เผยมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตีตกคดี 'ชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ' หรือ 'ชูวิทย์ กุ่ย' อดีต สส. ผิดจริยธรรมร้ายแรง ไม่นำรายได้จากการประกอบธุรกิจฟาร์มโคแสดงในแบบรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หลังพิจารณาสำนวนไต่สวนเบื้องต้นไม่ปรากฏว่ากระทำความผิดให้ข้อกล่าวหาต่อไป แต่ให้สำนักตรวจสอบทรัพย์สินภาคการเมือง สอบเชิงลึกช่วงดำรงตำแหน่งปี 2562-2566 เพิ่ม มีพฤติการณ์แบบเดิมหรือไม่ ก่อนดำเนินการตามหน้าที่อำนาจต่อไป
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. เสียงเอกฉันท์ตีตกข้อกล่าวหา นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) กระทำการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ไม่นำรายได้จากการประกอบธุรกิจฟาร์มโคแสดงในแบบรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
หลังพิจารณาสำนวนไต่สวนเบื้องต้นไม่ปรากฏว่า กระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
ผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ระบุว่า ที่ประชุมพิจารณาแล้ว มีมติเป็นเอกฉันท์ ด้วยคะแนนเสียง 7 เสียง เห็นชอบตามความเห็นคณะกรรมการไต่สวนว่า จากการไต่สวนเบื้องต้นไม่ปรากฏว่า นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ ผู้ถูกกล่าวหา ได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
อย่างไรก็ดี เนื่องจากนายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ ผู้ถูกกล่าวหา ได้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในช่วงปี 2562-2566 ด้วย จึงให้สำนักตรวจสอบทรัพย์สินภาคการเมือง ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของนายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ กรณีเข้ารับตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในช่วงเวลาดังกล่าว ว่ามีการนำรายได้จากการประกอบธุรกิจฟาร์มโค มาแสดงในแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือไม่ อย่างไร และให้ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจต่อไป
สำหรับ นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ หรือชื่อที่สื่อมวลชนนิยมเรียกว่า ชูวิทย์ กุ่ย ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงมหาดไทย เป็น อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุบลราชธานี เขต 7 สังกัดพรรคเพื่อไทย เป็นเจ้าของธุรกิจสวนเสือตระการ ประธานสโมสรฟุตบอลอุบล ไทเกอร์ ปี 2538 ได้เข้ามาสู่งานการเมืองเป็น สส.อุบลราชธานี สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ต่อมาในปี 2539 ได้ย้ายมาสังกัดพรรคความหวังใหม่ และในปี 2544 ได้ย้ายมาสังกัดพรรคไทยรักไทย, พรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย ตามลำดับ ในปี 2566 บุตรสาว นางสาวสุดารัตน์ พิทักษ์พรพัลลภ ได้รับการเลือกตั้งเป็น สส.อุบลราชธานี เขต 7 พรรคเพื่อไทย นับเป็น สส.ผู้หญิงที่อายุน้อยที่สุดในสภา (อ้างอิงข้อมูลส่วนนี้จาก วิกิพีเดีย)
ส่วน นางสาวสุชาวดี พิทักษ์พรพัลลภ น้องสาวของนางสาวสุดารัตน์ พิทักษ์พรพัลลภ สส.อุบลราชธานี เขต 7 พรรคเพื่อไทย เข้ารับตำแหน่ง กรรมการองค์การตลาด กระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2567 (1.3 ล้าน ทรัพย์สิน 'สุชาวดี พิทักษ์พรพัลลภ' กก.องค์การตลาด รายได้ 5.16 แสน/ปี)
@ ปี 2565 เคยปรากฏข่าว นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ ร่วมคณะ สส.อีสาน 6-7 คน เดินทางไปพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ประเทศสิงคโปร์
ช่วงที่ยังหลบหนีคดีอยู่ในต่างประเทศ ก่อนจะมีการชี้แจงสื่อว่าแค่ไปร่วมรับประทานอาหารเท่านั้น