สิ่งที่ต้องติดตามอย่างใกล้ในสถานการณ์ยูเครนก็คือ 1.สถานการณ์สู้รบในพื้นที่ และ 2.นาโต้จะทำอย่างไร
จากการประเมินของผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง คาดว่า สมาชิกนาโต้หลายชาติไม่มีความพร้อมที่จะส่งกำลังสนับสนุนยูเครน ยกเว้น สหรัฐ กับอังกฤษ ซึ่งแสดงท่าทีพร้อมรบอยู่แล้ว
สำหรับศูนย์กลางของนาโต้ในยุโรปอยู่ที่เบลเยี่ยม (สำนักงานใหญ่ในกรุงบรัสเซลส์) แต่กำลังหลักอยู่ในเยอรมนี (ฐานทัพใหญ่อยู่ใน ไกรเซอร์สเลาเทิร์น) มีกำลังราวๆ 3 หมื่นนาย
@@ ปัญหาของสหรัฐ
สำรวจท่าทีของสหรัฐและชาติพันธมิตร หากจะส่งกำลังเข้าไปในยูเครนได้ ตามข้อกำหนดต้องรับยูเครนเป็นสมาชิกนาโต้ก่อน แต่คาดว่าหากสถานการณ์บานปลาย สหรัฐอาจอาศัยช่องโหว่ของข้อกำหนดในสนธิสัญญา เช่น อ้างว่าการปฏิบัติการของรัสเซียสุ่มเสี่ยงที่จะมีการรุกล้ำหรือเป็นอันตรายต่อสมาชิกนาโต้ในบริเวณนั้น เช่น โปแลนด์ ลัตเวีย เอสโตเนีย ลิทัวเนีย แล้วก็จะอ้างเหตุส่งกำลังเข้าไปในยูเครน
แต่ปัญหาของสหรัฐที่ต้องคิดอย่างรอบคอบก็คือ การตัดสินใจทำอะไรที่เกินไปกว่าการคว่ำบาตร โดยเฉพาะการใช้มาตรการทางทหารแบบเปิดเผย อาจก่อผลกระทบตามมา เพราะยูเครนไม่ได้เป็นสมาชิกนาโต้และถ้าคิดเคลื่อนกำลังเข้าไปในยูเครน จะมีชาตินาโต้ชาติใดกล้าร่วมมือด้วยอย่างเต็มกำลังหรือไม่
@@ แผนลึกของรัสเซีย
สำรวจท่าทีของรัสเซีย การเปิดเกมรุกก่อนเพื่อชิงความได้เปรียบและกดดันให้ยูเครนขอเปิดเจรจากับรัสเซีย และ 2 รัฐที่รัสเซียเพิ่งรับรองเอกราช และแยกออกจากยูเครน
แหล่งข่าวซึ่งเป็นอดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงในหน่วยงานความมั่นคงไทยและปัจจุบันเป็นนักวิชาการอิสระด้านความมั่นคง ประเมินสถานการณ์ให้ฟังว่า น่ากังวลการขยายตัวของสถานการณ์ในยูเครน เพราะสิ่งที่ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ทำตอนนี้ สะท้อนให้เห็นว่า ได้เตรียมพร้อมมาก่อนแล้วและได้ศึกษาจุดอ่อน จุดแข็งของนาโต้เอาไว้ทั้งหมด
หากย้อนไปก่อนหน้านี้ประมาณ 4 ปี ข่าวที่ปูตินประกาศความสำเร็จในการสร้างขีปนาวุธทางยุทธศาสตร์ที่มีความเร็วเหนือเสียงกว่า 10 เท่า โดยใช้โอกาสแถลงในสภา คล้ายๆ state of the union อาจเป็นดัชนีชี้วัดถึงแผนยุทธศาสตร์ที่ปูตินวางไว้ในใจ
@@ เป้าหมายไม่ใช่แค่ยูเครน
เป้าหมายเฉพาะหน้าของรัสเซีย แน่นอนว่าคือยับยั้งการขยายอิทธิพลของนาโต้ ไม่ให้เข้าไปในเขตอิทธิพลและผลประโยชน์ของรัสเซีย
ส่วนเป้าหมายต่อไปคือการแสดงให้เห็นว่า ณ ขณะนี้ รัสเซียมีสถานะและความพร้อมในการกลับมาเป็น super power แล้ว
ที่สำคัญรัสเซียจับมือกับจีนสร้าง new world order ถ้าปฏิบัติการของรัสเซียครั้งนี้สำเร็จ (หมายถึง สหรัฐและนาโต้ต้องยอมถอยให้) ประเทศต่างๆ จะหันมาหารัสเซียและจีน ซึ่งหมายถึงระเบียบโลกใหม่ที่รัสเซียกับจีนจะได้รับการยอมรับด้วย
ต้องไม่ลืมว่าช่วงที่ผ่านมา เป็นช่วงที่สหรัฐอ่อนแอที่สุด ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับมหาอำนาจอีก 2 ประเทศ คือ รัสเซียกับจีน ที่จะแสดงให้โลกเห็นว่า สหรัฐไม่ได้มีอำนาจบงการชี้นำโลกได้เพียงฝ่ายเดียวอีกต่อไป
และสุดท้ายโลกอาจพัฒนาไปสู่การเมืองแบบหลายขั้วอำนาจ หรือ multi polar world อย่างสมบูรณ์
ขณะที่นโยบายของจีน ตั้งแต่ สี จิ้นผิง ขึ้นเป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ ก็กล้าประกาศนโยบายที่แสดงถึงความพร้อมของจีนที่จะก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจที่มีความรับผิดชอบแทนสหรัฐ รวมทั้งแผน belt and road ที่สหรัฐกังวลมากว่าจะทำให้จีนแย่งชิงอิทธิพลของสหรัฐไป
@@ เครื่องมือการต่อสู้
การต่อสู้ในเวทีการเมืองระหว่างประเทศ ทุกประเทศจะใช้เครื่องมือเหมือนกัน 5 ประเภทคือ
1.การทูต (diplomacy)
2.การทหาร (military)
3.การประชาสัมพันธ์ (โฆษณาชวนเชื่อ ปจว. IO ฯลฯ)
4.เศรษฐกิจ (ช่วยเหลือฝ่ายตน คว่ำบาตรฝ่ายตรงข้าม)
5.ข่าวกรอง (สายลับ ข่าวกรองจากดาวเทียม การดักฟังการสื่อสาร การโจมตีทาง cyber)
เห็นได้ชัดว่าสหรัฐฯกับนาโต้เลือกใช้ 1, 3, 4, 5 แต่รัสเซียเลือกใช้ 2 กับ 5 โดยเฉพาะเน้นหนักไปที่ 2 เพื่อสร้างความได้เปรียบในการต่อรอง
รัสเซียอาจดูเหมือนมีพันธมิตรน้อยกว่านาโต้ แต่กลับได้เปรียบในเรื่องเอกภาพในการตัดสินใจ ส่วนนาโต้แต่ละประเทศมีผลประโยชน์ของตนที่ไม่อยากเข้ามาเสี่ยงในวิกฤติยูเครน
@@ เรื่องเล่าจากคนไทยในยูเครน
ทันทีที่รัสเซียเปิดปฏิบัติการทางทหารตั้งแต่เช้ามืด ทำให้ชาวเมืองตื่นตระหนกจากเสียงระเบิดและจรวดที่ดังสนั่น แม้เป้าหมายจะไม่ใช่พื้นที่พลเรือน แต่อานุภาพทำลายล้างก็ส่งผลต่อที่พัก อาคารโรงเรียนได้รับความเสียหาย หลายคนอพยพไปยังเมืองประชิดชายแดนโปแลนด์ อีกส่วนที่ปักหลักในเมืองต่างออกมาซื้อสินค้า กดเงินสด เติมน้ำมัน ท่ามกลางความตื่นตระหนก แต่ลึกๆ ชาวเมืองเคยชินกับบรรยากาศการสู้รบที่ยืดเยื้อมานานกว่า 8 ปีด้วยเช่นกัน
คนไทยที่อาศัยอยู่ในยูเครน เล่าว่า เจ้าหน้าที่ของกองทัพยูเครน ยืนยันการยิงขีปนาวุธและเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น เริ่มตั้งแต่ 05.00 น. บริเวณสนามบิน 5 แห่ง ได้แก่ Boryspil, Ozerny, Kulbakino, Chuguev, Kramatorsk, Chernobaevka โดยมีคลิปที่บันทึกจากโทรศัพท์มือถือ เผยให้เห็นการยิงขีปนาวุธที่สนามบินแห่งหนึ่ง เมื่อเวลาประมาณ 08.30 น.ตามเวลาท้องถิ่นของยูเครน ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง
ชาวเมืองเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน จำนวนไม่น้อยได้ตัดสินอพยพไปยังเมือง Lviv อยู่ทางตะวันตก เยื้องไปทางตอนใต้ ห่างออกไป 545 กิโลเมตร เพราะใกล้พรมแดน “โปแลนด์” มากที่สุด
กูเกิลแมพ ระบุการเดินทางโดยรถยนต์ใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง แต่คนไทยในยูเครนให้ข้อมูลว่า การเดินทางจริงๆ ใช้เวลาประมาณ 2 วัน เพราะสภาพถนนไม่สะดวกแก่การเดินทาง อีกทั้งมีรถราจำนวนมาก เนื่องจากประชาชนพากันอพยพ
ขณะเดียวกัน ชาวเมืองเคียฟหลายคน มองว่า การเดินทางในช่วงเวลาแบบนี้ยังเป็นเรื่องอันตราย เนื่องจากบริเวณนั้น เยื้องไปทางทิศเหนือ ห่างออกไปอีกเล็กน้อย จะมีพรมแดนติด “เบลารุส” ซึ่งเมีกองกำลังทหารรัสเซียเคลื่อนมาประชิดชายแดน
หลายเมืองของยูเครน ประชาชนจำนวนไม่น้อยยังไม่อพยพ บรรยากาศในเมือง ตามปั้มน้ำมัน และตู้เอทีเอ็ม จะมีประชาชนจำนวนมากต่อแถวเพื่อซื้อน้ำมันและกดเงินสดมาเตรียมสำรองใช้จ่าย โดยธนาคารทุกแห่งจำกัดการกดเงินสด
ส่วนการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคจากซุปเปอร์มาร์เก็ต ประชาชนแห่ไปกักตุนเหมือนกัน แต่ยังไม่เข้าสู่ภาวะขาดแคลน ร้านค้าก็ไม่ได้จำกัดการซื้อ พนักงานยังสามารถนำสินค้าในสต็อกมาเติมที่ชั้นวางจำหน่ายได้อย่างต่อเนื่อง
การรายงานข่าวของสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่น เผยให้เห็นความเสียหายที่เกิดขึ้นในเมือง Lutsk ทางตะวันตกของยูเครน เป็นภาพความเสียหายที่เกิดกับโรงเรียนแห่งหนึ่ง
คนไทยที่อาศัยในยูเครน เล่าความรู้สึกของชาวเมืองว่า ทุกคนตกใจและหวาดกลัวกับการใช้กำลังทหารของรัสเซีย จึงพบเห็นการออกไปซื้อสินค้า เติมน้ำมัน และกดเงินสดมาเตรียมใช้จ่าย แต่ทุกคนก็ยังใช้ชีวิตได้เกือบปกติ เนื่องมาจาก คนในเมืองต่างๆ ของยูเครน เคยชินกับสถานการณ์การสู้รบกันในพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งก็คือเขนดอนบาส (2 รัฐที่แยกตัวเป็นอิสระ) ซึ่งยืดเยื้อมานานกว่า 8 ปี ก่อนจะได้รับการรับรองจากรัสเซียให้เป็นรัฐอิสระ แต่ก็ไม่คาดคิดว่าการใช้กำลังทหารจากรัสเซียจะเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้
----------------------------
ขอบคุณ ภาพจากคนไทยในยูเครน