พลิกโพรไฟล์-ธุรกิจ 2 ส.ส.เพื่อไทย ‘อนุรักษ์ บุญศล-อาภรณ์ สาราคำ’ ถอนชื่อ ‘โค้งสุดท้าย’ ส่งผล ‘สิระ เจนจาคะ’ รอดไม่ถูกศาล รธน.วินิจฉัยชี้ขาดสถานะ ส.ส. กรณีถูกกล่าวหาเคยติดคุกคดีฉ้อโกงปี 39 - ด้านเจ้าตัวแถลงแจงยืนยันส่งรายชื่อเข้าไปใหม่แล้ว
...........................
เมื่อวันที่ 7 ม.ค. 2564 ที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญเผยแพร่เอกสารข่าวเกี่ยวกับความคืบหน้าในการรับคำร้อง-นัดฟังคำวินิจฉัยคดีที่ถูกกล่าวหาว่าขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญปี 2560 โดยมีประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจคือ กรณีศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้อง ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผู้ร้อง ที่รับคำร้องจาก ส.ส.ฝ่ายค้าน 50 รายร่วมลงชื่อ ขอให้วินิจฉัยสถานะ ส.ส. ของนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ กรณีเคยถูกศาลแขวงปทุมวันพิพากษาลงโทษจำคุก 4 เดือน คดีฉ้อโกง
อย่างไรก็ดีระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องไว้วินิจฉัย มีประเด็น ‘เทคนิคกฎหมาย’ เกิดขึ้น กล่าวคือ ในการยื่นคำร้องเพิ่มเติม ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2563 นางอนุรักษ์ บุญศล ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย และนางอาภรณ์ สาราคำ ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ‘ถอนชื่อ’ ในคำร้องดังกล่าว ส่งผลให้เหลือผู้ร้องเพียง 48 ราย จากจำนวน ส.ส.ในสภา 487 ราย ทำให้จำนวนไม่ถึง 1 ใน 10 ตามรัฐธรรมนูญที่จะยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญตามมาตรา 82 ได้ ศาลรัฐธรรมนูญจึงมีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย (อ่านประกอบ : 2 ส.ส.เพื่อไทยถอนชื่อโค้งสุดท้าย! ศาล รธน.ไม่รับคำร้องชี้ขาด‘สิระ’ปมเคยติดคุก)
กรณีดังกล่าวเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากจากบรรดาผู้สนับสนุนฝ่ายค้าน ร้อนถึงนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ออกโรงชี้แจงเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2564 ชี้แจงว่า คำร้องดังกล่าวนำโดย พล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และคณะ ร่วมลงชื่อ อย่างไรก็ดีระหว่างนั้นฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยได้ตรวจสอบคำร้อง และ ส.ส. ร่วมลงชื่อจนครบถ้วน ต่อมามีการให้สัมภาษณ์ทำนองว่าจะดำเนินคดีกับ ส.ส.ที่ร่วมลงชื่อ ด้วยความสับสนดังกล่าวทำให้ ส.ส.จำนวนหนึ่งถอนชื่อออก อย่างไรก็ดีพรรคเพื่อไทยขอยืนยันและแสดงเจตจำนงว่าจะร่วมกับพรรคเสรีรวมไทย และพรรคร่วมฝ่ายค้านอื่น เพื่อร่วมลงชื่อเสนอคำร้องดังกล่าวต่อศาลรัฐธรรมนูญอีกครั้งโดยเร็ว (อ้างอิงข้อมูลจาก ไทยโพสต์ออนไลน์ : https://www.thaipost.net/main/detail/89165)
หลายคนอาจยังไม่รู้จักว่า นางอนุรักษ์ บุญศล และนางอาภรณ์ สาราคำ คือใคร?
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) สืบค้นข้อมูลมาให้ทราบ ดังนี้
(นางอนุรักษ์ บุญศล, ภาพจากเว็บไซต์รัฐสภา)
นางอนุรักษ์ บุญศล คือภริยาของนายพงษ์ศักดิ์ บุญศล อดีตนักการเมืองดัง จ.สกลนคร ยุคพรรคไทยรักไทย เป็นอดีตเครือข่าย ‘อีสานพัฒนา’ รุ่นเดอะ อย่างไรก็ดีเมื่อปี 2552 นายพงษ์ศักดิ์ ถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตัดสินให้ใบแดง และจัดให้มีการเลือกตั้งซ่อม จึงให้นางอนุรักษ์ ภริยาลงเลือกตั้งในสังกัดพรรคเพื่อไทย จนได้รับเลือกตั้งในที่สุด และได้รับเลือกตั้งเรื่อยมารวม 3 สมัย (นับถึงเลือกตั้งปี 2562)
ปัจจุบันนางอนุรักษ์ นอกเหนือจากเป็น ส.ส. แล้วยังมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร, กมธ.แก้ไขปัญหาหนี้สินแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร, กมธ.วิสามัญ พิจารณาศึกษาแนวทางในการบริหารจัดการชำระหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร
ข้อมูลในบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน นางอนุรักษ์ บุญศล แจ้งกรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2562 มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 164,838,312 บาท มีหนี้สินทั้งสิ้น 72,150,270 บาท
ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2564 ไม่ปรากฏชื่อนางอนุรักษ์ บุญศล เป็นกรรมการบริษัทแห่งใด แต่ในส่วนของนายพงษ์ศักดิ์ บุญศล คู่สมรส เป็นกรรมการบริษัท/หจก.อย่างน้อย 4 แห่ง (เท่าที่ตรวจสอบพบ) ได้แก่
1.บริษัท เครือทรัพย์ ปิโตรเลียม จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 23 ม.ค. 2551 ทุนปัจจุบัน 7 ล้านบาท แจ้งประกอบธุรกิจขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิง ตั้งอยู่ที่ 86 ม.10 ต.บงใต้ อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ปรากฏชื่อนายพงษ์ศักดิ์ บุญศล เป็นกรรมการรายเดียว
รายชื่อผู้ถือหุ้นล่าสุดเมื่อ 30 เม.ย. 2563 มีนายพงษ์ศักดิ์ บุญศล ถือหุ้นใหญ่สุด 58,000 หุ้น (82.8571%) น.ส.วงศ์อะเคื้อ บุญศล ถือ 6,000 หุ้น (8.5714%) และ น.ส.อภิญญ์พงษ์ บุญศล ถือ 6,000 หุ้น (8.5714%)
แจ้งงบการเงินล่าสุดเมื่อปี 2562 มีรายได้รวม 76,245,453 บาท ต้นทุนการขายและบริการ 73,891,854 บาท ค่าใช้จ่ายดำเนินงาน 4,184,308 บาท ขาดทุนสุทธิ 1,830,709 บาท
2.หจก.ราชิกา แกรนด์ทัวร์ จดทะเบียนเมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 2555 ทุนปัจจุบัน 2 ล้านบาท แจ้งประกอบธุรกิจขายส่งเชื้อเพลิงเหลว ตั้งอยู่ที่ 86/2 ม.10 ต.บงใต้ อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ปรากฏชื่อ น.ส.วงศ์อะเคื้อ บุญศล และนายพงษ์ศักดิ์ บุญศล เป็นหุ้นส่วน มี น.ส.วงศ์อะเคื้อ บุญศล เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ
แจ้งงบการเงินล่าสุดเมื่อปี 2562 มีรายได้รวม 52,500 บาท รายจ่ายรวม 70,563 บาท ขาดทุนสุทธิ 18,063 บาท
3.หจก.เครือบุญ ปิโตรเลียม จดทะเบียนเมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2554 ทุนปัจจุบัน 1 ล้านบาท แจ้งประกอบธุรกิจร้านสะดวกซื้อ มินิมาร์ท ตั้งอยู่ที่ 86/1 หมู่บ้านชุมชัย ม.10 ต.บงใต้ อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ปรากฏชื่อนายพงษ์ศักดิ์ บุญศล และ น.ส.อภิญญ์พงษ์ บุญศล เป็นหุ้นส่วน มีนายพงษ์ศักดิ์ บุญศล เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ
แจ้งงบการเงินล่าสุดเมื่อปี 2562 มีรายได้รวม 4,833,567 บาท รายจ่ายรวม 3,650,345 บาท เสียภาษีเงินได้ 130,988 บาท กำไรสุทธิ 1,038,672 บาท
4.บริษัท รักษ์พงษ์ไพศาล จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 24 ก.ค. 2556 ทุนปัจจุบัน 4 ล้านบาท แจ้งประกอบธุรกิจการซื้อและการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นของตนเองที่ไม่ใช่เพื่อที่พักอาศัย ตั้งอยู่ที่ 223 ม.6 ต.สว่างแดนดิน อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร (ที่อยู่เดียวกับสถานที่ติดต่อนางอนุรักษ์ บุญศล ที่แจ้งต่อสภาผู้แทนราษฎร) ปรากฏชื่อนายพงษ์ศักดิ์ บุญศล เป็นกรรมการรายเดียว
รายชื่อผู้ถือหุ้นล่าสุดเมื่อ 30 เม.ย. 2563 นายพงษ์ศักดิ์ บุญศล ถือหุ้นใหญ่สุด 28,000 หุ้น (70%) น.ส.วงศ์อะเคื้อ บุญศล ถือ 6,000 หุ้น (15%) และ น.ส.อภิญญ์พงษ์ บุญศล ถือ 6,000 หุ้น (15%)
แจ้งงบการเงินล่าสุดเมื่อปี 2562 ไม่มีรายได้ มีรายจ่ายรวม 7,000 บาท ขาดทุนสุทธิ 7,000 บาท
(นางอาภรณ์ สาราคำ, ภาพจากเว็บไซต์รัฐสภา)
นางอาภรณ์ สาราคำ คือภริยาของนายขวัญชัย สาราคำ หรือขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดรฯ แกนนำกลุ่ม นปช.ชื่อดังในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีอิทธิพลและบทบาทในการเคลื่อนไหวของกลุ่ม ‘แดงอีสาน’ ปัจจุบันยังไม่มีความเคลื่อนไหวทางการเมืองจากกลุ่ม ‘ชมรมคนรักอุดรฯ’ ส่วนนางอาภรณ์ ช่วงปี 2557 เคยดำรงตำแหน่ง ส.ว.อุดรธานี ช่วงสั้น ๆ ก่อนเกิดรัฐประหาร
ปัจจุบันนางอาภรณ์ นอกเหนือจากเป็น ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทยแล้ว ยังนั่งเก้าอี้เลขานุการ กมธ.กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร อีกตำแหน่งด้วย
ข้อมูลบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของนางอาภรณ์ สาราคำ กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส. เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2562 แจ้งว่ามีทรัพย์สินทั้งสิ้น 34,113,971 บาท หนี้สินทั้งสิ้น 12,964,653 บาท
ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า นางอาภรณ์ สาราคำ เคยเป็นหุ้นส่วนใน หจก. อย่างน้อย 1 แห่ง ส่วนนายขวัญชัย มีชื่อเป็นกรรมการบริษัท/หจก. อย่างน้อย 3 แห่ง (เท่าที่ตรวจสอบพบ) โดยแจ้งเสร็จชำระบัญชีแล้ว 2 แห่ง ถูกนายทะเบียนขีดชื่อว่าร้าง 1 แห่ง ได้แก่
1.บริษัท สถานีคลื่นมวลชนสัมพันธ์ จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 29 ม.ค. 2551 ทุน 1,579,000 บาท แจ้งเสร็จชำระบัญชี ประกอบกิจการสถานีวิทยุชุมชน ตั้งอยู่ที่ 297/3 ม.9 ซ.บ้านหนองเหล็ก ต.หมากแข้ง อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี มีนายขวัญชัย สาราคำ เป็นกรรมการรายเดียว
2.หจก.สุชิดา จดทะเบียนเมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2533 ทุน 100,000 บาท แจ้งเสร็จชำระบัญชี ประกอบกิจการขายส่งสินค้าทั่วไปโดยได้รับค่าตอบแทนหรือตามสัญญาจ้าง ตั้งอยู่ที่ 316 ม.9 ต.โพธิ์ชัย อ.เมืองหนองคาย จ.หนองคาย มีนายพงศ์พนัส ปรีดาสวัสดิ์ และนายขวัญชัย สาราคา เป็นหุ้นส่วน นายพงศ์พนัส ปรีดาสวัสดิ์ เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ
3.หจก.ซี.เอ็ม แอ็ดเวอร์ไทซิ่ง จดทะเบียนเมื่อวันที่ 7 ม.ค. 2540 ทุน 1 ล้านบาท แจ้งสถานะว่าร้าง ประกอบกิจการออกอากาศทางวิทยุกระจายเสียง (ยกเว้นทางออนไลน์) ตั้งอยู่ที่ 71/46-47 ม.4 ต.ในเมือง อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น มีนางอาภรณ์ สาราคำ และนายขวัญชัย สาราคำ เป็นหุ้นส่วน มีนายขวัญชัย สาราคำ เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ
สำหรับนายขวัญชัยนั้น ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหา-จำเลยหลายคดีนับตั้งแต่มีบทบาทเป็นแกนนำ นปช.ภาคอีสาน โดยคดีล่าสุดคือศาลฎีกาพิพากษาลงโทษจำคุกนายขวัญชัย 2 ปี คดีพยายามฆ่า ทำร้ายผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส และทำให้เสียทรัพย์ กรณีนำกลุ่มมวลชนไปประท้วงต่อต้านเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ เมื่อ 24 ก.ค. 2551 ที่สวนสาธารณะหนองประจักษ์ศิลปาคม เทศบาลเมืองอุดรธานี โดยพ้นโทษออกมาเมื่อปี 2561
ทั้งหมดคือโพรไฟล์โดยสังเขปของ 2 ส.ส.เพื่อไทยที่ ‘ถอนชื่อ’ ในช่วง ‘โค้งสุดท้าย’ ในคดีกล่าวหานายสิระ ส่งผลให้ศาลรัฐธรรมนูญไม่สามารถรับไว้วินิจฉัยได้ เนื่องจากผู้ร่วมลงชื่อไม่ครบตามรัฐธรรมนูญ
ความคืบหน้ากรณีนี้ เมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2564 นางอนุรักษ์ บุญศล และนางอาภรณ์ สาราคำ เฟซบุ๊กไลฟ์แถลงร่วมกันชี้แจงถึงกรณีการถอนชื่อออกจากคำร้องดังกล่าว โดยนางอนุรักษ์ กล่าวว่า เมื่อญัตติมาถึงมือตนเซ็นชื่อกับเพื่อนหลายคน แต่วันต่อมามีหลายกระแส หนึ่งคือไม่ได้เป็นมติของพรรคเพื่อไทย พวกเรา 2 คน จึงไปถอนรายชื่อออก แต่เมื่อทราบว่ารายชื่อไม่ครบ ตนยืนยันรายชื่อเข้าไปใหม่ ดังนั้นข่าวที่ออกมาไม่จบกระบวนความ เพราะพวกเรา 2 คน ได้ยื่นเข้าไปใหม่อีกครั้ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย (สร.) ได้ให้สัมภาษณ์ยืนยันกรณีนี้ ทั้งนี้เราไม่มีผลประโยชน์ใด ๆ ทั้งทางตรง และทางอ้อมเลย เรายังยึดมั่นในอุดมการณ์ประชาธิปไตยอย่างมั่นคง และแม่นมั่น ตั้งแต่ไทยรักไทย มาพลังประชาชน มาเพื่อไทย ขอให้ความเป็นธรรมกับเรา 2 คนด้วย
เมื่อถามว่าจากนี้จะมีการฟ้องร้องคนที่มาใส่ร้ายหรือไม่ นางอนุรักษ์ กล่าวว่า แน่นอน ถ้าเหยียบย่ำศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หัวใจเรามีเลือดเนื้อมีความรู้สึก จำเป็นต้องโต้ตอบด้วย กรณีนี้ซึ่งเราไม่ได้มีเจตนาที่จะหาเรื่อง แต่เราขอทวงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หากมีการให้ลงชื่ออีก นางอาภรณ์ จะเซ็นชื่อเป็นคนแรก และตนจะเซ็นชื่อเป็นคนที่สอง และพรรคเพื่อไทยยืนยันที่จะลงชื่อถอดถอนนายสิระ ได้มีการแจ้งให้สมาชิกไปลงชื่อแล้ว คิดว่าจะได้มากกว่า 50 รายชื่อด้วย
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/