งตุ๊กตาตัวใหญ่ไว้นอนกอด
@@ ปลุกประณามคนร้าย ก่อเหตุไม่สนคนบริสุทธิ์
จากนั้น แม่ทัพภาคที่ 4 ได้เข้าเยี่ยม อส.ทพ.พิทักษ์ชัย พ่วงอินทร์ ที่นอนรักษาตัวอยู่ชั้น 5 ตึกเดียวกัน พร้อมทั้งมอบกระเช้าเยี่ยมและเงินช่วยเหลือ
พล.ท.ศานติ บอกว่า ขอประณามผู้ก่อเหตุที่ไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของชาวบ้าน โดยเฉพาะเด็กวัยเพียง 5 ขวบ ผู้ก่อเหตุรุนแรงมักจะก่อกวนก่อเหตุอยู่ตลอดเวลา ประกอบกับในห้วงที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้มีการบังคับใช้กฎหหมาย
“ผมคิดว่าตรงนี้มีส่วนในการที่ผู้ก่อเหตุออกมาตอบโต้ แต่ผมได้เน้นย้ำให้ระมัดระวัง เพราะฝ่ายโน้นมีการสูญเสีย ถ้าเจรจาแล้วยอมออกมามอบตัว เป็นสิ่งที่เราต้องการมาก แต่ขณะเดียวกันเราต้องปกป้องกำลังพลของเรา ยืนยันว่าจะใช้การพูดคุยเจรจาเป็นหลัก ตามนโยบายจากเบาไปหาหนักเหมือนเดิม”
@@ ผิดที่ด่าน? ชาวบ้านขอ จนท.ย้ายจุดตรวจ
ด้านประชาชนในละแวกที่เกิดเหตุอยู่ในอาการผวา และวอนให้เจ้าหน้าที่ย้ายด่านตรวจไปที่อื่น เนื่องจากมีเหตุการณ์ลักษณะนี้มาแล้วถึง 3 ครั้ง
น.ส.รุสตีนา มาจะ ซึ่งอาศัยอยู่ใกล้จุดตรวจบาตู กล่าวว่า อยากขอความเห็นใจจากเจ้าหน้าที่ซึ่งได้ตั้งด่านบริเวณหน้าบ้านตนมานานหลายปี อยากให้เห็นใจบ้าง เพราะที่มีทั้งเด็กเล็ก ผู้ใหญ่ คนชรา เหตุการณ์นี้ไม่ใช่ครั้งแรก แต่เกิดขึ้นมา 3 ครั้งแล้ว และตัวเองก็ต้องอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้ตลอด
“ทุกวันนี้ได้ยินเสียงระเบิดหรือปืน จะหวาดกลัวอย่างมาก บางทีลูกเล็กๆ ถึงกับร้องไห้ จึงอยากขอร้องให้เจ้าหน้าที่ช่วยย้ายหรือเลื่อนด่านตรวจจากบริเวณหน้าบ้านไปอยู่ตรงจุดอื่นแทน”