“ชัชชาติ” ประกาศให้ “นครยะลา” เป็นเมืองเพื่อนของ “กรุงเทพมหานคร” ชู “นายกอ๋า” ต้นแบบสร้างแรงบันดาลใจให้อยากทำงานท้องถิ่น เพราะพัฒนาแล้วเห็นผลจริง สร้างการเปลี่ยนแปลงได้จริง สะท้อนการกระจายอำนาจสำคัญไม่น้อยกว่ารัฐบาลกลาง ด้านเมืองเบตงใต้สุดแดนสยาม จัดประกวด “ธิดาชรารักษ์” รับสังคมผู้สูงอายุ
เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. แถลงข่าวภายหลังประชุมร่วมกับ นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย และนายกเทศบาลนครยะลา โดยชัชชาติระบุตอนหนึ่งว่า นายกพงษ์ศักดิ์เป็นตัวอย่างที่ดีของการทำงานท้องถิ่น และเป็นแรงบันดาลใจสำคัญให้ตนเองอยากทำงานท้องถิ่น เพราะนายกเทศบาลนครยะลาสามารถเปลี่ยนแปลงเมืองยะลาได้มากมายตลอดระยะเวลา 4 เทอม 20 ปี จนทำให้เมืองดีขึ้น
“จริงๆ เทศบาลแต่ละแห่งก็มีปัญหาเหมือนๆ กัน และหลายครั้งเทศบาลก็มีคำตอบแล้วในปัญหาต่างๆ โดยเราสามารถนำเทศบาลอื่นมาเป็นคำตอบได้ สำหรับเทศบาลนครยะลาเองก็เป็นเจ้าของท่อสายสื่อสาร และเอาสายสื่อสารลงดินหมดแล้ว ฉะนั้นพลังของการกระจายอำนาจเป็นเรื่องสำคัญ และการกระจายอำนาจสำคัญไม่น้อยกว่าตัวรัฐบาลกลาง”
นายชัชชาติ ยังบอกด้วยว่า ยะลาถือเป็นเมืองที่สนิทกัน จึงขอให้ยะลาเป็น “เมืองเพื่อน” กับกรุงเทพฯ และยังขอเชิญวงซิมโฟนีออร์เคสตราของเมืองยะลามาเล่นดนตรีในสวนด้วย
@@ เบตงฮือฮา จัดประกวด “ธิดาชรารักษ์” รับสังคมสูงอายุ
ส่วนที่เวทีกลางลานวัฒนธรรมเทศบาลเมืองเบตง อ.เบตง จ.ยะลา เหล่าบรรดาคุณย่า คุณยาย ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป แต่งกายด้วยชุดไทยและชุดพื้นเมือง รวมประกวด “ธิดาชรารักษ์” โดยมีผู้เข้าประกวดทั้งหมด 13 คน
กิจกรรมการประกวดจัดขึ้นโดยหน่วยงานสาธารณสุขอำเภอเบตง ซึ่งเป็นกิจกรรมหนึ่งในงาน “ของดีเมืองเบตง” และ “งานกึ่งกาชาดอำเภอเบตง” ประจำปีนี้ ผู้เข้าร่วมประกวดที่อายุน้อยที่สุดมีอายุ 60 ปีพอดี ส่วนคนสูงวัยที่สุด มีอายุถึง 71 ปี
นายวงศ์วิทย์ อัครวโรทัย สาธารณสุขอำเภอเบตง กล่าวว่า ประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมสูงอายุอย่างสมบูรณ์แล้ว หน่วยงานในสังกัดสาธารณสุขอำเภอเบตง จึงได้เปิดรับสมัครสตรีสูงอายุเข้าร่วมประกวดธิดาชรารักษ์ โดยต้องมีคุณสมบัติ คือ มีภูมิลำเนาในพื้นที่ อ.เบตง หรือประกอบอาชีพใน อ.เบตง ต้องมีอายุ 60 ปีขึ้นไป มีสุขภาพแข็งแรง และฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบโดส วัตถุประสงค์ของการจัดกิจกรรมก็เพื่อให้สตรีที่เข้าประกวดรู้สึกว่าตัวเองยังคงมีไฟอยู่เสมอ ได้มีความสุขกับการใช้ชีวิต และรู้สึกว่าชีวิตไม่ได้หยุดลงเมื่อถึงวัยใดวัยหนึ่ง ซึ่งสาธารณสุขอำเภอเบตงพร้อมส่งเสริมให้เกิดสังคมที่อยู่ร่วมกับความแตกต่างในช่วงวัยได้อย่างมีความสุข
สำหรับผู้เข้าประกวด จะต้องเดินอวดโฉมให้กรรมการชมอย่างใกล้ชิด บนเวที 1 รอบ ด้วยลีลาแบบย่องเบา พร้อมโบกมือบ๊ายบายและจุ๊บส่งให้กับผู้ชมด้านล่างเวที สร้างความสนุกสนานให้กับผู้ชม และแบ่งฝ่ายกันเชียร์ผู้เข้าประกวดกันอย่างครึกครื้น
จากนั้นเป็นการแนะนำตัวต่อหน้าคณะกรรมการ และแสดงความสามารถพิเศษ เพื่อให้คณะกรรมการลงคะแนนเลือกผู้เข้ารอบ 4 คนสุดท้าย งานนี้เหล่าบรรดาผู้เข้าประกวดต่างไม่มีใครยอมแพ้ ทั้งแนะนำตัวอย่างฉะฉาน เดินโปรยเสน่ห์อย่างช้าๆ พร้อมส่งยิ้มให้คณะกรรมการอย่างมั่นใจ แถมบางคนยังงัดไม้เด็ดแสดงความสามารถที่เตรียมมาประชันกันอย่างสุดพลัง ไม่ว่าจะเป็นการเต้นประกอบเพลง บาสโลบพาเพลิน รำประกอบเพลง ชะชะช่าเพื่อสุขภาพ การร้องเพลงสด ฟ้อนรำ และรำไทย เป็นต้น จนเรียกเสียงกรี๊ดดังลั่นจากบรรดากองเชียร์ลูกๆ หลานๆ และพี่เลี้ยง
ไฮไลท์สำคัญของงาน คือการประกาศรายชื่อผู้เข้ารอบ 4 คนสุดท้าย ก่อนประกาศผล ปรากฏว่า รางวัลขวัญใจธิดาชรารักษ์ ได้แก่ นางกุมารี เทพเกื้อ อายุ 62 ปี รพ.สต. (โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล) บ้าน กม.7 ส่งเข้าประกวด ได้รับสายสะพาย เกียรติบัตร และเงินรางวัล จำนวน 2,000 บาท
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ นางอารีย์ แซ่หลี อายุ 62 ปี ศูนย์สุขภาพชุมชนสวนน้ำแกรนด์วิลล่า ส่งเข้าประกวด ได้รับสายสะพาย เกียรติบัตร และเงินรางวัลจำนวน 2,000 บาท
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ นางจุฑาทิพย์ เรือนคำ อายุ 65 ปี ศูนย์สุขภาพชุมชนศาลาประชาคม ส่งเข้าประกวด ได้รับสายสะพาย เกียรติบัตร และเงินรางวัลจำนวน 3,000 บาท
และรางวัลชนะเลิศ ตกเป็นของ ยายกลิ่น หรือ นางกลิ่น ศรีสร้างคอม อายุ 64 ปี โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตําบลธารน้ำทิพย์ ส่งเข้าประกวด ได้รับสายสะพาย เกียรติบัตร และเงินรางวัลจำนวน 4,000 บาท โดยมี นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอเบตง นางมุกดา ยังอภัย ณ สงขลา นายกกิ่งกาชาดอำเภอเบตง และนายวงศ์วิทย์ อัครวโรทัย สาธารณสุขอำเภอเบตง ร่วมมอบของรางวัล