สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ช่วงนี้ร้อนระอุอย่างยิ่ง มีเหตุรุนแรงรูปแบบต่างๆ เกิดขึ้นหลายเหตุการณ์ รวมทั้งมีปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นที่ยืดเยื้อกว่า 6 วัน ทำให้เกิดความสูญเสียทั้งสองฝ่าย
เหตุการณ์หลักที่สร้างความตึงเครียดในพื้นที่ คือ กรณีเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่ายเปิด "ยุทธการฮูแตยือลอ" นำกำลังทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง เข้าปิดล้อมป่าเสม็ดในพื้นที่บ้านฮูแตยือลอ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส เพื่อจับกุมกลุ่มติดอาวุธซึ่งมีประมาณ 10 คน มีการยิงปะทะกันอย่างต่อเนื่อง เหตุการณ์นี้ยืดเยื้อมาตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย.จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่จบภารกิจ มีรายงานกลุ่มติดอาวุธเสียชีวิตจากการปะทะ 4-5 ราย ขณะที่ฝ่ายทหารพลีชีพไปแล้ว 2 นาย เป็นอาสาสมัครทหารพราน และนายทหารยศร้อยโท
ในห้วงเวลาเดียวกันนี้ คือระหว่างวันที่ 28 กันยายน ถึงวันที่ 3 ตุลาคม ยังมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นอีกหลายเหตุการณ์ ได้แก่
วันที่ 28 ก.ย. คนร้ายลอบวางระเบิดรถตำรวจ สภ.จะแนะ จ.นราธิวาส ทำให้กำลังพลเสียชีวิต 2 นาย บาดเจ็บ 4 นาย โดยคนร้ายลวงเจ้าหน้าที่ให้เข้าไปช่วยระงับเหตุชายคลุ้มคลั่ง แล้วลอบกดระเบิดระหว่างทาง
วันที่ 29 ก.ย. คนร้ายซุ่มยิงรถตำรวจตระเวนชายแดน ในพื้นที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ขณะเดินทางกลับจากภารกิจร่วมปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นที่บ้านฮูแตยือลอ อำเภอบาเจาะ ส่งผลให้ ตชด.ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย
วันที่ 30 ก.ย. เหตุการณ์ยิงถล่มและใช้ไปป์บอมบ์ขว้างเข้าใส่จุดตรวจในพื้นที่ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 5 ราย เป็น อส.กับตำรวจ 2 นาย ที่เหลือเป็นชาวบ้าน โดยหนึ่งในนั้นเป็นเด็กเล็กวัยเพียง 1 ขวบ 10 เดือน
วันที่ 3 ต.ค. เหตุการณ์ลอบวางระเบิดโจมตีทหารพรานในพื้นที่ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 2 นาย โดยคนร้ายใช้วิธีลอบเผากล้องวงจรปิดเพื่อลวงให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ ก่อนโจมตีด้วยระเบิดระหว่างทาง
และวันที่ 3 ต.ค.เช่นกัน ยังมีเหตุการณ์คนร้ายซุ่มยิงขบวนรถไฟสายท้องถิ่น สุไหงโกลก-ยะลา ขณะเดินรถผ่านพื้นที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ทำให้รถไฟต้องหยุดให้บริการอย่างกะทันหันด้วย
พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 บอกกับ "ทีมข่าวอิศรา" ว่า คนร้ายพยายามก่อเหตุรุนแรงรูปแบบต่างๆ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ และหวังให้เจ้าหน้าที่แบ่งกำลังจากยุทธการปิดล้อมใน อ.บาเจาะ ไปช่วยในเหตุการณ์อื่น เพื่อเปิดทางให้กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่ถูกปิดล้อมอยู่ในป่าเสม็ดหลบหนีออกมาได้
ขณะเดียวกัน การเลือกก่อเหตุรุนแรงในช่วงนี้ เพราะเป็นช่วงของการ "สับเปลี่ยนกำลัง" ในพื้นที่ในห้วงสิ้นปีงบประมาณ ซึ่งมีกำลังพลใหม่ลงมาสับเปลี่ยนกำลังพลชุดเก่าที่จบภารกิจ บางจุดจึงอาจมีช่องโหว่ให้คนร้ายก่อเหตุได้ ซึ่งกลุ่มก่อความไม่สงบมักจะเลือกจังหวะเวลานี้ในการโหมสร้างสถานการณ์ทุกปี
นอกจากนั้นในรอบปีที่ผ่านมา ยังมีกองกำลังติดอาวุธของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงเสียชีวิตจากการปะทะจำนวนมาก ตัวเลขสถิติเท่าที่รวบรวมได้ มีทั้งสิ้นไม่ต่ำกว่า 13 คน ไม่นับรวมผู้เสียชีวิตอีกอย่างน้อย 4-5 คนในยุทธการฮูแตยือลอ อ.บาเจาะ ที่ยังไม่จบภารกิจ ทำให้กลุ่มก่อความไม่สงบต้องเร่งก่อเหตุเพื่อแก้แค้น และปลุกขวัญกำลังใจแนวร่วมฝ่ายตน
หลายเหตุการณ์ในระยะหลัง คนร้ายใช้วัตถุระเบิดแสวงเครื่องแบบ "ไปป์บอมบ์" ในการโจมตีเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะเป้าหมายที่เป็นป้อมจุดตรวจ และฐานปฏิบัติการ โดยจากการตรวจสอบของกองพิสูจน์พิสูจน์หลักฐาน พบว่า "ไปป์บอมบ์" ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ มีพัฒนาการสูงมาก ถูกประกอบขึ้นมาในลักษณะใกล้เคียงกับระเบิดขว้างที่เป็น "ระเบิดมาตรฐาน" มีเรือนชนวนแบบขึ้นรูป 3D
อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ ผู้ก่อความไม่สงบยุคนี้ ผลิตอุปกรณ์ประกอบระเบิดได้ง่ายๆ โดยสร้างอุปกรณ์ตัวอย่างขึ้นมาเพียงชิ้นเดียว จากนั้นก็นำไปพิมพ์ 3D ขึ้นรูปจากเครื่องปรินท์ 3D ที่มีจำหน่ายในราคาถูก ก็จะได้อุปกรณ์แบบเดียวกันไม่ผิดเพี้ยนจำนวนมาก สามารถนำไปใช้ก่อเหตุได้ไม่จำกัด
คนร้ายใช้ระเบิดขว้างแบบ "ไปป์บอมบ์" ที่พัฒนาขึ้นใหม่นี้ ก่อเหตุในพื้นที่มาแล้วถึง 16 ครั้ง เฉพาะในปี 2564 (นับถึงวันที่ 22 ก.ย. ยังไม่รวมเหตุที่ อ.สุไหงปาดี)