ละเอียดยิบคำพิพากษา คดีทุจริตออกโฉนด 33 แปลง ป่าอ่าวนาง จ.กระบี่ 3 อดีต จนท. กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าฯ - กรมที่ดิน พยาน หลักฐานมัดแน่น ก่อนศาลอาญาคดีทุจริตฯ ภาค 8 จำคุก 15 - 165 ปี ลงโทษสูงสุด 50 ปี ยกฟ้อง 1 เหตุเกษียณฯเกิน 2 ปี ขายให้กลุ่มทุน นักการเมืองตระกูลดัง ขรก.สูง
.....................................
เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2564 สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้า คดีทุจริตออกโฉนดที่ดินบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ป่าอ่าวนาง – หางนาค จ.กระบี่ จำนวน 33 แปลง เนื้อที่รวมประมาณ 200 ไร่ มูลค่านับพันล้านบาท (ออกไปแล้ว 33 แปลง , อยู่ระหว่างดำเนินการออก 6 แปลง และแบ่งแยกจากเดิม 3 แปลง รวมทั้งสิ้น 42 แปลง) ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 24 ก.ย.2563
อดีต เจ้าหน้าที่ สำนักฟื้นฟูพัฒนาพื้นที่อนุรักษ์ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ เจ้าหน้าที่ กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย รวม 3 คน ในอัตราโทษ คนละ 15 -165 ปี และยกฟ้อง 1 คน เป็น อดีตเจ้าหน้าที่บริหารที่ดิน 7 สำนักมาตรฐานการออกหนังสือสำคัญ กรมที่ดิน เนื่องจากพ้นจากราชการเนื่องจากอายุครบ 60 ปี ไปแล้ว 2 ปี คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไม่มีอำนาจรับสำนวนไว้สอบสวน
(ข่าวเกี่ยวข้อง: ศาลจำคุก 165 ปี 2 จนท.ที่ดิน ทุจริตโฉนดรุกป่าอ่าวนาง ลงโทษสูงสุด 50 ปี-อีกคนโดน 15 ปี )
ล่าสุดสำนักข่าวอิศราเรียบเรียง คำพิพากษามารายงานอีกครั้ง
อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ นายสถาพร โกมาศ จำเลยที่ 1 นายอำนาจ เลิศไกร จำเลยที่ 2 นางสาวศศิธร หรือ วรภร สมสะอาด จำเลยที่ 3 นายสมมาศ ประดับเพชร จำเลยที่ 4 เรื่อง ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ขณะเกิดเหตุ
จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าพนักงานตำแหน่งนายช่างสำรวจ 4 สำนักฟื้นฟูพัฒนาพื้นที่อนุรักษ์ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับมอบหมายให้ชี้กันแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติและเขตอุทยานแห่งชาติเพื่อสนับสนุนหน้าที่โครงการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินตามแผนปฎิบัติการแปลงสินทรัพย์เป็นทุนประจำปีงบประมาณ 2548 ระยะ2 ปฎิบัติหน้าที้ทำการรังวัด ระวังชี้รับรองแนวเขตป่าไม้ลงในระวางรูปถ่ายทางอากาศมาตราส่วน 1 ต่อ 4,000 ของกรมที่ดิน
จำเลยที่ 2 เป็นเจ้าหน้าที่บริหารที่ดิน 7 สำนักมาตรฐานการออกหนังสือสำคัญ สังกัดกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย ปฎิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการศูนย์เดินสำรวจการออกโฉนดที่ดินจังหวัดกระบี่ มีหน้าที่ออกโฉนดที่ดินตามโครงการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินจังหวัดกระบี่
จำเลยที่ 3 เป็นเจ้าพนักงานตำแหน่งเจ้าหน้าที่ที่ดิน 5 สำนักมาตรฐานการออกหนังสือสำคัญ สังกัดกรมที่ดิน ปฎิบัติหน้ารที่ผู้กำกับการเดินสำรวจ มีหน้าที่ตรวจสอบการสอบสวนสิทธิลงนามในใบไต่สวนสิทธิ
จำเลยที่ 4 เป็นเจ้าหน้าที่ ตำแหน่งนายช่างรังวัด 4 สำนักมาตราการออกหนังสือสำคัญ สังกัดกรมที่ดิน ปฎิบัติหน้าที่ผู้กำกับการเดินสำรวจมีหน้าที่ตรวจสอบการสอบสวนสิทธิ์ลงนามในใบไต่สวนสิทธิ์นายธวัชชัย ทับทิมทอง และนายนิคม หิรัญโรจน์ เป็นเจ้าพนักงานตำแหน่ง เจ้าหน้าที่ที่ดิน 4 สำนักมาตรฐานการออกหนังสือสำคัญ สังกัดกรมที่ดิน ปฎิบัติหน้าที่สอบสวนสิทธิลงนามในใบไต่สวนสิทธิ ตรวจสอบเจ้าของที่ดินข้างเคียงและสอบสวนผู้ปกครองท้องที่ในการเดินสำรวจเพื่อออกโฉนดที่ดิน ศูนย์การเดินสำรวจการออกโฉนดที่ดินจังหวัดกระบี่
จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดิม) จำคุก 15 ปี
จำเลยที่ 3 และ 4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 (เดิม) ประกอบมาตรา 83 การกระทำของจำเลย ที่ 3 และที่ 4 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 33 กระทง เป็นจำคุกคนละ 165 ปี แต่รวมทุกกระทงแล้วให้จำคุกคนละ 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 (3)
ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 เนื่องจาก จำเลยที่ 2 พ้นจากราชการเนื่องจากอายุครบ 60 ปี เมื่อสิ้นปีงบประมาณ 2538 คือวันที่ 30 ก.ย.2538 คดีนี้มีการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.2551 กรมสอบสวนคดีพิเศษทำหนังสือกล่าวหา จำเลยที่ 2 ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.เมื่อวันที่ 20 มี.ค.2552 เป็นเวลาพ้นกำหนด 2 ปี นับแต่จำเลยที่ 2 พ้นจากการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ย่อมมีผลทำให้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ไม่มีอำนาจรับสำนวนไว้สอบสวน โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2
ล่าสุดสำนักข่าวอิศราเรียบเรียง คำพิพากษามารายงานอย่างละเอียดอีกครั้ง
@พยานหลักฐานมัด พฤติกรรม จำเลยที่ 1 ไม่ลงสำรวจพื้นที่จริง
มีปัญหาต้องวินิจฉัยต่อไปว่าจําเลยที่ 1 กระทําความผิดตามฟ้องหรือไม่
โจทก์มี นายวีระศักดิ์ กราปัญจะ และนายโชคชัย เสือสาวถี มาเบิกความรับรองคําให้การที่ให้การ ต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และคณะอนุกรรมการไต่สวน ป.ป.ช.
โดยนายวีระศักดิ์ให้การว่า สืบเนื่องจากสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดกระบี่ มีหนังสือด่วนที่สุด ที่ กบ 0013/940 ลงวันที่ 29 กันยายน 2559 แจ้งว่าได้รับหนังสือจังหวัดกระบี่ (ศูนย์ดํารงธรรมจังหวัดกระบี่) ด่วนที่สุด ที่ กบ 0017/12237 ลงวันที่ 15 กันยายน 2549 ขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีนางแสงระวี บงกชมาศ ร้องเรียนเจ้าพนักงานที่ดินออกโฉนดที่ดิน ทับที่ดินของตนเอง ตั้งอยู่หมู่ที่ 3 ตําบลหนองทะเล อําเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ รวมถึงโฉนดที่ดิน 51 แปลง ว่าเป็นการออกโฉนดที่ดินโดยมิชอบขอให้ตรวจสอบว่าที่ดินอยู่ในเขตพื้นที่ป่าไม้หรือไม่ ต่อมามีคําสั่งกรมป่าไม้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยมีนายคณิต ราชวานิชย์ ผู้อํานวยการศูนย์ปฏิบัติการที่ดินป่าไม้ (นครศรีธรรมราช) เป็นประธานคณะกรรมการ นายอนันต์ มิตรคุณ นายช่างสํารวจ 6 ศูนย์ปฏิบัติการที่ดินป่าไม้ (นครศรีธรรมราช) และนายวีระศักดิ์ เป็นกรรมการ นายธีรพงศ์ ดิษฐ์กิจ นายช่างสํารวจ 6 ศูนย์ปฏิบัติการที่ดินป่าไม้ (นครศรีธรรมราช) เป็นกรรมการและเลขานุการ คณะกรรมการประชุมพิจารณาร่วมกันแล้วมีความเห็นว่า การรังวัด ชี้แนวเขตและรับรองเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าอ่าวนาง - ป่าหางนาค ในรูประวางรูปถ่ายทางอากาศ ของจําเลยที่ 1 ไม่ถูกต้องตรงกับแผนที่ท้ายกฎกระทรวง ฉบับที่ 211 พ.ศ.2510) การดําเนิน การถ่ายทอดแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติของจําเลยที่ 1 ดําเนินการโดยนําเอาแผนที่ท้ายกฎกระทรวง ฉบับที่ 211 มาถ่ายทอดลงในแผนที่ภูมิประเทศ มาตราส่วน 1 : 50,000 ใช้โปรแกรม คอมพิวเตอร์ ออโต้แคท แล้วนํามาถ่ายทอดลงบนแผ่นใส มาตราส่วน 1 : 4,000 ของกรมที่ดิน บริเวณหลักเขตที่ 27 จนไปถึงหลักเขตที่ 1 บ้านคลองทรายโดยไม่ได้ลงตรวจพื้นที่ จากการตรวจสอบสมุดจดรายการรังวัดระบุว่าหลักเขตที่ 27 ไปจนถึงหลักเขตที่ 1 บ้านคลองทราย ใช้แนวธรรมชาติชายฝั่งทะเล แต่แนวเขตป่าสงวนแห่งชาติที่จําเลยที่ 1 ระวังชี้ขีดเขตและรับรอง แนวเขตล้ำเข้ามาในฝั่งขึ้นไปบนภูเขาประมาณ 200 เมตร บางส่วนล้ำลงไปในทะเล
จากการตรวจสอบแผนที่ท้ายกฎกระทรวง ฉบับที่ 211 กับแนวเขตที่จําเลยที่ 1 ระวังชี้ขีดเขตและรับรอง แนวเขต บริเวณหลักที่ 1 แนวเขตป่าสงวนแห่งชาติอ้อมแหลมโต๊ะครอก แต่แนวเขตที่จําเลยที่ 1 ถ่ายทอดตัดแหลมโต๊ะครอกบริเวณตอนกลางทําให้พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติหายไปเป็นจํานวนมาก ในการระวังชี้แนวเขตและรับรองแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติของคณะกรรมการมีแนวทางในการ ปฏิบัติดังนี้
ขั้นตอนเตรียมการ ต้องนําข้อมูลเอกสารเกี่ยวกับประกาศเขตป่าสงวนแห่งชาติ อาทิเช่น แผนที่ป่าสงวนแห่งชาติแนบท้ายกฎกระทรวง แผนที่ภูมิประเทศ ระวาง 1 : 50,000 สมุดจด รายการรังวัด สอบปากคําพยานบุคคลในพื้นที่ที่รู้เห็นเกี่ยวกับแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติ เช่น ผู้ใหญ่บ้านหรือกํานันประกอบ เจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบในพื้นที่จริง จากนั้นนําข้อมูล ที่ได้มาประมวลเพื่อถ่ายทอดแนวเขตลงในระหว่างต่อไป จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามคําสั่งกรมป่าไม้ดังกล่าวเห็นว่าการระวังชี้ขีดเขตและรับรองแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าอ่าวนาง - ป่าหางนาค ของจําเลยที่ 1 ในส่วนหลักเขตป่าที่ 27 จนไปถึงหลักเขตป่าที่ 1 ไม่ถูกต้องตามขั้นตอนเนื่องจาก จําเลยที่ 1 ไม่ได้เดินสํารวจในพื้นที่จริง
@ จนท.ป่าไม้ให้การ ป.ป.ช. ยืนยันแนวเขตป่า
นายโชคชัยให้การต่อคณะอนุกรรมการไต่สวน ป.ป.ช. ว่า ได้รับมอบหมายจากสํานักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 สาขากระบี่ ให้ดําเนินการถ่ายทอดแนวเขต ป่าสงวนแห่งชาติป่าอ่าวนาง - ป่าหางนาค ลงในระวางแผนที่ มาตราส่วน 1 : 4,000 เพื่อใช้ในการออกโฉนดที่ดินของกรมที่ดิน เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2544 นายโชคชัยร่วมกับคณะอนุกรรมการ ไต่สวนเดินสํารวจพื้นที่แนวเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าอ่าวนาง - ป่าหางนาค ในช่วงหลักเขตที่ 26 ถึงหลักเขตที่ 27 และจากหลักเขตที่ 27 ไปตามเส้นทางมุ่งสู่หลักเขตที่ 1 ในการถ่ายทอดแนวเขต ตามบันทึกข้อตกลงระหว่างกรมป่าไม้กับกรมที่ดินปี 2534 ได้นําแผนที่ท้ายกฎกระทรวงที่กําหนด แนวเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าอ่าวนาง - ป่าหางนาค มาตราส่วน 1 : 100,000 นํามาขยายให้เป็น มาตราส่วน 1 : 50,000 แล้วถ่ายทอดลงในแผนที่ภูมิประเทศ มาตราส่วน 1 : 50,000 เพื่อใช้ เป็นหลักในการพิจารณาดําเนินการขีดแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติแล้วจึงนําแผนที่ดังกล่าว ลงตรวจสอบในพื้นที่จริงโดยใช้ภาพถ่ายทางอากาศรูปสี (ออโต้สี) มาตราส่วน 1 : 4,000 ของสํานักปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประกอบการลงพื้นที่จริง จากนั้น ใช้ข้อมูลทั้งหมดขีดแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าอ่าวนาง - ป่าหางนาค ลงในระหว่างแผนที่ มาตราส่วน 1 : 4,000 ของกรมที่ดินหมายเลข 4725 III 7294 และ 7296 ให้ถูกต้องตาม หลักวิชาการโดยให้มีค่าพิกัดตรงกับแผนที่ท้ายกฎกระทรวง สําหรับหลักเขตที่ 27 ถึงหลักที่ 1 ได้ใช้แนวธรรมชาติและสําหรับเขตที่ตรวจสอบไม่พบก็จะตรวจหาค่าพิกัดหลักเขตข้างเคียง เพื่ออ้างอิงต่อไป จากการถ่ายทอดแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติดังกล่าว ปรากฏว่าได้แนวเขตป่าสงวน แห่งชาติป่าอ่าวนาง - ป่าหางนาค แตกต่างจากที่จําเลยที่ 1 ถ่ายทอดไว้ในช่วงหลักเขตที่ 27 ถึงหลักเขตที่ 1 โดยแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติในช่วงดังกล่าวใช้แนวเขตธรรมชาติจึงมีแนวเขต ตามชายฝั่งทะเล แต่แนวเขตที่จําเลยที่ 1 ถ่ายทอดมีแนวเขตผ่านเทือกเขาและมีบางส่วนล้ำลงไป ในทะเลมิได้มีแนวเขตตามชายฝั่งแต่อย่างใด
โจทก์ยังมีบันทึกคําให้การของนายคณิต ราชวานิชย์ และนายธีระพงศ์ ดิษฐกิจ ซึ่งเป็นคณะกรรมการร่วมกับนายวีระศักดิ์ ตามเอกสารหมาย จ.4 และ จ.6 ทั้งสองให้การต่อคณะอนุกรรมการไต่สวน ป.ป.ช. และพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ มีรายละเอียด สอดคล้องตรงกับที่นายวีระศักดิ์เบิกความรับรองบันทึกคําให้การต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และนายโชคชัยให้การต่ออนุกรรมการไต่สวน ป.ป.ช. พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักมั่นคง ส่วนที่จําเลยที่ 1 ต่อสู้ว่าจําเลยที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่เป็นเพียงผู้เขตและลงนามรับรองแนวเขต ป่าสงวนแห่งชาติป่าอ่าวนาง - ป่าหางนาค ตามแผนที่แนบท้ายกฎกระทรวงฉบับที่ 211 (พ.ศ.2510) มาตราส่วน 1 : 100,000 ในระวางแผ่นใสหมายเลข 4725 III 7294, 7296 มาตราส่วน 1: 4,000 ของกรมที่ดินเท่านั้น จําเลยที่ 1 ไม่เคยระวังชี้และลงชื่อรับรองแนวเขตในช่วงระหว่าง หลักเขตที่ 27 ถึงหลักเขตที่ 1 แต่ในบันทึกยืนยันข้อเท็จจริงแทนการเบิกความที่จําเลยที่ 1 เบิกความรับรองแล้ว กลับยืนยันว่าเป็นผู้ขีดและรับรองแนวเขตบริเวณหลักเขตที่ 27 ถึงหลักเขตที่ 1 แต่กระทําไปถูกต้องแล้ว นายโชคชัยขีดและรับรองแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติบริเวณหลักเขต ที่ 27 ถึงหลักเขตที่ 1 ไม่ถูกต้อง
แต่ทางไต่สวนได้ความว่านายโชคชัยดําเนินการขีดแนวเขต ป่าสงวนแห่งชาติไปตามหลักเกณฑ์ที่นายคณิต นายวีระศักดิ์และนายธีระพงศ์ให้การดังวินิจฉัยมาแล้วข้างต้น พยานหลักฐานของจําเลยที่ 1 ไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้
@ รับรองแนวเขตป่าฯ ไม่ตรงตามแผนที่ท้ายกฎกระทรวงฯ เพื่อออกโฉนดโดยไม่ชอบ
ข้อเท็จจริง รับฟังได้ว่า จําเลยที่ 1 ดําเนินการเขตรับรองแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าอ่าวนาง - ป่าหางนาค บริเวณหลักเขตที่ 27 ถึงหลักเขตที่ 1 ไม่ตรงตามแผนที่ท้ายกฎกระทรวง ฉบับที่ 211 (พ.ศ.2510) โดยมีบางส่วนล้ำลงไปในทะเลและตัดแหลมโต๊ะครอก เพื่อให้มีการนําที่ดินบริเวณดังกล่าวไปออกโฉนดโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย การกระทําของจําเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทํา จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด ใช้อํานาจในตําแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐ ตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดิม) และเมื่อปรับบทดังกล่าวซึ่งเป็นบทเฉพาะแล้วไม่จําต้องปรับบท ทั่วไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 (เดิม) อีก
@ 2 จนท. กรมที่ดิน
มีปัญหาต้องวินิจฉัยต่อไปว่าจําเลยที่ 3 และที่ 4 กระทําความผิดตามฟ้องหรือไม่
โจทก์มีนายวิฑูรย์ ชลายนนาวิน ผู้อํานวยการสํานักจัดการที่ดินป่าไม้ กรมป่าไม้ และผู้เชี่ยวชาญของ สํานักงานศาลยุติธรรมในทางวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศและแผนที่ นายวิภูพัฒน์ สถิตยุทธการ ผู้อํานวยการกลุ่มจําแนกประเภทที่ดินสํานักเทคโนโลยีการสํารวจและทําแผนที่ กรมพัฒนาที่ดิน นางวนิดา พรไพบูลย์ นิติกร 8 ว ประจํากองนิติการ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และนายเกษม เตบบุตร มาเบิกความยืนยันข้อเท็จจริงตามที่ให้การต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และคณะอนุกรรมการไต่สวน ป.ป.ช.
นายวิฑูรย์ ให้การว่าได้รับแต่งตั้งจากกรมสอบสวนคดีพิเศษให้เป็นที่ปรึกษาคดีนี้ได้ร่วมกับพนักงานสอบสวน คดีพิเศษลงตรวจสอบพื้นที่จริงที่มีการออกโฉนดที่ดินระวางที่ดิน 4725 III 7296 – 3 เลขที่ดิน 1ถึง 18 ระหว่างที่ดิน 4725 III 7294 – 1 เลขที่ดิน 1 ถึง 3, 11 ถึง 15 ระวางที่ดิน 4725 III 7294 – 3 เลขที่ดิน 1 ถึง 12, 19 และ 20 ท้องที่หมู่ที่ 3 ตําบลหนองทะเล อําเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ วันที่ 2 และ 3 เมษายน 2551 ในการตรวจสอบได้ดําเนินการตรวจสอบสภาพพื้นที่ลักษณะ การทําประโยชน์ในพื้นที่ปัจจุบันตลอดจนทําการหาค่าพิกัดของตําแหน่งที่ดินที่เกี่ยวข้องเพื่อทําการ ถ่ายทอดตําแหน่งลงในระหว่างภาพถ่ายทางอากาศประกอบการอ่านแปลความและวิเคราะห์ ภาพถ่ายทางอากาศเกี่ยวกับสภาพพื้นที่และสภาพการทําประโยชน์ของที่ดินตั้งแต่ในอดีตจนถึง ปัจจุบัน วัตถุประสงค์ในการตรวจสอบเพื่อตรวจสอบการใช้ประโยชน์ที่ดินโฉนดที่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ว่ามีการทําประโยชน์หรือไม่อย่างไร บันทึกการตรวจสภาพพื้นที่จริง ฉบับลงวันที่ 2 และ 3 เมษายน 2551, 5 มิถุนายน 2551 และ 10 กรกฎาคม 2551 ภาพถ่ายทางอากาศ ที่บันทึกเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2510, 18 มีนาคม 2519, 13 มีนาคม 2538, 4 กุมภาพันธ์ 2545 ภาพถ่ายดาวเทียมที่บันทึกไว้เมื่อปี 2548 เผยแพร่เมื่อปี 2551 สมุดจดรายการรังวัด ป่าสงวนแห่งชาติป่าอ่าวนาง - ป่าหางนาค (พ.ศ.2510) แผนที่ท้ายกฎกระทรวงประกาศป่า สงวนแห่งชาติ (ป่าอ่าวนาง - ป่าหางนาค) ให้เป็นป่าสงวนแห่งชาติ (พ.ศ. 2510) วิธีตรวจสอบ ได้นําหลักฐานการอ่านค่าพิกัดต่าง ๆ ของโฉนดที่ดินปรากฏตามหลักฐานการตรวจสอบสภาพพื้นที่จริง ทั้งสามฉบับ ตามหลักฐานที่ได้ทําการตรวจสอบความถูกต้องภาคพื้นดินไว้แล้ว จากนั้นทําให้เป็นมาตราส่วน 1 : 10,000 ถ่ายทอดตําแหน่งโฉนดลงบนภาพถ่ายทางอากาศที่บันทึกไว้ในปีต่าง ๆ ที่ได้ทําการขยายภาพตามหลักวิชาการเป็นมาตราส่วน 1 : 10,000 จากนั้นจึงดําเนินการ แปลความและวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศจัดทําเป็นรายงานต่อไป ผลการตรวจสอบภาพถ่าย ทางอากาศที่บันทึกไว้เมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2510 ระวางที่ดิน 4275 III 7296 - 3 เลขที่ดิน 1 ถึง 18 ที่ดินทุกแปลงเป็นป่าไม้ธรรมชาติไม่พบการทําประโยชน์และสิ่งปลูกสร้างตลอดจนเส้นทาง เข้ามาในพื้นที่ ระวางที่ดิน 4725 III 7294 - 1 เลขที่ดิน 1 ถึง 3, 10 ถึง 15 มีสภาพเป็นป่าไม้ธรรมชาติ ไม่มีการเข้าครอบครองทําประโยชน์ ไม่พบเส้นทางเข้าไปในพื้นที่ ระวางที่ดิน 4725 III 7294 - 3เลขที่ดิน 1, 19, 20 พบร่องรอยแผ้วถางเพื่อทําประโยชน์ในพื้นที่แล้วเกือบเต็มแปลง (เฉพาะแปลงเลขที่ ๑ เป็นการแผ้วถางป่าธรรมชาติซึ่งยังคงมีสภาพป่าอยู่แปลงเลขที่ 19 และ 20 ปลูกผลผลิตแล้ว) เลขที่ 2 ถึง 12 ยังคงมีสภาพเป็นป่าธรรมชาติเต็มทั้งแปลง ภาพถ่ายทางอากาศ ที่บันทึกไว้เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2519 ระวางที่ดิน 2725 III 7296 – 3 ที่ดินทุกแปลงมีสภาพ เป็นป่าธรรมชาติ ระวางที่ดิน 4725 III 7294 – 1 เลขที่ดิน 1 มีสภาพเป็นป่าธรรมชาติ แปลงเลขที่ดินที่ 2 มีการทําประโยชน์ร้อยละสามสิบ นอกนั้นมีสภาพเป็นป่าธรรมชาติ เลขที่ดิน 3, 10 ถึง 15 มีสภาพป่าธรรมชาติทั้งหมด ระวางที่ดิน 4275 III 7294 - 3 เลขที่ดินที่ 1 มีสภาพเป็นป่าธรรมชาติที่ถูกแผ้วถาง แปลงเลขที่ดิน 19 และ 20 พบร่องรอยการปลูกยางพาราอายุ 5 ปี เลขที่ดิน 2 ถึง 9 มีสภาพเป็นป่าธรรมชาติ เลขที่ดิน 10 ถึง 12 มีการแผ้วถาง ปลูกพืชผลผลิตแล้ว ภาพถ่ายทางอากาศที่บันทึกไว้เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2538 ระหว่างที่ดิน 4725 III 7296 - 3 เลขที่ดิน 1 ถึง 9 และ 18 มีร่องรอยถูกแผ้วถาง มีสภาพเป็นป่าธรรมชาติประมาณร้อยละห้าสิบ เลขที่ดินที่ 10 ถึง 17 มีร่องรอยถูกแผ้วถางทั้งแปลง ระวางที่ดิน 4725 III 7294 - 1 เลขที่ดิน 1 ถึง 3 มีร่องรอย ถูกแผ้วถางทั้งแปลง เลขที่ดิน 10 ถึง 15 ยังมีสภาพเป็นป่าธรรมชาติทั้งแปลงระวางที่ดิน 4725 III 7294 - 3 เลขที่ดิน 1 ถึง 10 และ 20 มีสภาพป่าที่ฟื้นคืนธรรมชาติเป็นลูกไม้ที่โตแล้ว เลขที่ดิน 19 เป็นสวนยางพาราทั้งแปลง ภาพถ่ายทางอากาศที่บันทึกไว้เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์2545 สภาพที่ดินทุกแปลงเป็นป่าธรรมชาติขนาดใหญ่ เลขที่ดินที่ 19 เป็นสวนยางพารา ภาพถ่าย จากดาวเทียมข้อมูลเมื่อปี 2548 เผยแพร่ข้อมูลเมื่อปี 2551 มีสภาพเหมือนภาพถ่ายที่บันทึกไว้ ในวันที่ 13 มีนาคม 2538 และ 4 กุมภาพันธ์ 2545 สรุปความเห็นผู้เชี่ยวชาญ โฉนดที่ดิน ทุกแปลงส่วนใหญ่ไม่มีการทําประโยชน์มาก่อนปี 2510 อยู่ในพื้นที่เขตภูเขาและปริมณฑลเขา 40 เมตร อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าอ่าวนาง - ป่าหางนาค (พ.ศ.2510)
นายวิภูพัฒน์ให้การต่อ คณะอนุกรรมการไต่สวน ป.ป.ช. ว่าได้รับมอบหมายจากอธิบดีกรมพัฒนาที่ดินเป็นผู้ให้ข้อมูล ข้อเท็จจริงและส่งมอบเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องต่อคณะอนุกรรมการไต่สวน ป่าไม้ถาวรซึ่งต้องห้ามมิให้ออกโฉนดที่ดินตามมาตรา 58 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน คือ ป่าที่มีมติคณะรัฐมนตรีจําแนกพื้นที่ที่จะทําการหวงห้ามไว้ ป่าไม้ถาวรของชาติ โดยกรมพัฒนาที่ดินมีอํานาจหน้าที่ ในการจําแนกประเภทที่ดินรวมถึงการกําหนดแนวเขตที่ดินถูกจําแนกเป็นป่าด้วย ตามพระราชบัญญัติ พัฒนาที่ดิน พ.ศ.2526 สืบเนื่องจากคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2504 กําหนดให้กรมที่ดินดําเนินการสํารวจจําแนกประเภทที่ดินซึ่งเป็นพื้นที่ป่าตามพระราชบัญญัติสงวน และคุ้มครอง พ.ศ.2481 ป่าที่อยู่ระหว่างสงวนและคุ้มครองและป่าซึ่งมีแผนการที่จะสงวน หรือคุ้มครอง เพื่อแบ่งแยกจําแนกพื้นที่ที่จะสงวนไว้เป็นทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ (ป่าไม้ถาวร) และพื้นที่จัดให้เกษตรกรหรือราษฎรใช้ประโยชน์เป็นที่ทํากินหรือใช้ประโยชน์อย่างอื่น แล้วนําเสนอ คณะรัฐมนตรีอีกครั้งเพื่อมีมติรับรองการจําแนกดังกล่าว ซึ่งพื้นที่สงวนเป็นทรัพยากรของประเทศ จะเรียกว่าป่าไม้ถาวร ทั้งนี้การดําเนินการจําแนกได้แบ่งแยกดําเนินการไปในแต่ละจังหวัด ในพื้นที่ตําบล หนองทะเล อําเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ เริ่มประกาศกําหนดพื้นที่ป่าถาวร ชื่อป่าอ่าวนาง - ป่าหางนาค 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อปี 2515 ตามมติสภาบริหารคณะปฏิวัติ เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2515 ประกาศให้จําแนกพื้นที่เป็นป่าไม้ถาวรในพื้นที่ที่ประกาศเป็นป่าสงวนแห่งชาติไว้แล้ว ตามหนังสือ กระทรวงพัฒนาการแห่งชาติด่วนมากที่ พก. 0802/816 ลงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2515 ครั้งที่ 2 เมื่อปี 2537 ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2537 โดยมีมติรักษาพื้นที่นอกเขต ป่าสงวนแห่งชาติป่าอ่าวนาง - ป่าหางนาค ตามที่กรมพัฒนาที่ดินได้สํารวจเพิ่มเติมตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อปี 2525 เป็นป่าไม้ถาวร ตามหนังสือกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ด่วนที่สุด ที่ กษ 0806/23128 ลงวันที่ 26 กันยายน 2537 กรมที่ดินมีอํานาจในการขีดแนวเขตป่าไม้ถาวรลงในระวางภาพถ่าย ทางอากาศกรมพัฒนาที่ดินมีอํานาจในการตรวจสอบและรับรองแนวเขตที่เจ้าหน้าที่กรมที่ดิน เป็นผู้ขีดแนวเขตป่าไม้ถาวรไว้ในระวางแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศของกรมที่ดินตามแผนที่ ภูมิประเทศ กรมแผนที่ทหาร ป่าอ่าวนาง - ป่าหางนาค บริเวณด้านทิศตะวันตกตั้งแต่แปลงสํารวจ ป่าถาวรนอกเขตป่าสงวน แปลงที่ 4 และที่ 13 บริเวณดังกล่าว แนวเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าไม้ถาวร จะจดกับแนวเขตทะเล ไม่มีพื้นที่ระหว่างเขตป่าสงวนแห่งชาติกับทะเลที่เป็นป่าไม้ถาวร กรณีพื้นที่ ซึ่งมีการประกาศเขตอุทยานแห่งชาติ เขตป่าสงวนแห่งชาติและป่าไม้ถาวรทับซ้อนในพื้นที่เดียวกัน แล้วต่อมาบริเวณพื้นที่ทับซ้อนดังกล่าวได้มีการกันออกจากเขตอุทยานแห่งชาติหรือเขตป่าสงวนแห่งชาติแต่เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น พื้นที่นั้นยังคงเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติหรืออุทยาน แห่งชาติแล้วแต่กรณี พื้นที่ที่มีการประกาศทับซ้อนยังคงเป็นเขตป่าไม้ถาวร เพราะตามหนังสือ กรมป่าไม้ ที่ กษ 0705/14952 ลงวันที่ 15 พฤษภาคม 2535 เรื่องแนวทางปฏิบัติตามมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 เมษายน 2533 นั้น กําหนดให้พื้นที่ที่มีการประกาศเขตที่ดินของรัฐ ทับซ้อนกันจะพ้นจากการเป็นเขตป่าไม้ถาวรก็ต่อเมื่อพื้นที่นั้นมีการกันออกจากเขตที่ดินของรัฐ ประเภทอื่น (ที่ไม่ใช่เขตป่าไม้ถาวร) ทุกประเภท ป่าไม้ถาวรชื่อป่าอ่าวนาง - ป่าหางนาค ในท้องที่ อําเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ ไม่ได้ใช้แนวเขตเดียวกับป่าสงวนแห่งชาติป่าอ่าวนาง - ป่าหางนาค แต่ใช้แนวเขตทางที่ได้สํารวจและจําแนกไว้ให้เป็นป่าไม้ตามมติสภาบริหารคณะปฏิวัติ เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2515
@นิติกร กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าฯชัด ออกโฉนดบนเขา
นางวนิดาให้การว่า ร่วมกับคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ผู้เชี่ยวชาญกรมที่ดิน ผู้เชี่ยวชาญในทางวิเคราะห์ภาพถ่ายและแผนที่ของสํานักงานศาลยุติธรรม ทําการตรวจสอบสภาพพื้นที่ที่เกิดเหตุในคดีนี้บริเวณป่าสงวนแห่งชาติป่าอ่าวนาง - ป่าหางนาค ตําบลหนองทะเล อําเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ พบว่าพื้นที่ที่เกิดเหตุที่มีการออกโฉนดมีลักษณะภูมิประเทศเป็นที่เขาหรือภูเขา มีสภาพเป็นป่าอุดมสมบูรณ์ เป็นป่าไม้ตามธรรมชาติขึ้นอยู่อย่างหนาแน่นโดยทั่วไป บางส่วน มีร่องรอยการทําประโยชน์อยู่บ้างเล็กน้อยซึ่งจากสภาพความจริงที่เห็นพื้นที่ดังกล่าวไม่อยู่ ในหลักเกณฑ์ที่จะออกโฉนดที่ดินได้เนื่องจากพื้นที่เป็นที่เขาหรือภูเขามีความลาดชันโดยเฉลี่ย เกินร้อยละสามสิบห้าขึ้นไป ซึ่งตามนโยบายการป่าไม้แห่งชาติ (โดยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2528) ข้อ 17 กําหนดว่ากําหนดพื้นที่ที่มีความลาดชันโดยเฉลี่ยร้อยละสามสิบห้า ขึ้นไป เป็นพื้นที่ป่าโดยไม่อนุญาตให้มีการออกโฉนดหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน์ตามประมวลกฎหมายที่ดิน อีกทั้งจากการตรวจสอบพบว่าพื้นที่ที่มีการออกโฉนดที่ดินในคดีนี้ส่วนใหญ่ไม่มีร่องรอยการทําประโยชน์มาก่อนจึงเป็นการฝ่าฝืนกฎกระทรวง ฉบับที่ 43 พ.ศ.2537 ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 ข้อ 14
@ อดีตผู้ใหญ่บ้านสารภาพ ไม่ได้ทําประโยชน์อย่างต่อเนื่อง-ลูกชายขายต่อให้นาย ตร.
นายเกษมให้การว่า เคยเป็นผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 10 ตําบลเขาทอง ต่อมาประมาณปี 2522 มีการแบ่งแยกตําบลใหม่ เปลี่ยนจากหมู่ที่ 10 เป็นหมู่ที่ 3 ตําบลหนองทะเล อําเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ นายเกษมเคยมีที่ดินอยู่ในหมู่ที่ 3 ตําบลหนองทะเล บริเวณลําห้วยอ่าวน้ำ เนื้อที่ประมาณ 20 ไร่ ทิศเหนือจดคลองหมาดหลี ทิศใต้จดลําห้วยอ่าวน้ำ ทิศตะวันออกจดป่า ทิศตะวันตกจดทะเล นายเกษมได้ที่ดิน แปลงดังกล่าวมาจากบิดา (นายเสนาะ เติบบุตร) เมื่อประมาณ 30 ปีที่ผ่านมา บิดาครอบครอง ที่ดินทําประโยชน์โดยการปลูกมะม่วงหิมพานต์ และมะพร้าว แต่ไม่ได้ผลเนื่องจากหมูป่ากัดกินเมื่อบิดายกที่ดินให้นายเกษมในช่วงแรกเข้าไปดูแลบ้างแต่ไม่ได้เข้าไปทําประโยชน์อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากทราบว่าที่ดินอยู่ในเขตป่าคุ้มครองและเป็นป่าสงวนแห่งชาติ ที่ดินแปลงนี้ไม่มีหลักฐาน การครอบครองและหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน หลังจากนายเกษมทิ้งร้างที่ดินแปลงดังกล่าวประมาณ 10 ปี ได้ยกที่ดินให้นายหล้อหิม เตบบุตร ซึ่งบุตรชายคนโต ภายหลังทราบว่านายหล้อหิมขายที่ดิน ให้กับพันตํารวจโทชลินทร์ ตามหลักฐานในการเดินสํารวจออกโฉนดที่ดินเลขที่ 39183 ระบุเนื้อที่ประมาณ 18 ไร่ มีพันตํารวจโทชลินทร์และนางวรรณพรเป็นผู้นําเดินสํารวจ นายเกษมไม่ได้ขายที่ดินแก่พันตํารวญโทชลินทร์และนางวรรณพร แต่ทราบว่าพันตํารวจโทชสินทร์ซื้อที่ดินจาก นายหล้อหิม เมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว ไม่ได้ซื้อจากนายเกษมเมื่อประมาณ 42 ปี ตามที่ปรากฏในใบไต่สวนว่า ในการออกโฉนดทุกแปลงว่าผู้ครอบครองที่ดินซื้อที่ดินจากนายเกษม ตนไม่เคยขายที่ให้บุคคลดังกล่าว
โจทก์ยังมีหนังสือกรมพัฒนาที่ดินที่ 0706/37 วันที่ 7 มกราคม 2554 เรื่องตรวจสอบพื้นที่ที่มีความลาดชันเกินร้อยละสามสิบห้า ตามเอกสารหมาย จ.63 มาสนับสนุน เอกสารดังกล่าวระบุว่า กรมพัฒนาที่ดินได้ตรวจสอบบริเวณพื้นที่ที่มีการออกโฉนดแล้วพบว่าที่ดินที่มีการออกโฉนดบางแปลงมีบางส่วนอยู่ในทะเลบางส่วนเป็นพื้นที่อยู่ในเขตเขา มีความลาดชันเกินร้อยละสามสิบห้า และมีรายงานการศึกษาสภาพพื้นที่บริเวณตําบลหนองทะเล อําเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ ตามระวางแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ ภาพที่ 15 แสดงการใช้ประโยชน์ที่ดิน พ.ศ.2538 พบว่าพื้นที่บริเวณที่มีการออกโฉนดส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ป่า พยานหลักฐานโจทก์
สอดคล้องต้องกันมีน้ำหนักมั่นคง จําเลยที่ 3 ซึ่งมีหน้าที่กํากับดูแลการสอบสวนสิทธิ และจําเลยที่ 4 มีหน้าที่สํารวจรังวัดที่ดินไม่อาจอ้างได้ว่าตรวจเพียงเอกสารการสอบสวนสิทธิแล้วเห็นว่าถูกต้อง และการรังวัดที่ดินดําเนินการไปถูกต้อง
@ข้อเท็จจริง โฉนด 33 แปลงอยู่ในเขตป่า
ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าบริเวณที่ดินที่มีการออกโฉนดที่ดิน 33 แปลงตามฟ้อง ผู้ที่นําสํารวจไม่ได้เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดิน บางแปลงมีความลาดชันเกินร้อยละสามสิบห้าอยู่ในเขตภูเขาและเขตป่าไม้ถาวร การที่จําเลยที่ 4 ทําการสํารวจรังวัดที่ดิน จําเลยที่ 3 ตรวจสอบการสอบสวนสิทธิแล้วเสนอให้มีการออกโฉนดที่ดินโดยขัดต่อประมวล กฎหมายที่ดิน จึงเป็นความผิดฐานร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทํา จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด ใช้อํานาจในตําแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดิม) และเมื่อปรับบทดังกล่าวซึ่งเป็นบทเฉพาะแล้วไม่จําต้องปรับบททั่วไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 15 ปี (เดิม) อีก
พิพากษาว่า จําเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดิม) จําคุก 15 ปี จําเลยที่ 3 และที่ 4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดิม) ประกอบมาตรา 83) การกระทําของจําเลยที่ 3 และที่ 4 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษ ทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จําคุกกระทงละ 5 ปี รวม 33 กระทง เป็นจําคุกคนละ 165 ปี แต่รวมทุกกระทงแล้วให้จําคุกคนละ 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3) ให้ยกฟ้องโจทก์สําหรับจําเลยที่ 2
สำนักข่าวอิศรารายงานว่าโฉนดทั้ง 33 แปลง ปัจจุบันขายให้แก่กลุ่มนักธุรกิจ เจ้าของโรงแรม นักการเมือง และข้าราชการระดับสูง
ข่าวเกี่ยวข้อง
ศาลจำคุก 165 ปี 2 จนท.ที่ดิน ทุจริตโฉนดรุกป่าอ่าวนาง ลงโทษสูงสุด 50 ปี-อีกคนโดน 15 ปี
อีกตัวอย่าง! โฉนดบนเขาอ่าวนาง เมียช่างรังวัด ยังไม่ถูกเพิกถอน
2 ปมใหญ่ยังไม่ถูกจัดการ - ไทม์ไลน์คดีโฉนดฉาว 33 แปลง รุกป่าอ่าวนาง
อยู่ในข่าย 26 คน! จนท.ดีเอสไอหารืออัยการปมเอาผิดเอกชนคดีโฉนดรุกป่าอ่าวนาง
INFO: เปิด 5 ขั้นตอนออกโฉนดฉาว 33 แปลง ป่าอ่าวนาง
แปลงที่ 22 โฉนดบนเขา ชื่อ‘อดีต ขรก.-เอกชน’ เกี่ยวพัน 12 คน
แปลงนี้ด้วย! โฉนดบนเขา กลุ่มเดียวกัน ป.ป.ช.ชี้มูล 3 ปี ยังไม่เพิกถอน
สูตรเดิม! แปลงที่ 20 โฉนดบนเขา นักธุรกิจ อ้างครอบครอง 67 ปี
อ้างซื้อจากนายตำรวจ ทำใบไต่สวนเท็จ โฉนดบนเขา แปลง 19 อ่าวนาง
แปลงที่ 18 ! โฉนดบนเขา อ่าวนาง อ้างครอบครอง 67 ปี ยังไม่เพิกถอน
ตัวอย่าง! โฉนดบนเขาติดทะเลแปลงนี้ กรมที่ดินยังไม่เพิกถอน หลัง ป.ป.ช.ชี้มูล 3 ปี
3 ปีหลัง ป.ป.ช.ฟันทุจริตคดีฉาวรุกป่าอ่าวนาง โฉนดยังไม่ถูกเพิกถอน-เอกชนลอยนวล?
แปลงนี้ ‘ผู้ใหญ่บ้าน’ ชงออกโฉนดชื่อตัวเอง 2 ไร่ ขายเจ้าของโรงแรม 4 ล้าน
เบื้องหลังออกโฉนดยอดเขาแปลงนี้ อ้างครอบครองมา 67 ปี เจ้าของเป็นนักธุรกิจ
ที่ดินยอดเขาแปลงนี้ อ้างครอบครองมานาน 62 ปี ก่อนออกโฉนด
อ้างปลูกไม้ผล ยางพารา 20 ปี โฉนดบนเขาแปลงนี้ 3 ไร่
อ้างครอบครองมานาน 58 ปี ที่ดินบนเขาแปลงนี้ ออกโฉนด 2 ไร่
เผยโฉมโฉนด 6 ไร่ เมียช่างรังวัด รุกป่าอ่าวนาง
ไม่นิ่งนอนใจ! 'นิพนธ์' สั่งติดตามคดีทุจริตโฉนดป่าอ่าวนางแล้ว-กรณี 'กนกวรรณ' รอเอกสารอยู่
ชัดๆอีกแปลง โฉนดบนเขา 4 ไร่ ขายนักธุรกิจ 14.5 ล. ฝีมืออดีต ขรก.กลุ่มเดิม
ทำใบไต่สวนครอบครองเท็จ! เบื้องหลังโฉนด บ.รีสอร์ทดัง คดีรุกป่าอ่าวนาง
โฉนดแปลงนี้ 4 ไร่ เจ้าของโรงแรมดังซื้อ 14 ล้าน รุกป่าอ่าวนาง
โฉนดบนเขา 5 ไร่ ออกมิชอบ คนสกุล ‘ภูเก้าล้วน’ ซื้อ 11 ล้าน คดีรุกป่าอ่าวนาง
เบื้องหลัง โฉนด 25 ไร่ เจ้าของโรงแรมดัง คดีรุกป่าอ่าวนาง ทำใบไต่สวนกรรมสิทธิ์เท็จ
เผยโฉมที่อยู่พร้อมสระว่ายน้ำ นายช่าง4 ชี้แนวเขตคดีรุกป่าอ่าวนาง เพื่อนบ้านอ้างขายแล้ว
โผล่อีกแปลง โฉนดบนเขา อดีตผู้ว่าฯซื้อ 5 ล้าน คดีรุกป่าอ่าวนาง 200 ไร่
โฉนดที่ดินบนเขา ขายให้อดีตผู้ว่าฯ คดีรุกป่าอ่าวนาง
ทำใบครอบครองเท็จ ออกโฉนด 2 ไร่ ขายให้ ส.ส.ปชป.คดีรุกป่าอ่าวนาง-เจ้าตัวแจงซื้อถูกต้อง
โฉนด 10 ไร่ คนสกุลนักการเมือง คดีรุกป่าอ่าวนาง จัดทำเอกสารเท็จ
เผยโฉม-ที่มาโฉนดตระกูลดัง 18 ไร่ คดีรุกป่าอ่าวนาง จ.กระบี่ 5 ขรก.ออกมิชอบ
เปิดคำฟ้อง-พฤติการณ์ 5 ขรก.คดีออกโฉนดป่าอ่าวนาง จ.กระบี่ 200 ไร่เอื้อเอกชน 31 ราย
เผยชื่อ 4 อดีต ขรก.! อัยการสั่งฟ้องคดีทุจริตออกโฉนดทับป่าอ่าวนาง จ.กระบี่-ขาด 1 คน
อัยการสูงสุดสั่งฟ้อง 5 ขรก.คดีออกโฉนดรุกป่าอ่าวนาง จ.กระบี่-ฟันเพิ่มเอกชนสนับสนุนทุจริต
คดีออกโฉนดกลุ่มทุนรุก'อ่าวนาง'อืด! ผู้ร้องรุดทวงถามอัยการ ‘10 ปียังเอาผิดใครไม่ได้’
อัยการเจ้าของสำนวนเห็นสั่งฟ้องกราวรูด 42 คน คดีออกโฉนด 39 แปลงป่าอ่าวนาง จ.กระบี่
รายละเอียดโฉนด 39 แปลง จ.กระบี่ ในข่ายถูก ป.ป.ช.ชี้มูล ใครเป็นเจ้าของบ้าง?
ปมโฉนด จ.กระบี่!ป.ป.ช.ฟันร้ายแรง 5 จนท.ทุจริต เพิกถอน 39 แปลง-ของ ส.ส.ด้วย
3 กลุ่มทุนผู้ถือครองที่ดินแปลงใหญ่ จ.กระบี่ เป็นใคร?
รายชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ โฉนด จ.กระบี่ 42 แปลง - เจ้าของ รร.ดังคนเดียว 10 ฉบับ
เจาะปมโฉนด 33 แปลงในป่า จ.กระบี่ ผ่าน 10 ปี ยังไม่เพิกถอน - คนทุจริต สบายดี?
โชว์หนังสือรองอธิบดี หัก‘ดีเอสไอ-กมธ.สภาฯ’ไม่เพิกถอนโฉนด จ.กระบี่ 33 แปลง
ดูเพลินๆ ภาพถ่ายดาวเทียมที่ดิน อดีต ส.ส.-นักธุรกิจ จ.กระบี่ ‘สีเขียว’พรึบเต็มแปลง
เปิดผลสอบโฉนด จ.กระบี่ 51 แปลง ฉบับกรมที่ดิน ชัด อดีต ส.ส.อยู่ในป่าสงวน
อดีต ส.ส.ปชป.รับที่ดินกระบี่ 2 ไร่ถูกดีเอสไอสอบเป็นของตัวเอง-ร่วมหุ้นเพื่อนซื้อหลายแปลง
‘ให้ระวังตัวเองดีๆ’อธิบดีกรมที่ดินสั่ง‘ผู้ร้อง’หลังรู้ชื่อขาใหญ่ออกโฉนดในป่า จ.กระบี่
เปิดชื่อ 23 คนยื่นออกโฉนด 33 แปลงบนเขา จ.กระบี่ สกุลดัง-อดีต ส.ส.ปชป.เจ้าของ
วิวสวย ป่าสมบูรณ์! ‘อิศรา’ลงพื้นที่ บ้านทับแขก จ.กระบี่ ออกโฉนดบนเขา 51 แปลง
เปิดผลสอบดีเอสไอมัดโฉนด 31 แปลง จ.กระบี่ อยู่บนเขา- ซี 7 กับพวก 5 คนส่อทุจริต
ฮุบที่ดินริมหาด จ.กระบี่ ออกโฉนด 200 ไร่ 1,000 ล. ร้องคดีไม่คืบ - 5 จนท.เอี่ยว
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage