การลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้คนที่ทุกข์ยากท่ามกลางสถานการณ์โควิดของกลุ่มร่วมด้วยช่วยกันชายแดนใต้, สำนักข่าวอิศรา และสื่อท้องถิ่นอีกหลายสำนัก ไม่เพียงแค่เป็นสื่อกลางนำข้าวสาร อาหารแห้ง นมเด็ก ถุงยังชีพ และยารักษาโรคไปแจกจ่ายตามที่มีผู้ใจบุญบริจาคมาเท่านั้น แต่ยังได้เห็นสภาพความเป็นจริงในชีวิตของใครหลายๆ คนที่ต้องลำบากอย่างแสนสาหัส ณ ดินแดนปลายสุดด้ามขวาน
แต่เดิมสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็เป็นพื้นที่ทีมีคนยากจนและผู้ด้อยโอกาสจำนวนมากอยู่แล้ว แต่ยิ่งมีสถานการณ์โรคระบาด เมืองปิด เศรษฐกิจหยุดนิ่ง ยิ่งทำให้ครอบครัวของคนหาเช้ากินค่ำอยู่ยากมากขึ้นไปอีก
อย่างครอบครัวของ นางสะอีด๊ะ สาตอและ อายุ 33 ปี และ นายยาแม มะแซ อายุ 41 ปี สองสามีภรรยา ที่ต้องอาศัยอยู่รวมกับลูกๆ 8 คน รวม 10 ชีวิตในเพิงไม้มุงสังกะสี กั้นฝาด้วยผ้าใบเก่าๆ และสะแลนบังแดด ขนาดเพียง 3 คูณ 6 เมตร ตรงข้ามกับมัสยิดกลางลำใหม่ หมู่ 2 ต.ลำใหม่ อ.เมือง จ.ยะลา
พื้นที่แค่นี้เล็กกว่าห้องน้ำของบ้านคนรวยเสียอีก แต่เพิงขนาด 18 ตารางเมตรต้องใช้เป็นที่อยู่ ที่กิน ที่นอน รวมกันทั้งครอบครัว 10 ชีวิต ในเพิงไม่มีกั้นห้อง และไม่มีห้องน้ำ ไม่มียกพื้น ต้องนอนบนดิน
กลุ่มร่วมด้วยช่วยกันชายแดนใต้ และทีมสื่อมวลชนเคยเข้าไปเยี่ยมเยียนครอบครัวนี้ และให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น ทั้งยังพบว่าเด็กผู้ชายทุกคนยังไม่เคยเข้าพิธีสุนัต (ขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชายตามหลักอิสลาม) จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่สาธารณสุขให้เข้าไปช่วยทำสุนัต โดยมีเด็กผู้ชาย 2 คนของครอบครัวนี้ที่เข้าเกณฑ์ทำสุนัตแล้ว คือ นายอารีฟ มะแซ อายุ 15 ปี และ ด.ช.อารีฟีน มะแซ อายุ 12 ปี
นายสุกรี วานิ เจ้าหน้าสาธารณสุข เล่าว่า ได้รับการประสานงานจากผู้นำในพื้นที่และเพื่อนสื่อมวลชน ว่าครอบครัวนี้เป็นครอบครัวที่มีฐานนะยากจน มีลูกชาย 3-4 คนที่ยังไม่ได้เข้าพิธีสุนัต บางคนอายุถึง 15 ปีแล้ว ตนจึงตัดสินใจรับอาสาเข้าไปช่วย โดยเป็นการทำพิธีภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด
"ผมในฐานะสมาชิกสมาคมจันทร์เสี้ยว ซึ่งเป็นสมาคมที่เล็งเห็นความสำคัญของการทำสุนัตให้กับเยาวชนในพื้นที่สามจังหวัด จึงได้มาทำพิธีเข้าสุนัตให้เด็กทั้งสอง โดยเบื้องต้นได้ตรวจสวอบแล้วว่าไม่มีเชื้อโควิด และเด็กเองก็ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว จึงเป็นการทำพิธีสุนัตที่มีความปลอดภัย ลดความเสี่ยงที่จะเกิดการแพร่กระจายของโรค" เจ้าหน้าที่สาธารณสุข กล่าว
นางสะอีด๊ะ สาตอและ แม่ของเด็กชายทั้งสอง กล่าวด้วยความตื่นตันใจว่า ไม่มีคำไหนจะพูดจริงๆ ขอขอบคุณทุกคนที่ให้ความช่วยเหลือ ทำให้ลูกได้เข้าพิธีสุนัตตามหลักศาสนา ซึ่งเป็นเรื่องที่ตนกับสามีกังวลมาตลอด วันนี้เหมือนได้พรมาแล้ว 1 ข้อ ส่วนพรอีก 1 ข้อที่ขอมาตลอด คืออยากมีบ้านที่มั่นคงปลอดภัย ไม่ต้องหลบแดดหนีฝนเหมือนทุกวันนี้
สิ่งปลูกสร้างที่ สะอีด๊ะ เรียกว่า "บ้าน" แท้จริงแล้วคือเพิงที่มีแต่เสากับหลังคา ส่วนฝาบ้านใช้ผ้าใบกับสะแลนขึง ด้านในไม่ได้ยกพื้น จึงต้องปูผ้าหรือเสื่อนอนกันบนดิน โดยนอนรวมกัน 10 คน มีพัดลมเก่าๆ ไว้พัดไล่ยุงและความร้อน
สภาพแบบนี้ใครเห็นก็ไม่เรียกว่า "บ้าน" แต่ สะอีด๊ะ ยังมองในแง่ดีว่าครอบครัวของเธอโชคดีที่ยังมีที่ให้ได้หลับนอน แม้จะต้องเช่าที่ดินเล็กๆ นี้เดือนละ 500 บาทก็ตาม...
"พวกเรายังโชคดีที่เจ้าของที่ดินให้เช่าเดือนละ 500 บาท พ่วงไฟฟ้าจากบ้านของชาวบ้านพอให้มีแสงสว่าง ส่วนห้องน้ำต้องวิ่งไปใช้ของมัสยิด ลำพังรายได้แต่ละวันที่ขายของหน้าบ้านประมาณ 150 บาท สามีรับจ้างส่งขี้ยาง บางวันก็จะได้อีก 300 บาท แต่ถ้าฝนตกก็ขาดรายได้ไปเลย เงินที่ช่วยกันหาได้ก็เพียงพอที่จะซื้อข้าวซื้ออาหารเลี้ยงลูกๆ แต่ไม่สามารถสร้างบ้านที่มั่นคงเหมือนครอบครัวอื่นๆ ได้" สะอีด๊ะ เล่าพลางน้ำตาคลอ พร้อมทั้งเอ่ยถึงความฝันสูงสุดในชีวิต
"อยากขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐหรือเอกชนที่ไหนก็ได้ ช่วยเหลือพวกเราทั้ง 10 คนด้วย เราขอแค่บ้านที่มั่นคงปลอดภัย และไม่ต้องอยู่แบบหลบแดดหลบฝนเหมือนทุกวันนี้ ชีวิตนี้ไม่ขออะไรอีกแล้ว ขอแค่นี้ก็พอ"
สำหรับลูกๆ 8 คนของ สะอีด๊ะ กับ ยาแม ผู้เป็นสามี คนโตเป็นผู้ชายอายุ 18 ปี และคนเล็กเป็นผู้หญิง อายุเพียง 4 ขวบ เรียนอยู่ชั้นอนุบาล 1 โรงเรียนเทศบาลลำใหม่ ส่วนอีก 6 คน มี 2 คนที่ไม่ได้เรียนหนังสือ
ด้าน นายรอมซี ดอฆอ อิหม่ามมัสยิดกลางลำใหม่ บอกว่า ครอบครัวนี้ไม่ได้ขี้เกียจ แต่ขยันขันแข็ง สามีภรรยาทำงานตลอด แต่ช่วงโควิดทำให้รายได้ลดลง ก็มีความลำบาก คิดว่าหลายๆ ครอบครัวก็ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนกัน ในส่วนของมัสยิด กรณีที่มีเคสที่ลำบากจริงๆ ต้องการความช่วยเหลือ ทางมัสยิดก็จะช่วยเหลือตลอด ในส่วนของเคสนี้เข้าข่ายเป็นคนจนที่ได้รับซากาต หรือเงินบริจาค เวลามีเงินบริจาคช่วยเหลือทางมัสยิด ก็จะมีการสนับสนุนครอบครัวนี้ตลอด
ขณะที่ นางพารีด๊ะ ดานิง สมาชิกเทศบาลตำบลลำใหม่ บอกว่า ครอบครัวนี้เป็นคนยากจน มีลูก 8 คน พยายามทำงาน แต่ก็เพียงพอแค่เลี้ยงลูก เพราะมีลูกมาก ที่ผ่านมาได้เช่าที่ดินของชาวบ้านเพื่อสร้างที่พักอาศัย ไม่ถึงขนาดที่จะเรียกว่าบ้านได้
"เวลาฝนตกต้องหอบลูกวิ่งหนีหลบฝน ที่นอนเปียกหมด สัตว์ ตะขาบ งูเข้าไป ก็อยากขอความเห็นใจจากทุกคนช่วยเหลือพวกเขาด้วย เพื่อให้เขามีชีวิตที่ดี ไม่ต้องนอนบนพื้นดินในเพิงพักเล็กๆ แบบนี้"
ไม่มีใครรู้ว่าฝันของ สะอีด๊ะ จะเป็นจริงเมื่อไหร่ เพราะในโลกแห่งความจริงอันโหดร้าย...บางทีโชคก็ไม่ได้เข้าข้างคนสู้ชีวิต...
-----------------------
ผู้มีจิตศรัทธาอยากช่วยเหลือครอบครัวนี้ สามารถติดต่อ สะอีด๊ะ สาตอและ หมายเลขโทรศัพท์ 065–9160885