สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ได้มีแต่เรื่องรั้งท้าย แต่เรื่องดีๆ ที่เติมเต็มศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้คนที่นี่...ก็มีเหมือนกัน
อย่าง “ศูนย์ชีวาภิบาล” โรงพยาบาลปัตตานี เปิดตัวครบวงจรแล้ว ศูนย์นี้ทำหน้าที่ดูแลผู้ป่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีจนถึงวาระสุดท้าย เน้นการทำงานเป็นเครือข่ายแบบองค์รวม เพื่อให้ผู้ป่วยจากไปอย่างสมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์มากที่สุด
“ศูนย์ชีวาภิบาล” มีทรัพยากรเครือข่ายอาสาสมัคร เช่น การเยี่ยมเยียนแบบเพื่อน ส่งเสริมความรู้ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ นิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไป โดยการจัดการเรียนการสอน กิจกรรมวิชาการ และการวิจัยเพื่อพัฒนาองค์ความรู้เรื่องการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคอง
สำหรับหลักการดูแลแบบประคับประคอง (Palliative care) เป็นส่วนหนึ่งในการดูแลผู้ป่วยของโรงพยาบาลปัตตานี ประกอบด้วย ทีมสหสาขาวิชาชีพ (แพทย์ พยาบาล นักสังคมสงเคราะห์ เจ้าหน้าที่ อาสาสมัคร) เป็นทีมเสริมจากทีมแพทย์และพยาบาลหลัก ดูแลผู้ที่ป่วยด้วยโรคที่รักษาไม่หายขาด...
-ตั้งแต่การวินิจฉัย
-ดูแลต่อตลอดการรักษาจนเสียชีวิต
-ติดตามดูแลหลังสูญเสีย
“ศูนย์ชีวาภิบาล” เน้นการทำงานแบบองค์รวม 4 ด้าน คือ ด้านกาย, ด้านจิตใจอารมณ์, ด้านสังคม และด้านจิตวิญญาณ เพื่อให้ผู้ป่วยและครอบครัวมีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุด
การดูแลแบบประคับประคอง คือ ดูแลผู้ป่วยด้วยโรคที่รักษาไม่หายขาดให้สามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดี ด้วยการจัดการอาการทางกาย และให้การดูแลทางด้านจิตใจ สังคม และจิตวิญญาณ มีการวางแผนการดูแลล่วงหน้า เตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่ได้รับการวินิจฉัยโรค ต่อเนื่องไปจนถึงช่วงวาระสุดท้ายของชีวิต
ผู้ป่วยระยะท้ายที่มีความต้องการการดูแลแบบประคับประคอง หมายรวมถึง “ระยะท้ายของโรคหรือการรักษา”
และ “ผู้ป่วยระยะสุดท้ายของชีวิต” โดยทั่วไป คือ ผู้ป่วยที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาด อยู่ในภาวะทรุดลงเรื่อยๆ ก่อนเสียชีวิต และคาดการณ์ว่า จะเสียชีวิตภายในไม่เกิน 6 เดือนถึง 1 ปี
เช่น ผู้ป่วยมะเร็ง โรคติดเชื้อบางชนิด โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคทางระบบหายใจ และโรคระบบประสาทและกล้ามเนื้อระยะที่ซับซ้อน รวมถึงผู้ป่วยที่มีภาวะโรคเฉียบพลันที่คุกคามชีวิต เช่น ภาวะช็อคจากการติดเชื้อ หรือการตายของกล้ามเนื้อหัวใจ
พญ.ชเนตตา หัตถา ประธานศูนย์ชีวาภิบาล โรงพยาบาลปัตตานี เล่าว่า ศูนย์ฯมีเครือข่ายครอบคลุมทั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยใช้ระบบการเยี่ยมบ้านเหมือนกัน และมีคนไข้ข้ามจังหวัด ส่วนภายในจังหวัดมีพยาบาลดูแลต่อเนื่อง มีเจ้าหน้าที่บริการครบวงจร ประสานงานกันแต่ละที่ เน้นการดูคุณภาพชีวิตของคนไข้เพื่อให้จากไปอย่างสมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์มากที่สุด
“งานที่ทำอยู่ทำให้จัดการง่ายขึ้น มีคนไข้หลายเคสที่ยังไม่ได้เข้ามาโรงพยาบาล การคัดเลือกเคสผ่านทาง อสม.และ ญาติ จะทำให้ได้รับการดูแลจนวาระสุดท้าย เคสลองเทอม 50-60 คน เคสรับเข้าระบบ 10-20 คน อาจเป็นเคสที่คนไข้ต้องการกลับไปเสียชีวิตที่บ้าน หรือเคสจาก OPD (ผู้ป่วยนอก) ที่หมอเห็นว่าการรักษาแบบพุ่งเป้าอาจทำให้คนไข้ทรมาน” ประธานศูนย์ชีวาภิบาล ระบุ
ปัจจุบันโรงพยาบาลปัตตานี เป็นต้นแบบของศูนย์ชีวาภิบาล ในการประสานการบริบาลให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตจนวาระสุดท้าย ครอบครัวยอมรับและปรับตัวได้ มีผู้ป่วยเข้ามารับการรักษาจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยด้านวิชาการคือ ทำให้เกิดเปลี่ยนแปลงความคิดและแนวทางการแจ้งข่าวร้ายในโรงพยาบาล ร่วมเขียนหลักสูตรการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายให้กับเครือข่ายโรงเรียนแพทย์ (กสพท.)
ส่วนด้านบริการ มีการสร้างโปรแกรมปรึกษาผ่านระบบออนไลน์ของโรงพยาบาล ชื่อ “IPDADE 27 บันทึกข้อมูล Consult ศูนย์ชีวาภิบาล” เป็นแห่งแรกในประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ.2555 เป็นแกนประสานให้เกิดทีมทำงานเพื่อดูแลผู้ป่วย โดยใช้หลัก patient and family centered care ร่วมกับบุคลากรทางการแพทย์ มีเครือข่ายอาสาสมัครข้างเตียงผู้ป่วยระยะสุดท้าย โดยจัดอบรมนิสิตแพทย์ให้เข้าใจการทำงาน
มีการให้บริการของศูนย์รับปรึกษาและดูแลผู้ป่วยใน ติดตามผู้ป่วยที่บ้าน การดูแลผู้ป่วยนอก บริการฝังเข็มและแพทย์ทางเลือก ติดตามญาติผู้ป่วยภายหลังการสูญเสีย จัดอบรมและกิจกรรมวิชาการเกี่ยวกับการดูแลประคับประคอง จัดอบรมและติดตามการปฏิบัติงานของอาสาสมัคร / จิตอาสา
ทั้งหมดนี้คือการเติมเต็มศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ โดยใช้ศาสตร์ทุกศาสตร์เข้ามาร่วมด้วยช่วยกัน เพื่อให้คนไข้ระยะสุดท้ายจากไปด้วยคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุด ทั้งทางกายและจิตใจ รวมถึงญาติและครอบครัว...