ศาลจำคุก 165 ปี 2 จนท.ที่ดิน ทุจริตโฉนดรุกป่าอ่าวนาง ลงโทษสูงสุด 50 ปี-อีกคนโดน 15 ปี

piclandassssss1 5 63

โดน 3 คน ! ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 จำคุก 2 อดีต จนท.กรมที่ดิน ทุจริตออกโฉนดรุกป่าอ่าวนาง-หางนาค จ.กระบี่ 33 แปลงพันล. กระทงละ 5 ปี รวม 165 ปี สูงสุด 50 ปี ขณะที่ ขรก. กรมอุทยานฯ 15 ปี อีก 1 คน ซี 7 ยกฟ้อง เหตุเกษียณอายุแล้วเกิน 2 ปี ป.ป.ช.ไม่มีอำนาจสอบสวน

.......................

ภายหลังจากที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดเจ้าหน้าที่รัฐจำนวน 4 คนร่วมกันทุจริตออกโฉนดที่ดินบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ป่าอ่าวนาง – หางนาค จ.กระบี่ จำนวน 33 แปลง เนื้อที่รวมประมาณ 200 ไร่ มูลค่านับพันล้านบาท (ออกไปแล้ว 33 แปลง , อยู่ระหว่างดำเนินการออก 6 แปลง และแบ่งแยกจากเดิม 3 แปลง รวมทั้งสิ้น 42 แปลง) ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดส่งฟ้องต่อศาล ต่อมา 20 พ.ย. 2562 พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามทุจริต 1 ภาค 8 นำตัวอดีตข้าราชการ 4 คน ส่งฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 ตามที่สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org เสนอข่าวเรื่องนี้ตั้งแต่ปี 2560 จนถึงปี 2563

picpedwsssss1 5 63

ความคืบหน้าในเรื่องนี้ ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 ก.ย.2563 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 มีคำพิพากษาจำคุกอดีตข้าราชการ 3 คน ในอัตราโทษ คนละ 15 –165 ปี โดยให้จำคุกสูงสุด 50 ปี รายละเอียดดังนี้

คดีอาญาระหว่าง อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ นายสถาพร โกมาศ จำเลยที่ 1 นายอำนาจ เลิศไกร จำเลยที่ 2 นางสาวศศิธร หรือ วรภร สมสะอาด จำเลยที่ 3 นายสมมาศ ประดับเพชร จำเลยที่ 4 เรื่อง ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ขณะเกิดเหตุ

จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าพนักงานตำแหน่งนายช่างสำรวจ 4 สำนักฟื้นฟูพัฒนาพื้นที่อนุรักษ์ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับมอบหมายให้ชี้กันแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติและเขตอุทยานแห่งชาติเพื่อสนับสนุนหน้าที่โครงการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินตามแผนปฎิบัติการแปลงสินทรัพย์เป็นทุนประจำปีงบประมาณ 2548 ระยะ2 ปฎิบัติหน้าที้ทำการรังวัด ระวังชี้รับรองแนวเขตป่าไม้ลงในระวางรูปถ่ายทางอากาศมาตราส่วน 1 ต่อ 4,000 ของกรมที่ดิน

จำเลยที่ 2 เป็นเจ้าหน้าที่บริหารที่ดิน 7 สำนักมาตรฐานการออกหนังสือสำคัญ สังกัดกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย ปฎิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการศูนย์เดินสำรวจการออกโฉนดที่ดินจังหวัดกระบี่ มีหน้าที่ออกโฉนดที่ดินตามโครงการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินจังหวัดกระบี่

จำเลยที่ 3 เป็นเจ้าพนักงานตำแหน่งเจ้าหน้าที่ที่ดิน 5 สำนักมาตรฐานการออกหนังสือสำคัญ สังกัดกรมที่ดิน ปฎิบัติหน้าที่ผู้กำกับการเดินสำรวจ มีหน้าที่ตรวจสอบการสอบสวนสิทธิลงนามในใบไต่สวนสิทธิ

จำเลยที่ 4 เป็นเจ้าหน้าที่ ตำแหน่งนายช่างรังวัด 4 สำนักมาตราการออกหนังสือสำคัญ สังกัดกรมที่ดิน ปฎิบัติหน้าที่ผู้กำกับการเดินสำรวจมีหน้าที่ตรวจสอบการสอบสวนสิทธิ์ลงนามในใบไต่สวนสิทธิ์นายธวัชชัย ทับทิมทอง และนายนิคม หิรัญโรจน์ เป็นเจ้าพนักงานตำแหน่ง เจ้าหน้าที่ที่ดิน 4 สำนักมาตรฐานการออกหนังสือสำคัญ สังกัดกรมที่ดิน ปฎิบัติหน้าที่สอบสวนสิทธิลงนามในใบไต่สวนสิทธิ ตรวจสอบเจ้าของที่ดินข้างเคียงและสอบสวนผู้ปกครองท้องที่ในการเดินสำรวจเพื่อออกโฉนดที่ดิน ศูนย์การเดินสำรวจการออกโฉนดที่ดินจังหวัดกระบี่

ทั้งหมดได้ออกเอกสารสิทธิโฉนดที่ดินทับพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าอ่าวนาง-นาคโดยมิชอบร่วมกับ กับ พ.ต.ท.ชลินทร์ วิชัยดิษฐ์ นายโกศล บุญพ่อมี นางศศิพันธ์ เอียดเอื้อ นางสุภา หิรัญโรจน์ นายนิคม คงทุ่ม นางสุวรรณา ลือประสงค์จิตร นางวนิดา รัตนมณี หรือ รัตตมณี นายปคุณ บุญยเกียรติ นายชูศิลป์ วะนา นางวิชุดา จันทโร นางสาวธัญยพร จันทโร นายอุดมศักดิ์ ช่วยรุย นายกรกฏ กิงเล็ก นางวรรณทนงค์ คงทุ่ม นายบริรักษ์ เกบุตร นายพงพันธ์ สืบศิริวิริยะกุล นายสุทัศน์ เหล่าสกุล จ่าสิบตำรวจเอกราช คงเจริญนางสมทบ มนัสวโรวงศ์ นายก่อเฉ็ม บุตรหลี นายสมเกียรติ คงทุ่ม นายนิคม โสภี นายสมชาย ดอกพุฒ นายบรรจบ บุตรธรรม นางเพ็ญศรี ไตรวิชช์ปัญญา นางจินตนา ทับทิมทอง นางสมจิตต์ ศิริคำ จ่าตรีหญิงศรีปราชญ์ ทองดี นางสาวปรีดาพร พืชพันธ์ นายนนทศักดิ์ มาลาสา นายกำธร อร่ามรุ่งโรจน์ เพื่อให้ทุกคนได้ไปซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ที่ป่าสงวนแห่งชาติอ่าวนาง-หางนาค ซึ่งผิด พ.ร.บ. จึงเป็นความผิดฐานร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดิม)และเมื่อปรับบทดั่งกล่าวซึ่งเป็นบทเฉพาะแล้วไม่จำเป็นต้องปรับบททั่วไป ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157(เดิม)อีก

พิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดิม) จำคุก 15 ปี

จำเลยที่ 3 และ 4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 (เดิม) ประกอบมาตรา 83 การกระทำของจำเลย ที่ 3 และที่ 4 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 33 กระทง เป็นจำคุกคนละ 165 ปี แต่รวมทุกกระทงแล้วให้จำคุกคนละ 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 (3) ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2

จำเลยที่ 2 ขาดอายุความ เนื่องจาก จำเลยที่ 2 พ้นจากราชการเนื่องจากอายุครบ 60 ปี เมื่อสิ้นปีงบประมาณ 2538 คือวันที่ 30 ก.ย.2538 คดีนี้มีการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.2551 กรมสอบสวนคดีพิเศษทำหนังสือกล่าวหา จำเลยที่ 2 ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.เมื่อวันที่ 20 มี.ค.2552 เป็นเวลาพ้นกำหนด 2 ปี นับแต่จำเลยที่ 2 พ้นจากการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ย่อมมีผลทำให้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ไม่มีอำนาจรับสำนวนไว้สอบสวน โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2

picpedwsssss001 5 63

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 2563 นี้ นายจำรูญ เกิดดำ ประธานเครือข่ายอนุรักษ์พื้นที่อ่าวไทย-อันดามัน เปิดเผยว่า ได้รับการร้องขอจากนางแสงระวี บงกชมาศ ผู้ร้องในคดี เจ้าหน้าที่และเจ้าของที่ดินออกเอกสารสิทธิ์มิชอบทับป่าสงวนแห่งชาติปาอ่าวนาง-หางนาค ให้ไปพบพนักงานอัยการคดีปราบปรามทุจริตภาค 8 จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ สำนักงานอัยการคดีปราบปรามทุจริตภาค 8 นายเชษฐวิทย์ ตันติพันธุ์วดี อธิบดีอัยการคดีปราบปรามทุจริตภาค 8 ได้สำเนาคำพิพากษาคดีดังกล่าวว่า ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 ได้อ่านคำพิพากษาแล้ว และได้แจ้งความเคลื่อนไหวของคดีนี้ต่อนางแสงระวี แล้ว ซึ่งนางแสงระวี ได้ชื่นชม อัยการคดีปราบปรามทุจริต ภาค 8 ที่มีความตั้งใจมีความกล้าหาญในการเสนอสำนวนต่ออัยการสูงสุดในประเด็นที่เห็นการกระทำความผิดของพนักงานเหน้าที่รัฐ ที่มากกว่า การปฎิบัติหน้าที่หรือเว้นเว้นปฎิบัติหน้าที่ โดยมิชอบ หรือ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 แต่ พฤติการณ์แห่งการเกิดคดีเข้าประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 151 ซึ่งมีโทษสูง กว่า มาตรา 157 และเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า การนำสืบของพนักงานอัยการชี้ประเด็นให้ศาลเห็นถึงขนวนการที่ซับซ้อนแบ่งหน้าที่กันทำเพื่อหวังหุบเอาที่ดินป่าไม้สาธารณะเป็นสมบัติส่วนตัว

“ผมถามลงรายละเอียดว่าอัยการที่มีความเห็นเด็ดขาดในการสั่งคดีนี้คือใคร ได้รับคำตอบว่านายเข็มชัย ชุติวงศ์ อัยการสูงสุด ท่านที่ผ่านมา ส่วนผู้ร่วมกระทำความผิดที่เป็นเจ้าของที่ดินทั้งหลายเชื่อว่า พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จะสั่งฟ้องในต้นปี 2564 แน่ และเชื่อในความสื่อสัตย์ของอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษท่านนี้”

สำนักข่าวอิศรารายงานว่าคดีนี้เนื่องจากมีนางแสงระวี บงกชมาศ ผู้ร้องทุกข์ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม ซึ่งเวลาต่อมามีการตั้งคณะเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษสืบสวนสอบสวน และ กรมสอบสวนคดีพิเศษรับเป็นคดีพิเศษสอบสวน พบการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องจึงส่งสำนวนชี้มูลความผิดไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในเวลาต่อมา ป.ป.ช. ได้ตั้งอนุกรรมการขึ้นมาไต่สวนเป็นเวลาหลายปี หลายคณะอนุกรรมการ หลังจากคณะสุดท้ายได้ไต่สวนพบการกระทำความผิดว่า เจ้าหน้าที่ปฎิบัติหน้าที่หรือละเว้นปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ส่งให้ อัยการสูงสุดดำเนินคดี โดยที่อัยการสูงสุดได้ส่งสำนวนให้ อัยการคดีปราบปรามทุจริตภาค 8 พิจารณา ซึ่งคณะพนักงานอัยการมีความเห็นว่า คณะเจ้าหน้าที่น่าจะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 จึงเสนอสำนวนกลับไปยังอัยการสูงสุดพิจารณาซึ่งในเวลาต่อมาอัยการสูงสุดมีคำสั่งเด็ดขาดให้ สั่งฟ้อง คณะเจ้าหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151ตามความเห็นของคณะพนักงานอัยการคดีปราบปรามการทุจริตภาค 8 และ ป.ป.ช.ส่งสำนวนให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ดำเนินคดีกับกลุ่มเอกชนที่เป็นเจ้าของที่ดิน ซึ่งการเอาผิดกับเอกชนขณะนี้ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ สำนักคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้พิจารณาแยกสำนวนฟ้อง เป็น 23 สำนวนคดี เรียกผู้ต้องหาทั้งหมดมารับทราบข้อกล่าวหาและอยู่ระหว่างการเรียบเรียงสำนวนสอบสวนเพื่อส่งให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษพิจารณาสำนวนคดีต่อไป

ข่าวเกี่ยวข้อง

อีกตัวอย่าง! โฉนดบนเขาอ่าวนาง เมียช่างรังวัด ยังไม่ถูกเพิกถอน

2 ปมใหญ่ยังไม่ถูกจัดการ - ไทม์ไลน์คดีโฉนดฉาว 33 แปลง รุกป่าอ่าวนาง

อยู่ในข่าย 26 คน! จนท.ดีเอสไอหารืออัยการปมเอาผิดเอกชนคดีโฉนดรุกป่าอ่าวนาง

INFO: เปิด 5 ขั้นตอนออกโฉนดฉาว 33 แปลง ป่าอ่าวนาง

แปลงที่ 22 โฉนดบนเขา ชื่อ‘อดีต ขรก.-เอกชน’ เกี่ยวพัน 12 คน

แปลงนี้ด้วย! โฉนดบนเขา กลุ่มเดียวกัน ป.ป.ช.ชี้มูล 3 ปี ยังไม่เพิกถอน

สูตรเดิม! แปลงที่ 20 โฉนดบนเขา นักธุรกิจ อ้างครอบครอง 67 ปี

อ้างซื้อจากนายตำรวจ ทำใบไต่สวนเท็จ โฉนดบนเขา แปลง 19 อ่าวนาง

แปลงที่ 18 ! โฉนดบนเขา อ่าวนาง อ้างครอบครอง 67 ปี ยังไม่เพิกถอน

ตัวอย่าง! โฉนดบนเขาติดทะเลแปลงนี้ กรมที่ดินยังไม่เพิกถอน หลัง ป.ป.ช.ชี้มูล 3 ปี

3 ปีหลัง ป.ป.ช.ฟันทุจริตคดีฉาวรุกป่าอ่าวนาง โฉนดยังไม่ถูกเพิกถอน-เอกชนลอยนวล?