"....สำนักข่าวอิศรา ได้รับการเปิดเผยข้อมูลว่า เกี่ยวกับแนวโน้มผลสรุปการตรวจสอบเรื่องนี้ กรณีที่ไม่สามารถยืนยันได้ว่า ซากกระดูกที่พบเป็นของเก้งตัวแรกหรือไม่ จะมีการระบุสาเหตุเพิ่มเติมขึ้นมาอีก 1 กรณี คือ ลูกเก้งหลุดออกไปแล้วถูกดินถล่มทับทำให้เสียชีวิต โดยสันนิฐานจากภาพถ่ายซากกระดูกที่ตรวจพบมีดินทับอยู่ แต่ในประเด็นนี้ ก็มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของบอร์ดองค์การสวนสัตว์บางรายที่ยังมีข้อสงสัยอยู่ และจะมีการเสนอขอมติที่ประชุม ให้มีการส่งซากกระดูกเก้งไปตรวจสอบหาดีเอ็นเอ เพื่อยืนยันข้อเท็จจริงให้สิ้นความสงสัยด้วย ซึ่งล่าสุดมีการประสานงานนอกรอบกับผู้บริหาร กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพื่อดำเนินการในเรื่องนี้แล้ว ...."
.....................
ในวันที่ 6 ต.ค.2563 นี้ คณะกรรมการ (บอร์ด) องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ มีนัดหมายประชุมวาระด่วน เพื่อพิจารณาผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีลูกเก้งเผือกสายพันธุ์พระราชทาน ที่สวนสัตว์สงขลา จำนวน 1 ตัว หายไปจากสวนสัตว์อย่างไร้ร่องรอยช่วงเดือน ก.พ. 2563 ที่กำลังอยู่ในความสนใจของสาธารณชน ณ ขณะนี้
หลังเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เมื่อ นายสุริยา แสงพงค์ ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ลงพื้นที่ไปติดตามตรวจสอบข้อมูลกรณีนี้ด้วยตนเอง ได้ถูกนายสัตวแพทย์ภูวดล สุวรรณะ หัวหน้าฝ่ายอนุรักษ์ วิจัยและสุขภาพสัตว์ สวนสัตว์สงขลา ใช้อาวุธปืนยิงในช่วงสายวันที่ 3 ต.ค.2563 ส่งผลทำให้ นายสุริยา แสงพงค์ เสียชีวิต ขณะที่ นายสัตวแพทย์ภูวดล สุวรรณะ ซึ่งเป็นผู้ลงมือก่อเหตุยิง นายสุริยา จนเสียชีวิต ได้ยิงตัวเองเสียชีวิตที่บ้านพักในสวนสัตว์สงขลาในเวลาต่อมา
ขณะที่ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้รับการยืนยันข้อมูลจากแหล่งข่าวจากองค์การสวนสัตว์ฯ ก่อนหน้านี้ ว่า คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง มีแนวโน้มสรุปผลออกมาเป็น 2 แนวทาง กรณีที่ไม่สามารถยืนยันได้ว่า ซากกระดูกที่พบเป็นของเก้งตัวแรกหรือไม่ คือ 1.เก้งหลุดออกไปจากสถานที่เลี้ยงเองและเจอสัตว์อื่นกิน 2. มีสัตว์ร้ายเข้าไปกิน เพราะว่า สภาพการเลี้ยงภายในบริเวณที่มีการเลี้ยงเป็นลักษณะอิสระ และมีบางส่วนในสวนสัตว์ที่เป็นผุพังไม่แข็งแรง เช่น พวกรั้ว ส่วนจัดแสดง เป็นต้น
ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงจะออกมาเป็นอย่างไร คงต้องติดตามรอฟังคำแถลงมติบอร์ดองค์การสวนสัตว์เป็นทางการ
แต่หากพิจารณาข้อมูลสถานการณ์ "เก้ง" ในสวนสัตว์สงขลา ที่ปรากฎออกมาก่อนหน้านี้ ว่า ประชากรเก้งในสวนสัตว์สงขลา มีจำนวนทั้งหมด 3 ตัว เป็นแม่เก้ง 1 ตัว และลูกเก้งอีก 2 ตัว กับ สาเหตุการตายและหายตัวไปของลูกเก้งทั้ง 2 ตัว ดังกล่าว
จะพบข้อสังเกตเพิ่มเติม ที่บอร์ดองค์การสวนสัตว์ ไม่ควรมองข้ามไป ดังนี้
หนึ่ง เป็นทราบกันดีว่า เก้งทั้ง 3 ตัว มีที่มาจากการพาะเลี้ยงขยายพันธุ์ จากเก้งพระราชทานของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง นับเป็นสมบัติล้ำค่าของสวนสัตว์สงขลา
คำถาม คือ การดูแลรักษา เก้ง ของสวนสัตว์สงขลา ควรจะต้องให้ความสำคัญเป็นกรณีพิเศษใช่หรือไม่?
สอง ลูกเก้ง ตัวแรก ตรวจสอบพบว่า หายไปในช่วงเวลาประมาณ 08.30 น. วันที่ 19 ก.พ.2563 จากนั้นเมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2563 มีการตรวจสอบพบซากกระดูกสัตว์ 1 ตัว ในสวนสัตว์สงขลา ก่อนจะมีการทำเรื่องถึงกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เมื่อวันที่ 15 พ.ค.2563 เพื่อพิสูจน์ซากกระดูกดังกล่าว และได้ผลการตรวจสอบในเวลาต่อมาว่า เป็นซากกระดูกของเก้งธรรมดา
กรณีนี้ มีข้อถกเถียงกันว่า ซากกระดูกเก้งที่สวนสัตว์สงขลา ส่งไปตรวจสอบเป็นซากกระดูกของลูกเก้งตัวแรกที่หายไปหรือไม่
ซึ่งกรณีจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการตรวจสอบยืนยันข้อมูลให้สิ้นกระแสความสงสัยทั้งหมด แม้จะมีข้อสังเกตในเรื่องของวันเวลา ระหว่างการตรวจสอบพบลูกเก้งหาย กับวันเวลาที่ตรวจสอบพบซากกระดูก ว่า ทำไมถึงมีระยะเวลาห่างกันอยู่มากก็ตาม หายไปตั้ง 2 เดือนทำไมเพิ่งมาเจอกระดูก ?
แต่ถ้าซากกระดูกเก้งที่ตรวจสอบพบ ผลพิสูจน์ออกมาว่า เป็นเก้งที่มีอายุเยอะ ไม่ใช่กระดูกของลูกเก้งที่มีอายุน้อย จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาทันที
โดยเฉพาะข้อสันนิฐานที่ว่า ลูกเก้งน่าจะถูกขโมยไป และมีความพยายามของคนบางกลุ่ม ในการนำซากกระดูกเก้งจากที่อื่นมาสวมรอยแทน จะมีน้ำหนักมากขึ้น
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ได้รับการเปิดเผยข้อมูลว่า เกี่ยวกับแนวโน้มผลสรุปการตรวจสอบเรื่องนี้ กรณีที่ไม่สามารถยืนยันได้ว่า ซากกระดูกที่พบเป็นของเก้งตัวแรกหรือไม่ จะมีการระบุสาเหตุเพิ่มเติมขึ้นมาอีก 1 กรณี คือ ลูกเก้งหลุดออกไปแล้วถูกดินถล่มทับทำให้เสียชีวิต โดยสันนิฐานจากภาพถ่ายซากกระดูกที่ตรวจพบมีดินทับอยู่ (ดูภาพประกอบ)
แต่ในประเด็นนี้ ก็มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของบอร์ดองค์การสวนสัตว์บางรายที่ยังมีข้อสงสัยอยู่ และจะมีการเสนอขอมติที่ประชุม ให้มีการส่งซากกระดูกเก้งไปตรวจสอบหาดีเอ็นเอ เพื่อยืนยันข้อเท็จจริงให้สิ้นความสงสัยด้วย
ซึ่งล่าสุดมีการประสานงานนอกรอบกับผู้บริหาร กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพื่อดำเนินการในเรื่องนี้แล้ว
ลูกเก้ง ตัวที่สอง ตรวจสอบพบว่า ตายในช่วงเดือน ก.ย.2563 สาเหตุถูกงูเหลือมกิน เจ้าหน้าที่ผ่าท้องออกมาพิสูจน์พบว่า มีลูกเก้งอยู่ในท้องจริง (ดูรูปประกอบ)
กรณีนี้แม้จะมีรูปถ่ายยืนยันเป็นหลักฐานชัดเจน แต่ก็มีประเด็นคำถามที่ยังไม่ได้รับความกระจ่างชัดใน 2 ประเด็น คือ
1. การที่ลูกเก้งเผือกสายพันธุ์พระราชทานตัวแรกเพิ่งหายตัวไปในช่วงต้นปี สาเหตุการหายตัวไปยังไม่มีความชัดเจน ความน่าจะเป็น คือ สวนสัตว์สงขลาควรจะต้องดูแล เก้งที่เหลืออยู่ 2 ตัว เป็นอย่างดีที่สุด แต่เวลาผ่านมายังไม่ทันครบปี ลูกเก้งตัวที่สองกลับมาตายลงไปอีก? และที่สำคัญการตายของลูกเก้งตัวที่สอง มีการบันทึกข้อมูลอยู่ในระบบของสวนสัตว์สงขลา แต่กลับไม่มีการรายงานข้อมูลเรื่องนี้ให้องค์การสวนสัตว์สงขลารับทราบ ทั้งที่ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก (ที่มาของงูเหลือมที่กินลูกเก้งก็ยังไม่มีการพูดถึงมากนักว่ามาจากไหน)
2. สำนักข่าวอิศรา ได้รับการยืนยันข้อมูลใหม่ว่า ภายหลังจากที่ ลูกเก้งตัวแรก ถูกตรวจสอบพบว่าสูญหายไปในช่วงเดือนก.พ.2563 องค์การสวนสัตว์ เพิ่งมีการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นทางการ ในช่วงปลายเดือน ก.ค.2563 ที่ผ่านมา แต่ก็ยังไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบอะไรมาก เนื่องจากมีกรรมการบางรายลาออกไป และเพิ่งตั้งกรรมการใหม่ขึ้นมาทดแทนได้ เมื่อวันที่ 24 ส.ค.2563 และเตรียมที่จะเริ่มต้นกระบวนการตรวจสอบเป็นทางการ โดยเป้าหมายสำคัญของการตรวจสอบ คือ หาสาเหตุการหายตัวไปของลูกเก้งตัวแรกว่าเกิดจากกรณีอะไรกันแน่ และกรณีที่คณะกรรมการตรวจสอบภายในของสวนสัตว์สงขลา สรุปว่าเก้งเผือกที่สูญหายไปเกิดจากการขโมยไปจากพื้นที่ส่วนแสดง ยังไม่ปรากฎหลักฐานที่ชัดเจนว่า สวนสัตว์สงขลา ได้ดำเนินการอย่างใดบ้าง? ใครเป็นผู้รับผิดชอบกรณีดังกล่าว? (ดูเอกสารประกอบ)
น่าสังเกตว่า หลังจากผ่านพ้นเดือน ส.ค. เข้าสู่เดือน ก.ย.ไม่นานนัก ลูกเก้งตัวที่สอง ก็ถูกตรวจสอบพบว่า ตายไปอีกตัว เพราะถูกตรวจพบว่า งูเหลือมกิน ขณะที่การถูก งูกิน เป็นหนึ่งในข้อสันนิษฐานการหายตัวไปของ ลูกเก้งตัวแรกด้วย
ทั้งนี้ ภายใต้ข้อสังเกต ที่ 1 และ 2 ตามที่ระบุไป จึงทำให้กระบวนการทำงานของสวนสัตว์สงขลา ถูกมองในแง่ลบ และนำมาซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า แท้จริงแล้ว ภายใต้ความหละหลวมที่เกิดขึ้นในขั้นตอนการปฏิบัติงาน อาจจะเป็นความพยายามของคนบางกลุ่มในการจัดฉาก สร้างสถานการณ์การตายของลูกเก้งตัวที่สอง ให้ถูกงูกิน เพื่อที่จะทำให้ข้อสันนิฐานที่ว่า ลูกเก้งตัวแรก น่าจะถูกงูกินด้วย เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลมากขึ้นด้วย?
กอปรกับในการตรวจสอบข้อมูลที่ผ่านมา คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงประสบปัญหาเรื่องการแสวงหาเอกสารหลักฐานต่างๆ ขณะที่เรื่องนี้มีความซับซ้อนเป็นอย่างมาก ในการประชุมคณะกรรมการบอร์ดองค์การสวนสัตว์ครั้งนี้ จึงอาจจะมีการเสนอให้ส่งเรื่องไปยังตำรวจป่าไม้ที่มีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษให้เข้ามาช่วยคลี่คลายคดีนี้อีกทางหนึ่งด้วย
ทั้งหมดนี่ เป็นข้อสังเกตเกี่ยวกับสาเหตุการตายและหายตัวไปของลูกเก้งทั้ง 2 ตัว รวมไปถึงแนวโน้มข้อสรุปผลการพิจารณาเกี่ยวกับวาระด่วนเรื่องลูกเก้ง ที่จะเกิดขึ้นในการประชุมบอร์ดองค์การสวนสัตว์ วันที่ 6 ต.ค.2563 นี้
บทสรุปผลการประชุมจะออกมาเป็นอย่างไร ห้ามกะพริบตาโดยเด็ดขาด!
อ่านประกอบ :
หายหรือตายต้องได้คำตอบ!'บิ๊กตู่'สั่งเคลียร์ปมลูกเก้ง-เสียใจสูญเสีย 2 เจ้าหน้าที่
สรุปลูกเก้งตาย 2 เหลือแม่ 1 ตัว! กก.สอบชงบอร์ดสวนสัตว์เคลียร์ปมหายปริศนา 6 ต.ค.
พบ 'นายสัตวแพทย์ภูวดล' ผู้ก่อเหตุยิง ผอ.องค์การสวนสัตว์เสียชีวิต-ยิงตัวตายที่บ้านพักแล้ว
ด่วน! ผอ.องค์การสวนสัตว์ ถูกจนท.สวนสัตว์สงขลา ยิงเสียชีวิตระหว่างสอบสวนคดี 'ลูกเก้งเผือก'
เปิดรายงานวินาที 'ผอ.องค์การสวนสัตว์' ถูกยิงเสียชีวิต-รมว.ทส.สั่งปธ.บอร์ด บินด่วนคุมสถานการณ์
'ลูกเก้งเผือก' สายพันธุ์พระราชทานหาย! สวนสัตว์สงขลา สั่งสอบน่าจะโดนขโมย-ผอ.แจงถูกงูกิน
ปธ.บอร์ดย้ำเรื่องใหญ่มาก! องค์การสวนสัตว์ สั่งสอบทันที 'ลูกเก้งเผือก' สายพันธุ์พระราชทานหาย
เด้ง 'ผอ.สงขลา' เข้ากรุ! องค์การสวนสัตว์ สั่งย้ายด่วน รอผลสอบ 'ลูกเก้งเผือก' หายปริศนา
เบื้องลึก 'ลูกเก้งเผือก' สายพันธุ์พระราชทานหาย! ผลสอบชี้ถูกขโมย-ไฉนผอ.สงขลาแจงถูกงูกิน?
จนท.ทำความสะอาดเจอกระดูก! ผอ.สวนสัตว์สงขลา แจงเหตุให้ข้อมูล 'ลูกเก้งเผือก' โดนงูกิน
ปริศนาใหม่ 'ซากกระดูกเก้ง'? ข้อกังวล 'สวนสัตว์รัฐ' ถูกใช้เป็น ฐานฟอก ขบวนการลักลอบค้าสัตว์ป่า
เงื่อนปม-ข้อสังเกต ลูกเก้งเผือกสายพันธุ์พระราชทานหาย-ตาย 2 ตัว? ก่อนสังเวยชีวิต 2 ศพ
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage