"...เจ้าหน้าที่ XXX เข้ายึดเอกสารทางด้านคดีของนายธิติสรรค์ พร้อมบอกว่าเอกสารเหล่านี้ไม่สามารถเก็บไว้ได้ ต้องนำออกไปจากเรือนจำ แต่นายธิติสรรค์มีความจำเป็นต้องขึ้นศาลในวันถัดมา จึงทำให้เขาเกิดความกังวลเป็นอย่างมาก กลัวว่าจะไม่มีข้อมูลที่จะนำไปสู้คดีเมื่อขึ้นศาล และจะทำให้แพ้คดี จึงปฏิเสธที่จะนำเอกสารออก และได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ XXX ว่า " นักโทษมีสิทธิในการเก็บรักษาเอกสารทางด้านคดีไว้กับตนเองภายใต้ พระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560" ทำให้เจ้าหน้าที่ XXX ด่าทอนายธิติสรรค์อย่างรุนแรง..."
กรณี พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล อดีตผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์ หรือ ผู้กำกับโจ้ ที่ถูกศาลมีคำพิพากษาตัดสินลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ในคดีก่อเหตุใช้ถุงดำคลุมศีรษะ หรือคลุมถุงดำ นายจิระพงศ์ ธนะพัฒน์ หรือ มาวิน ผู้ต้องหาคดียาเสพติดโดยอ้างเพื่อเค้นข้อมูลจนเสียชีวิต ใน สภ.เมืองนครสวรรค์ เสียชีวิตในห้องขังเรือนจำกลางคลองเปรม ช่วงค่ำวันที่ 7 มี.ค.2568 ที่ผ่านมา
โดยกรมราชทัณฑ์ ชี้แจงสาเหตุมาจากการผูกคอตัวเองในห้องขัง หลังจากที่ก่อนหน้านี้เจ้าตัวมีอาการจิตเวช ทำร้ายร่างกายนักโทษรายอื่น จนต้องมีการแยกขังเดียวมาแล้ว ที่กำลังถูกตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในขณะนี้
- 'ผู้กำกับโจ้' เสียชีวิต! ผูกคอตายในห้องขัง -'ทวี สอดส่อง' ยันข่าวจริง รุดดูสถานการณ์
- เปิดไทม์ไลน์ 'กรมราชทัณฑ์' แจงเหตุการณ์ 'ผกก.โจ้' ผูกคอตายในห้องขัง 'ไม่มีใครทำร้าย'
ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) นำเสนอข่าวไปแล้วว่า บุคคลใกล้ชิดกลุ่มญาติของ พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ ยังติดใจเรื่องสาเหตุการเสียชีวิตของผู้กำกับโจ้ในห้องขังที่อ้างว่าผูกคอตาย เนื่องจากก่อนหน้านี้ผู้กำกับโจ้มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับผู้คุมและถูกทำร้ายร่างกาย พร้อมมอบอำนาจให้ทนายความไปร้องทุกข์กล่าวโทษพร้อมกับใบรับรองแพทย์กับพนักงานสอบสวน นอกจากนั้นยังทำเรื่องร้องเรียนไปยังผู้บัญชาการเรือนจำและมีการเรียกญาติไปไกล่เกลี่ยให้ผู้กำกับโจ้ยอมรับผิดและจะลงโทษสถานเบา เช่น ห้ามญาติเยี่ยม เป็นระยะเวลาหนึ่ง
ขณะที่ในช่วงเดือนก.พ.2568 ที่ผ่านมา มารดาของ พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ ทำได้หนังสือร้องเรียนถึงอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เกี่ยวกับพฤติการณ์ไม่เหมาะสมของนักโทษและเจ้าหน้าที่ควบคุม ที่มีการกลั่นแกล้งและใช้ความรุนแรงต่อ ผู้กำกับโจ้ มีการตบตี ส่งผลต่อสุขภาพและจิตใจ ซึ่งมีพฤติการณ์ต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปลายปี 2567 จนกระทั่งในช่วงกลางเดือน ม.ค.2568 มีการตั้งข้อกล่าวหา ผู้กำกับโจ้ ว่ามีพฤติการณ์กระด้างกระเดือง จนทำให้ ถูกย้ายไปยังแดน 5 และถูกขังในซอยในวันเดียวกัน พร้อมขอให้มีการตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจัง และย้าย ผู้กำกับโจ้ ไปคุมขังในพื้นที่อื่นเพื่อสามารถใช้ชีวิตในเรือนจำได้อย่างปลอดภัย
รวมถึงยังมีการร้องเรียนเรื่องนี้ไปยังหน่วยงานตรวจสอบหลายแห่ง อาทิ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รวมถึงอัยการสูงสุดด้วย
ต่อไปนี้ เป็นรายละเอียดในหนังสือลับของญาติ พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ ที่ยื่นเรื่องต่อสำนักงาน ป.ป.ช. เพื่อขอให้สอบสวนเรื่องนี้เป็นทางการ ในช่วงเดือน ก.พ.2568 พร้อมระบุว่า หากไม่ได้รับการช่วยเหลือโดยเร็ว อาจนำไปสู่ความเสียหายที่ไม่สามารถแก้ไขได้
เนื้อหาในหนังสือฉบับนี้ ระบุว่า
ข้าพเจ้านางสาว ธ. มีฐานะเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน กับ นายธิติสรรค์ อุทธนผล ที่อยู่ 33/2 เรือนจำกลางคลองเปรม งามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักรกรุงเทพมหานคร ได้รับแจ้งจาก นายธิติสรรค์ อุทธนผล และให้มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. กับ นาย XX เจ้าหน้าที่ควบคุม ตำแหน่ง XXX ปฏิบัติหน้าที่ ณ เรือนจำกลางคลองเปรม ซึ่งมีการกระทำอันส่งผลกระทบต่อสวัสดิภาพ ความปลอดภัย และสิทธิขั้นพื้นฐานของนักโทษ นายธิติสรรค์ อุทธนผล อย่างร้ายแรง
กล่าวคือ
เมื่อประมาปลายปี พ.ศ. 2567 ( ประมาณเดือนตุลาคม - ธันวาคม ) เหตุการณ์เริ่มต้นจากนักโทษนาย XXX ได้พูดใส่ร้าย นายธิติสรรค์ อุทธนผล กับเจ้าหน้าที่ควบคุมหลายคน ทำให้ผู้คุมหลายคนมีทัศนคติที่ไม่ดีกับนาย ธิติสรรค์และต่อว่านายธิติสรรค์
ยกตัวอย่างเช่น บอกกับผู้คุมท่านหนึ่งว่านายธิติสรรค์เรียกเขาว่า "นายนอกแดน" โดยคำพูดดังกล่าว หมายถึงการพูดจาดูถูกและลดคุณค่าในตัวผู้คุม แต่เหตุการณ์ดังกล่าวไม่เป็นความจริง ส่งผลให้นายธิติสรรค์ต้องชี้แจงเหตุการณ์ต่อเจ้าหน้าที่ควบคุมท่านนั้น
นอกจากกนี้ นาย XXX ยังขู่จะทำร้ายร่างกายนายธิติสรรค์หลายครั้ง
โดยนายธิติสรรค์คาดว่าสาเหตุที่นาย XXX ไม่พอใจน่าจะมาจากที่นายธิติสรรค์เคยขอร้องให้นาย XXX สูบบุหรี่ไกลจากพื้นที่ห้องนอนของตน เนื่องจากควันสูบบุหรี่ส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจของตน อย่างไรก็ตาม การขอร้องดังกล่าวดำเนินไปอย่างสุภาพ โดยมีเจ้าหน้าที่ควบคุมที่อยู่ในเหตุการณ์เป็นพยาน
หลังจากการขอร้องเรื่องบุหรี่นั้น นายXXX ได้กล่าวหาและหาเรื่องนายธิติสรรค์หลายครั้ง รวมถึงยุยงให้ผู้อื่นไม่ชอบ ผลจากคำกล่าวร้ายของนายสุรเชษฯ ทำให้เจ้าหน้าที่ควบคุม นาย XXX เริ่มแสดงพฤติกรรมกลั่นแกล้งนายธิติสรรค์ ดังนี้
- ด่าว่านายธิติสรรค์ด้วยถ้อยคำรุนแรง ( โดยหลายครั้งจะเรียกเข้าไปในห้องส่วนตัว )
- รื้อค้นสิ่งของส่วนตัวของนายธิติสรรค์ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ยกตัวอย่างเช่น รื้อเอกสารสำคัญทางคดี ทำให้เปียกน้ำและเสียหาย
- พยายามที่จะตั้งเรื่องเอาผิดและด่าทอนายธิติสรรค์อย่างรุนแรงที่เขาซ่อมพัดลม แต่ข้อเท็จจริงคือผู้คมอีกท่านหนึ่งเป็นคนนำพัดลมมาให้นายธิติสรรค์ซ่อม เนื่องจากว่าพัดลมมันเสีย นายธิติสรรค์จึงช่วยช่อม หลังจากนั้นได้มีเหตุการณ์ที่เกิด อีกดังนี้
1. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงปลายปี พ.ศ. 2567
1.1 เจ้าหน้าที่ XXX เข้ายึดเอกสารทางด้านคดีของนายธิติสรรค์ พร้อมบอกว่าเอกสารเหล่านี้ไม่สามารถเก็บไว้ได้ ต้องนำออกไปจากเรือนจำ แต่นายธิติสรรค์มีความจำเป็นต้องขึ้นศาลในวันถัดมา จึงทำให้เขาเกิดความกังวลเป็นอย่างมาก กลัวว่าจะไม่มีข้อมูลที่จะนำไปสู้คดีเมื่อขึ้นศาล และจะทำให้แพ้คดี จึงปฏิเสธที่จะนำเอกสารออก และได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ XXX ว่า " นักโทษมีสิทธิในการเก็บรักษาเอกสารทางด้านคดีไว้กับตนเองภายใต้ พระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560" ทำให้เจ้าหน้าที่ XXX ด่าทอนายธิติสรรค์อย่างรุนแรง
1.2 นายธิติสรรค์มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคหัวใจเต้นผิดปกติ ซึ่งเป็นมานานก่อนที่จะเข้ารับโทษในเรือนจำ โดย นายธิติสรรค์จำเป็นต้องทานยาเป็นประจำทุกวัน โดยอาการดังกล่าวได้มีใบรับรองแพทย์ระบุให้หลีกเลี่ยงอากาศร้อนและให้ใช้พัดลมในพื้นที่ เพื่อป้องกันไม่ให้อาการกำเริบ ซึ่งจะมีผลต่อสุขภาพของนายธิติสรรค์อย่างร้ายแรง แต่เจ้าหน้าที่XXX กลับปฏิเสธใบรับรองแพทย์และยื่นเงื่อนไขให้นายธิติสรรค์ต้องขอใบรับรองใหม่ และเข้ายึดพัดลมที่ได้ขออนุญาตนำเข้ามาอย่างถูกต้องออกไป
1.3 นายธิติสรรค์ เกิดอุบัติเหตุที่ดวงตา ขณะรับโทษอยู่ในเรือนจำ ทำให้การมองเห็นของเขาไม่ปกติรูม่านตาข้างซ้ายขยายถึง 5 มิลลิเมตร ดวงตาไม่สามารถรับแสงแดดได้ ทำให้ต้องใส่แว่นตาดำไว้ตลอดเวลาที่ออกแสงแดด เพื่อป้องกันและฟื้นฟู ลดความเสี่ยงที่จะตาบอด แต่แม้จะมีใบรับรองแพทย์ยืนยันถึงความจำเป็นในการใช้งานและทางแพทยได้กำชับมาว่าห้ามขยับตัวเยอะ เช่น เดินเร็ว วิ่ง หรือ ออกกำลังกาย รวมทั้งต้องใส่แว่นตาดำไว้ตลอด แต่เจ้าหน้าที่XXX ก็ได้พยายามยึดแว่นตาของนายธิติสรรค์ แม้จะมีใบรับรองแพทย์ยืนยันถึงความจำเป็นในการใช้งาน แต่เจ้าหน้าที่XXX ก็ยืนยันว่าจะยึด
เหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของนายธิติสรรค์เป็นอย่างมาก เนื่องจากสุขภาพที่ไม่ดีอยู่แล้ว และเกรงกลัวว่าตาจะบอดไม่สามารถมองเห็นได้กลายเป็นบุคคลพิการตลอดชีวิตทำให้นายธิติสรรค์มีอาการทรุดหนัก ตัวสั่น ไม่สามารถพูดได้ โรคหัวใจกำเริบ จนต้องถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลในทันที และจากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้สุขภาพของนายธิติสรรค์ถดถอยและแย่ขึ้นเป็นอย่างมาก หมอที่โรงพยาบาลได้ปรับยารักษาโรคหัวใจของนายธิติสรรค์ให้แรงมากขึ้นเพื่อที่จะรักษาอาการให้คงที่ไม่กำเริบ การกินยาที่แรงมากขึ้นส่งผลต่อร่างกายของนายธิติสรรค์ โดยตรง
2. เหตุการณ์ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2568
วันพุธที่ 8 มกราคม 2568 : นายธิติสรรค์พบว่า นาย XXX (นักโทษที่มีพฤติกรรมรุนแรง) กำลังเล่นเกมหรือดูสื่ออนาจารในพื้นที่ ซึ่งผิดระเบียบของเรือนจำ นายธิติสรรค์จึงพูดว่าการกระทำเช่นนี้มีความผิด แต่กลับถูกเจ้าหน้าที่XXX ด่าทอ และใช้ความรุนแรงต่อยและผลัก จนเกิดรอยซ้ำขนาดใหญ่บนร่างกาย เจ้าหน้าที่XXX ยังได้กล่าวหาว่านายธิติสรรค์พูดจาด่าทอพ่อแม่ของตน และท้าตีท้าต่อย อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้บังคับบัญชาแดน ( ผบ.แดน ) เรียกสอบสวนจากพยานในที่เกิดเหตุ พบว่าคำกล่าวหาดังกล่าวไม่เป็นความจริง จึงสั่งให้ทั้งสองฝ่ายยุติเรื่องราว
วันศุกร์ที่ 10 มกราคม 2568 : เจ้าหน้าที่ XXX ยังคงดำเนินการกลั่นแกล้งนายธิติสรรค์ โดยตั้งข้อกล่าวหาว่านายธิติสรรค์ว่ามีพฤติกรรมกระด้างกระเดือง และให้นักโทษในความดูแลของตนเป็นพยานยืนยัน จากนั้นนายธิติสรรค์ถูกย้ายไปยังแดน 5 และถูกขังในซอยในวันเดียวกัน
จากข้อมูลที่กล่าวมาข้างต้น เป็นเพียงบางส่วนของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนายธิติสรรค์ อุทธนผล ซึ่งถูกกระทำและกลั่นแกล้งจากนาย XXX อย่างต่อเนื่อง โดยการกระทำดังกล่าวส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสภาพจิตใจและสุขภาพของนายธิติสรรค์
นอกจากนี้ ข้าพเจ้าและครอบครัวของนายธิติสรรค์ ยังได้รับทราบข้อมูลเพิ่มเติมว่า นาย XXX มีพฤติกรรมกลั่นแกล้งและกดดันนักโทษคนอื่นในความดูแลด้วยลักษณะดังนี้อีกหลายท่าน
ยกตัวอย่างเช่น
1. การทำร้ายร่างกายและกลั่นแกล้งนักโทษอย่างต่อเนื่อง ยกตัวอย่างเช่น การตบ หรือ ตีนักโทษ พฤติกรรมดังกล่าวส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพกายและจิตใจของนักโทษในความดูแล
2. การยึดสิ่งของจำเป็นและกดดันอย่างรุนแรง ตัวอย่างกรณีที่ร้ายแรงที่สุดคือ การกลั่นแกล้งนักโทษที่มีปัญหาด้านสุขภาพ โดยการยึดสิ่งของจำเป็น ส่งผลให้นักโทษคนดังกล่าวเกิดความเครียดสะสมจนตัดสินใจฆ่าตัวตาย
3. มีเหตุการณ์ที่นักโทษท่านหนึ่งได้มีปากเสียงกับนาย XXX ซึ่งเป็นนักโทษที่มีพฤติกรรมรุนแรง หลังจากนั้นไม่นาน ขณะที่นักโทษท่านนี้เดินเข้าไปในห้องตัดผม ได้มีการจู่โจมเข้าตรวจสอบโดยเจ้าหน้าXXX และพบว่ามีบุหรี่อยู่ในห้องดังกล่าว เหตุการณ์นี้นำไปสู่การกล่าวหาว่า บุหรี่ดังกล่าวเป็นของนักโทษท่านนั้น โดยไม่มีการตรวจสอบอย่างรอบคอบ แม้ในข้อเท็จจริงบุหรี่นั้นมิใช่ของนักโทษผู้นี้แต่อย่างใด นักโทษถูกนำเอกสารมาให้ลงนามโดยเข้าใจว่าเป็นเอกสารเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาเท่านั้น จึงได้ลงลายมือชื่อ
อย่างไรก็ตาม นักโทษมาทราบในภายหลังว่าเอกสารดังกล่าวมีการระบุข้อความที่เป็นลายมือเพิ่มเติม ซึ่งไม่ได้เขียนโดยตัวนักโทษเอง และไม่ทราบว่าเป็นลายมือของผู้ใด โดยเขียนว่า "ยอมรับข้อกล่าวหา" จากเหตุการณ์ดังกล่าว ปัจจุบันนักโทษท่านนี้ถูกแยกขังใน แดน 4 (ขังซอย)
โดยทราบภายหลังว่า การดำเนินการดังกล่าวเกิดจากการสั่งการของ นายXXX ซึ่งมีความสนิทสนมกับนาย XXX ทำให้เกิดข้อสงสัยว่ามีการใช้อำนาจในทางมิชอบ เพื่อกลั่นแกลังและเอื้อประโยชน์ให้นาย XXX
เหตุการณ์เหล่านี้สะท้อนถึงการละเมิดสิทธิมนุษชนอย่างร้ายแรง และขัดต่อหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่ควรปฏิบัติต่อผู้ต้องขังด้วยความเหมาะสมตามหลักจริยธรรม กฎหมาย มาตรฐานวิชาชีพ และบทบัญญัติทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ข้าพเจ้าและครอบครัวของ นายธิติสรรค์ อุทธนผล รู้สึกทุกข์ใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากพฤติกรรมการกลั่นแกล้งและการทำร้ายร่างกายของเจ้าหน้าที่ดังกล่าว ทำให้ นายธิติสรรค์ อุทธนผล มีอาการทรุดหนักทั้งทางร่างกายและจิตใจ
ข้าพเจ้าเกรงว่าหากไม่ได้รับการช่วยเหลือโดยเร็ว อาจนำไปสู่ความเสียหายที่ไม่สามารถแก้ไขได้
ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าขอความเมตตาและความกรุณาจากท่าน โปรดพิจารณาเรื่องนี้โดยเร่งด่วน เพื่อปกป้องสิทธิและความปลอดภัยของผู้ถูกรังแก และเพื่อให้เกิดความยุติธรรมในกระบวนการตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ
ขอแสดงความนับถือเป็นอย่างสูง
************
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หนังสือร้องเรียน ป.ป.ช.ฉบับนี้ ลงวันที่ 21 ก.พ.2568 ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่า ป.ป.ช.รับเรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ หรือ ส่งเรื่องให้หน่วยงานอื่นดำเนินการแทนหรือไม่
แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏไปแล้ว คือ ในช่วงค่ำวันที่ 7 มี.ค.2568 พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล อดีตผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์ หรือ ผู้กำกับโจ้ ได้เสียชีวิตลงไปแล้ว ท่ามกลางข้อสงสัยจากบุคคลใกล้ชิดกลุ่มญาติของ พ.ต.อ. ธิติสรรค์ ถึงสาเหตุการเสียชีวิต ว่า มาจากการผูกคอฆ่าตัวเอง หรือเป็นการฆาตกรรม อําพรางของบุคคลกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการสอบสวนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในขณะนี้
คำร้องสำคัญในท้ายหนังสือร้องเรียน ที่ระบุว่า หากไม่ได้รับการช่วยเหลือโดยเร็ว อาจนำไปสู่ความเสียหายที่ไม่สามารถแก้ไขได้
ดูเหมือนความช่วยเหลือจะมาสายเกินกาล มีความเสียหายสำคัญเกิดขึ้นที่ไม่สามารถแก้ไขได้ไปแล้ว
บทสรุปสุดท้ายของเรื่องนี้ไม่ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร หากข้อมูลร้องเรียน ของ พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล เป็นจริง ถ้าตัดประเด็นเรื่องผลแห่งกรรมออกไป จากสิ่งที่ พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล กระทำไว้ในอดีต
สังคมไทยคงจะเห็นได้ชัดเจนแล้วว่า ปัญหาเรื่องการลุแก่อำนาจ ไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบขั้นตอนกฎหมาย ยังคงอุดมอยู่ทุกพื้นที่ และเป็นสิ่งที่เราทุกคนต้องเร่งรีบหาทางช่วยกันแก้ไขให้หมดสิ้นไปโดยเร็วที่สุด