"....แม้ว่า นางไพรัตน์ ทองคำใส หรือนางชนิษา วิมลวัฒนา จะถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตีตกคดีอนุญาตให้เช่าและกำหนดอัตราค่าเช่าโครงเหล็กของเทศบาลตำบลสองพี่น้อง แต่ก่อนหน้านี้ นางนางชนิษา วิมลวัฒนา ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดเกี่ยวกับกรณีจัดทำเอกสารหลักฐานเบิกจ่ายเงินโครงการฝึกอบรมและศึกษาดูงานของผู้นำชุมชนที่จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นเท็จ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการต่อสู้คดีในชั้นศาล ..."
นางไพรัตน์ ทองคำใส เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลสองพี่น้อง อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี และพวก ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตีตกข้อกล่าวหา กระทำการมีส่วนได้เสียโดยอาศัยอำนาจหน้าที่นายกเทศมนตรีตำบลสองพี่น้อง อนุญาตให้เช่าและกำหนดอัตราค่าเช่าโครงเหล็กของเทศบาลตำบลสองพี่น้อง ซึ่งตนเองเป็นผู้ขอเช่าโครงเหล็กดังกล่าว เพื่อใช้ติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์ ในลักษณะเป็นการหาเสียงให้กับตนอันถือเป็นการได้ประโยชน์
หลังพิจารณาสำนวนไต่สวนข้อเท็จจริง คณะกรรมการ ป.ป.ช. เสียงส่วนใหญ่ เห็นว่าไม่ปรากฏพยานหลักฐานเพียงพอที่จะฟังได้ว่ามีเจตนากระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อเท็จจริงไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป ขณะที่กรรมการ ป.ป.ช.เสียงข้างน้อย 1 เสียง เห็นว่ามีความผิด
คือ หนึ่งในคดีสำคัญของเทศบาลเมืองสองพี่น้อง ที่สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) นำมาเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบไปแล้ว
แต่สาธารณชนอาจจะยังไม่ทราบ ว่า นางไพรัตน์ ทองคำใส คือ ชื่อ-นามสกุลเดิม ของ นางชนิษา วิมลวัฒนา นายกเทศมนตรีตำบลสองพี่น้อง คนปัจจุบัน นั้นเอง
ขณะที่ นางชนิษา วิมลวัฒนา ปัจจุบันอยู่ระหว่างการต่อสู้คดีในชั้นศาล หลังจากถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดทางอาญา กรณีจัดทำเอกสารหลักฐานเบิกจ่ายเงินโครงการฝึกอบรมและศึกษาดูงานของผู้นำชุมชนที่จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นเท็จ ในช่วงเดือน ก.ค.2564 ที่ผ่านมา
ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ ถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อสำนักข่าวอิศรา ได้รับการยืนยันข้อมูลจากแหล่งข่าวในเทศบาลเมืองสองพี่น้อง ว่า แม้ว่า นางไพรัตน์ ทองคำใส หรือนางชนิษา วิมลวัฒนา จะถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตีตกคดีอนุญาตให้เช่าและกำหนดอัตราค่าเช่าโครงเหล็กของเทศบาลตำบลสองพี่น้อง แต่ก่อนหน้านี้ นางนางชนิษา วิมลวัฒนา ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดเกี่ยวกับกรณีจัดทำเอกสารหลักฐานเบิกจ่ายเงินโครงการฝึกอบรมและศึกษาดูงานของผู้นำชุมชนที่จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นเท็จ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการต่อสู้คดีในชั้นศาล
" นางไพรัตน์ ทองคำใส ก่อนหน้าที่จะเปลี่ยนมาใช้ชื่อ-นามสกุลว่า นางชนิษา วิมลวัฒนา ได้ใช้ชื่อนามสกุลว่า นางสิริรัตน์ สุดสมปรารถนา รวมเปลี่ยนชื่อนามสกุลมาแล้ว 2 ครั้ง" แหล่งข่าวระบุ
ขณะที่แหล่งข่าวจากสำนักงาน ป.ป.ช. ยืนยันสำนักข่าวอิศรา ว่า คดีความเกี่ยวกับนางชนิษา วิมลวัฒนา ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 มีนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 29 ต.ค.2567 นี้
สำนักข่าวอิศรา รายงานเพิ่มเติมว่า เกี่ยวกับข้อมูลคดีความของ นางชนิษา วิมลวัฒนา (ชื่อ-นามสกุล ปัจจุบัน) ก่อนหน้านี้ในช่วงเดือน ม.ค.2566 เคยปรากฏข่าวเรื่องการให้ยุดปฏิบัติหน้าที่หลังศาลรับฟ้องคดีทุจริตที่ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด
โดยมีจุดเริ่มต้นจาก นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี (ในช่วงนั้น) ได้ทำหนังสือแจ้งประธานสภาเทศบาลเมืองสองพี่น้อง ให้รอกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เวียนความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อนสั่งให้ นางชนิษา วิมลวัฒนา นายกเทศมนตรีเมืองสองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี หยุดปฏิบัติหน้าที่ ตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 หลังโดนคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดคดีทุจริตโครงการฝึกอบรมสัมมนาฯ ที่จ.ชลบุรี เมื่อปี 2550 ซึ่งศาลคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 มีคำสั่งประทับรับฟ้อง ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค. 2565 ที่ผ่านมา
ต่อมานายสุธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ทำหนังสือเวียนถึง ผู้ว่าราชการจังหวัด ทุกจังหวัด (ยกเว้นผู้ว่าราชการจังหวัดเลย, ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง, ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์) เพื่อแจ้งเรื่อง หารือกรณีการหยุดปฏิบัติหน้าที่ของผู้บริหารท้องถิ่นตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ว่าให้เป็นประโยชน์ในการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอในการกำกับดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ขณะที่น.ส.ชนิษา วิมลวัฒนา นายกเทศมนตรีเมืองสองพี่น้อง ชี้แจงกรณีดังกล่าวกับสำนักข่าวอิศรา ว่า ไม่กล้าฝ่าฝืนคำสั่ง หากมีหนังสือคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เมื่อไร จะหยุดทันที
ต่อมา สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบว่า เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 2566 นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี ทำหนังสือถึง นายกเทศมนตรีเมืองสองพี่น้อง เรื่องให้นายกเทศมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่ เป็นทางการ
ระบุว่า ด้วยจังหวัดสุพรรณบุรีได้รับแจ้งจากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ให้พิจารณาดำเนินการ ตามหน้าที่และอำนาจตามมาตรา 71 แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2562 กรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติขี้มูลความผิดนางชนิษา วิมสวัฒนา นายกเทศมนตรีเมืองสองพี่น้อง ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการ ปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ต่อมาเมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2565 อัยการสูงสุดโดยสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 ภาค 7 ได้ยื่นฟ้องนางชนิษา วิมลวัฒนา กับพวกรวม 5 คน และศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 ได้ประทับฟ้องในคดีอาญาตามที่ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติชี้มูลความผิด และอัยการสูงสุดได้ยื่นฟ้องต่อศาลไว้แล้วเป็นคดีหมายเลขดำที่ อท 97/2565 เป็นผลให้นางชนิษา วิมลวัฒนา ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค. 2565 อันเป็นวันที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 ได้ประทับฟ้องไว้ข้างตัน ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81 ประกอบมาตรา 93
จังหวัดสุพรรณบุรีพิจารณาแล้วเห็นว่า การหยุดปฏิบัติหน้าที่ของนายกเทศมนตรีเมืองสองพี่น้อง ในกรณีดังกล่าวเป็นไปโดยผลของกฎหมาย ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรีจึงขอแจ้งให้ท่านหยุดปฏิบัติหน้าที่ ตามผลของกฎหมายดังกล่าวอย่างเคร่งครัดตามที่คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 1 ได้ให้ความเห็นไว้ ในเรื่องเสร็จที่ 1486/2565
อย่างไรก็ดี สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบข้อมูลในเว็บไซต์ เทศบาลเมืองสองพี่น้อง พบว่า ยังไม่ได้มีการแจ้งประกาศให้ นางชนิษา วิมลวัฒนา หยุดทำหน้าที่นายกเทศมนตรีเมืองสองพี่น้อง ขณะที่จากการโทรศัพท์ติดต่อไปยัง เทศบาลเมืองสองพี่น้อง ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ว่า ปัจจุบัน นางชนิษา วิมลวัฒนา ยังทำหน้าที่อยู่
ส่วนข้อเท็จจริงที่ว่า ทำไมศาลฯ ประทับรับฟ้องแล้ว นางชนิษา วิมลวัฒนา ถึงยังสามารถทำหน้าที่นายกเทศมนตรีเมืองสองพี่ต่อได้อีก
คงต้องรอผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสาธารณชนเป็นทางการอีกครั้ง
- มท.เวียนคำวินิจฉัยแล้ว! นายกเทศฯ สองพี่น้อง ลั่นพร้อมหยุดทำหน้าที่ทันทีถ้ามีคำสั่ง
- รอสถ.ก่อน! ผู้ว่าฯสุรรณบุรี ยังไม่สั่งนายกฯสองพี่น้องหยุดทำหน้าที่-ศาลฯรับฟ้องคดีทุจริต
- ลงนามแล้ว!ผู้ว่าสุพรรณออกคำสั่งนายกเทศฯสองพี่น้อง หยุดทำหน้าที่ ศาลรับฟ้องคดีทุจริต