ยื่นใบสมัครและจับสลากหมายเลขกันไปแล้ว สำหรับศึกเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 6 จังหวัดสงขลา ซึ่งมี 4 พรรคการเมืองส่งตัวแทนลงชิงเก้าอี้
กกต.ใช้ศาลาประชาคม อ.สะเดา จ.สงขลา เป็นสถานที่รับสมัคร บรรยากาศคึกคักจนหลายคนนึกว่าเป็นการ “เลือกตั้งใหญ่” ไม่ใช่ “เลือกตั้งซ่อม”
ส.ส.เขต 6 สงขลาว่างลงหลังจากที่ นายถาวร เสนเนียม ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นสมาชิกภาพ เนื่องจากถูกคุมขังตามหมายของศาล ในคดีขัดขวางการเลือกตั้งสมัยเป็นแกนนำ กปปส.
สำหรับเขตเลือกตั้งที่ 6 จ.สงขลา คือพื้นที่ อ.คลองหอยโข่ง, อ.หาดใหญ่ (เฉพาะ ต.บ้านพรุ และ ต.พะตง) และ อ.สะเดา (ยกเว้น ต.สำนักแต้ว และ ต.สำนักขาม)
ผู้สมัคร 4 คนจาก 4 พรรคการเมือง จับสลากหมายเลขเรียบร้อย ปรากฏว่า น.ส.สุภาพร กำเนิดผล พรรคประชาธิปัตย์ ได้หมายเลข 1, นายธิวัชร์ ดำแก้ว พรรคก้าวไกล ได้หมายเลข 2, นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ พรรคพลังประชารัฐ ได้หมายเลข 3 และ นายพงศธร สุวรรณรักษา พรรคกล้า ได้หมายเลข 4
วิเคราะห์คุณสมบัติ ตลอดจนจุดแข็งจุดอ่อนของผู้สมัครแต่ละคน เริ่มจาก น.ส.สุภาพร กำเนิดผล หรือ “น้ำหอม” เพิ่งลาออกจากตำแหน่งรองนายก อบจ.สงขลา เพื่อมาลงชิงชัยในสนามเลือกตั้ง ส.ส. โดยเธอเป็นภรรยาของ นายเดชอิศม์ ขาวทอง หรือ “นายกชาย” ส.ส.สงขลา เขต 5 และอดีตนายก อบจ.สงขลา ซึ่งเพิ่งได้รับตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคภาคใต้ของประชาธิปัตย์มาหมาดๆ และครั้งนี้ก็เป็นแม่ทัพสู้สึกเลือกตั้งซ่อม
การลงชิงเก้าอี้ ส.ส.ของ “น้ำหอม” ในฐานะตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ ย่อมได้รับการสนับสนุนจาก นายถาวร เสนเนียม เจ้าของพื้นที่เขต 6 เดิมอย่างแน่นอน โดยนายถาวรมีฐานเสียงแข็งมากในพื้นที่แข็ง และยังไม่เคยมีผู้สมัครจากพรรคการเมืองอื่นแย่งเก้าอี้ ส.ส.ไปได้ ทำให้นายถาวรเป็น ส.ส.ครองพื้นที่ต่อเนื่องมายาวนานถึง 7 สมัย
โดยนายถาวรเอง ถือว่าเป็นผู้สนับสนุนคนสำคัญของ “นายกชาย” สามีของน้ำหอมมาตลอด ตั้งแต่สมัยลงชิงเก้าอี้นายก อบจ.สงขลา แข่งกับ นายนวพล บุญญามณี น้องชายของ นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีต ส.ส.สงขลา และอดีตนายก อบจ.สงขลา จนเกิดเป็นรอยร้าวรุนแรงของ 2 ขั้วการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ในจังหวัดสงขลา และเพิ่งมาจับมือร่วมกันได้ในการสู้ศึกกับพรรคพลังประชารัฐ จนคว้าเก้าอี้ นายก อบจ.สงขลา มาครองได้ เมื่อปลายปี 63 ที่ผ่านมานี้เอง
จากความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา น้ำหอมได้ควงแขนนายเดชอิศม์สามี เดินหน้าลงพื้นที่พบปะชาวบ้าน กลุ่มแม่บ้าน ผู้นำชุมชนมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งเป็นผู้ที่มีบทบาทในสมาคมผู้นำสตรี จ.สงขลา มาก่อน รวมไปถึงฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์และการสนับสนุนของนายถาวร จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่พรรคอื่นจะมาแย่งเก้าอี้ ส.ส.ตัวนี้ไปได้
ส่วนพรรคพลังประชารัฐ ผู้ท้าชิงเบอร์ใหญ่จากพรรคแกนนำรัฐบาลก็ไม่น้อยหน้า ส่ง นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ (โบ๊ท) ลูกชายของ นายอนันต์ พฤกษานุศักดิ์ นักธุรกิจชื่อดัง และอดีตนายกเทศมนตรีเมืองสะเดา ลงแข่งกับภรรยานายกชาย
โดยนายอนันต์ บิดาของนายอนุกูล ก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล ถือเป็นคนสนิทและเป็นฐานเสียงคนสำคัญในพื้นที่ อ.สะเดา ให้กับนายถาวรมาตลอด
แม้จะหน้าใหม่ในทางการเมือง แต่ “หนุ่มโบ๊ท” ก็ขยันลงพื้นที่ พบปะมอบของช่วยเหลือชาวบ้านที่เดือดร้อนจากสถานการณ์โควิด-19 และสนับสนุนการจัดกิจกรรมของชุมชนต่างๆมาอย่างต่อเนื่อง ผนวกกับมีฐานเสียงเดิมของบิดาที่เคยสนับสนุนนายถาวรอยู่ในมือ เรียกได้ว่าพกความมั่นใจมาเต็มกระเป๋าเหมือนกัน
ความน่ากลัวของ “หนุ่มโบ๊ท” คือกำลังภายในของพรรคพลังประชารัฐที่เคยแบ่งเค้กแย่งเก้าอี้ ส.ส.จากพรรคประชาธิปัตย์ใน จ.สงขลา ไปได้ถึง 4 เก้าอี้จาก 8 เก้าอี้ (ประชาธิปัตย์ได้แค่ 3) แม้แม่ทัพผู้นำชัยในพื้นที่สงขลา ให้พรรคพลังประชารัฐ อย่าง พ.อ.สุชาติ จันทร์โชติกุล หรือ “ผู้การชาติ” จะลาออกไปแล้วก็ตาม แต่พรรคได้มอบหมายให้ นายสุชาติ ชมกลิ่น หรือ “เสี่ยเฮ้ง” รมว.แรงงาน มาเป็นผู้อำนวยการการเลือกตั้ง
และยังมี นายอนุมัติ อาหมัด อดีต ส.ว.ที่ลาออกมาเป็นแม่ทัพคนใหม่ดูแลพื้นที่ภาคใต้ให้กับพลังประชารัฐอย่างเต็มตัว ซึ่งก็น่าจะถือโอกาสนี้โชว์ฝีมือนำผู้สมัครคว้าชัยชนะในพื้นที่สงขลาให้พรรคอีกครั้ง
ขณะที่พรรคน้องใหม่อย่าง “พรรคกล้า” ที่มี นายกรณ์ จาติกวณิช อดีต รมว.คลัง และอดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ เป็นหัวหน้าพรรค ได้ส่ง นายพงศธร สุวรรณรักษา หรือ “ทนายอาร์ม” ผู้สมัครหน้าใหม่ทางการเมือง ที่เปิดตัวกับประชาชนและทำงานต่อเนื่องในพื้นที่มานานนับปี
“ทนายอาร์ม” อาสามาเป็นตัวแทนให้คนสงขลา โดยมี “ผู้การชาติ” มาเป็นพี่เลี้ยงคอยดูแลในฐานะประธานกรรมการยุทธศาสตร์ภาคใต้ของพรรคกล้า
แน่นอนว่าด้วยความใหม่ถอดด้ามของตัวผู้สมัครเอง ทำให้สปอตไลท์ของพรรคกล้าถูกฉายไปที่ “ผู้การชาติ” อดีตแม่ทัพภาคใต้ของพรรคพลังประชารัฐ ที่สามารถแย่งเก้าอี้ ส.ส.สงขลาจากพรรคประชาธิปัตย์เจ้าถิ่นมาได้ครึ่งจังหวัด ทั้งตัว “ผู้การชาติ” เองเพิ่งขับเคี่ยวกับพรรคประชาธิปัตย์ในสนามเลือกตั้งนายก อบจ.สงขลา ที่ผ่านมา
จากผลคะแนนการเลือกตั้งในนายก อบจ.สงขลา แม้โดยภาพรวมแล้ว “ผู้การชาติ” จะแพ้ นายไพเจน มากสุวรรณ์ จากพรรคประชาธิปัตย์ก็ตาม แต่คะแนนในระดับอำเภอของ “ผู้การชาติ” โดยเฉพาะ อ.หาดใหญ่ และ อ.คลองหอยโข่ง ซึ่งจัดอยู่ในพื้นที่การเลือกตั้งซ่อม ปรากฏว่าผู้การชาติมากกว่านายไพเจน
ทำให้เห็นว่า แม้พรรคกล้าจะเป็นพรรคใหม่ ผู้สมัครก็หน้าใหม่ แต่กุนซือคนสำคัญที่ดูแลการเลือกตั้งของพรรคกล้าก็ไม่ธรรมดา กระทั่งพรรคยักษ์ใหญ่ 2 พรรคอย่างประชาธิปัตย์และพลังประชารัฐมองข้ามไม่ได้
ส่วนพรรคก้าวไกลก็ร่วมวงสู้ศึกครั้งนี้ โดยส่ง นายธิวัชร์ ดำแก้ว นักกิจกรรม นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ชาว อ.สะเดา จ.สงขลา ลงชิงเก้าอี้ เป็นการส่งแทน นายสัมพันธ์ ละอองจิตต์ ผู้สมัครของพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งได้คะแนน 12,002 คะแนน มาเป็นอันดับ 4 ของผู้สมัครทั้งหมด
โปรไฟล์ของนายธิวัชร์เองก็ถือว่าไม่ธรรมดา เป็นเลขาฯส่วนตัวของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล การส่งคนทำงานใกล้ชิดหัวหน้าพรรคอย่างนายธิวัชร์ มาลงสนามเลือกตั้งซ่อม ส.ส.สงขลา ถือว่างานนี้พรรคก้าวไกลไม่ได้มาแบบเล่นๆ หรือเป็นเพียงไม้ประดับในการเลือกตั้ง จึงต้องจับตาดูกันไปยาวๆ
นอกจากนี้ ยังปรากฏว่ามีผู้สมัครเพิ่มจาก 4 พรรคแรกอีก 1 คน คือ นางภัทรวดี ศรีศักดา จากพรรคพลังสังคม ซึ่งเคยมีชื่อปรากฏในสื่อเป็น “ว่าที่ผู้สมัคร” ส.ส.เขต 6 สงขลา เมื่อปี 62 แต่ไม่ได้ลงสมัครแต่อย่างใด ทว่ามาร่วมลงสมัครในศึกเลือกตั้งซ่อมแทน
ศึกครั้งนี้จึงจัดว่าครบเครื่อง ทั้งพรรคใหญ่ พรรคใหม่ พรรคกลาง และพรรคเล็ก บรรยากาศไม่ต่างจากเลือกตั้งใหญ่เลยจริงๆ