ศาลสั่งจำคุก 4 ปี “2 ทหาร” ก่อคดียิงชาวบ้านดับ 3 ศพบนเทือกเขาตะเวเมื่อปี 62 ชี้กระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ครอบครัวพอใจได้รับความเป็นธรรม ย้อนเหตุการณ์สะเทือนปลายด้ามขวาน อ้างเหตุปะทะโจร สุดท้ายความจริงปรากฏ
วันพุธที่ 7 ก.พ.67 ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 1 ศาลจังหวัดนราธิวาส ศาลได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาจำคุกเจ้าหน้าที่ทหาร 2 นายที่ก่อเหตุยิงประชาชนเสียชีวิต 3 ราย ในฐานความผิดกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โทษจำคุก 6 ปี แต่เนื่องจากจำเลยให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับวันเกิดเหตุ จึงลดโทษให้ 1 ใน 3 เหลือจำคุก 4 ปี ไม่รอลงอาญา
คดีนี้สืบเนื่องจากวันที่ 16 ธ.ค.62 ชาวบ้าน 3 คน คือ นายบูดีมัน มะลี ผู้ตายที่ 1, นายมะนาเซ สะมะแอ ผู้ตายที่ 2 และนายฮาฟิซี มะดาโอะ ผู้ตายที่ 3 ได้ขึ้นไปบนเทือกเขาตะเว ต.บองอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เพื่อตัดไม้และนำไปแปรรูป โดยได้พบกับชุดเจ้าหน้าที่ทหารพราน กรมทหารพรานที่ 45 ขณะออกลาดตะเวนบนเขาตะเว และได้ยิงชาวบ้านทั้ง 3 เสียชีวิต
ศาลจังหวัดนราธิวาสเปิดไต่สวนการตาย (ไต่สวนชันสูตรพลิกศพ) ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 เสร็จสิ้น จึงนำมาสู่การฟ้องร้องดำเนินคดีอาญา โดยพนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่ทหาร 2 นาย เป็นคดีอาญาหมายเลขดำที่ 71/2566 ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
ศาลจังหวัดนราธิวาสได้อ่านคำพิพากษา โดยสรุปว่า กรณีการเสียชีวิตของผู้ตายรายที่ 1 เนื่องจากมีปลอกกระสุนปืนและเขม่าดินปืนที่มือผู้ตาย แม้ไม่พบอาวุธ แต่ทำให้ศาลเชื่อว่า มีการยิงกันประกอบกับพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่เคยเกิดเหตุ มีการปะทะมาแล้ว ศาลจึงเชื่อว่าน่าจะเป็นการยิงโดยการป้องกันเหตุ
ศาลวินิจฉัยในประเด็นของศพรายที่ 2 และ 3 ซึ่งอยู่ห่างจากผู้ตายที่ 1 และอยู่ในลักษณะหมอบ เหมือนกับว่ายอมทั้งสองคน ประกอบกับที่มือไม่พบร่องรอยเขม่าปืนใดๆ จึงทำให้เชื่อได้ว่า ทั้งสองคนไม่มีอาวุธ หากจำเลยใช้ความระมัดระวังย่อมสามารถเห็นได้ แต่กลับไม่ใช้ความระมัดระวังที่พึงมี ทำให้เกิดการสูญเสียขึ้น จึงมีคำพิพากษาลงโทษจำคุก 6 ปี แต่เนื่องจากจำเลยให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับวันเกิดเหตุ เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี จึงสั่งลดโทษให้ 1 ใน 3 เหลือจำคุก 4 ปี ไม่รอลงอาญา
มีรายงานว่า ครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้งสามครอบครัว รวมสิบกว่าคน พร้อมผู้สังเกตการณ์ เดินทางไปที่ศาลจังหวัดนราธิวาส พร้อมนัดกันใส่เสื้อยืดที่มีข้อความบนเสื้อว่า “ความยุติธรรมเป็นของประชาชน” โดยหลังจากฟังคำพิพากษาแล้ว ครอบครัวได้แสดงความพอใจ บางคนถึงกับร้องไห้ที่ได้รับความเป็ฯธรรม เพราะการต่อสู้คดีตลอด 4 ปี ต้องใช้กำลังใจ กำลังกาย และค่าใช้จ่ายจำนวนมาก
@@ ย้อนเหตุการณ์ ยิงชาวบ้าน 3 ศพบนเขาตะเว
สำหรับเหตุการณ์ในคดีนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.62 โดยกำลังเจ้าหน้าที่ทหารพราน ชุดจรยุทธ์ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 45 (ฉก.ทพ.45) จำนวน 3 ชุดปฏิบัติการ เปิดแผนกดดันไล่ล่ากลุ่มกองกำลังติดอาวุธที่เคลื่อนไหวและกบดานอยู่บนเทือกเขาตะเว เขตรอยต่อ อ.ระแงะ กับ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ลาดตระเวนไปพบเพิงพักชั่วคราวที่มีกองกำลังไม่ทราบฝ่าย บนเทือกเขาตะเว ในพื้นที่ ต.บองอ อ.ระแงะ โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่า ได้มีการยิงปะทะกัน ก่อนที่กองกำลังดังกล่าวจะหลบหนี
หลังการปะทะจบลง เจ้าหน้าที่พบผู้เสียชีวิต 3 ราย คือ
1.นายฮาพีซี มะดาโอะ อายุ 24 ปี
2.นายบูดีมัน มะลี อายุ 26 ปี
3.นายมะนาซี สะมะแอ อายุ 27 ปี
พร้อมยึดอาวุธปืนได้ 2 กระบอก ประกอบด้วยปืนอาก้าและเครื่องกระสุน 1 กระบอก และปืนพกสั้น 9 มม. 1 กระบอก
ต่อมาหลังจากมีการเปิดเผยข้อมูลของผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย ปรากฎว่าไม่ใช่กองกำลังกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงตามที่เจ้าหน้าที่ระบุในตอนแรก แต่เป็นชาวบ้านในพื้นที่ ต.บองอ ที่เข้าไปตัดไม้และหาของป่าบนเทือกเขาตะเว ทำให้มีชาวบ้านในหมู่บ้านออกมาร่วมตัวกันเรียกร้องให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ฝ่ายเจ้าหน้าที่นำโดย พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ในขณะนั้น จึงได้ลงพื้นที่เพื่อทำความเข้าใจกับญาติผู้เสียชีวิต พร้อมยอมรับในความผิดพลาดที่เกิดขึ้น โดยระบุว่าเป็นการสำคัญผิดของเจ้าหน้าที่ แต่จะดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย หากพบเป็นการกระทำผิดด้วยความจงใจ จะดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญากับเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวโดยไม่มีข้อยกเว้น นำมาสู่การดำเนินคดีในชั้นศาล และศาลพิพากษาลงโทษในที่สุด