อนาคตใหม่รอด! ศาล รธน.เสียงเอกฉันท์ ชี้มิได้เป็นการใช้สิทธิล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามที่ถูกร้อง ม.49 ระบุแค่ความห่วงใยของผู้ร้อง ข้อกล่าวหา 'ปฏิปักษ์กษัตริย์นิยม' ต้องปรากฏข้อเท็จจริงเพียงพอเท่าที่วิญญูชนทั่วไปคาดเห็นได้ว่าน่าจะเกิดผล และต้องดำเนินการอยู่ ไม่ห่างไกลเกินกว่าเหตุ
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2563 ศาลรัฐธรรมนูญ นัดอ่านคำวินิจฉัย คดีที่นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นผู้ร้อง ให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค และคณะกรรมการบริหารพรรคทั้งคณะ เป็นผู้ถูกร้องที่ 1-4 โดยอาศัยช่องทางตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 92 กรณีกล่าวหาว่าพรรคอนาคตใหม่กับพวกล้มล้างการปกครอง
เมื่อเวลา 12.00 น. วันเดียวกัน องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยคดีดังกล่าว โดยมอบหมายให้ นายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เป็นผู้อ่านคำวินิจฉัย
นายทวีเกียรติ อ่านคำวินิจฉัยว่า ประเด็นที่ศาลต้องพิจารณาวินิจฉัยประเด็นเดียวว่า การกระทำของผู้ถูกร้องเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคหนึ่งหรือไม่
@พรรค อนค.ได้รับการจัดตั้งถูกต้อง-ไม่มีลักษณะปฏิปักษ์ต่อการปกครองฯ
เมื่อพิจารณาตามคำร้อง คำร้องเพิ่มเติม และเอกสารประกอบแล้ว กรณีที่ผู้ร้องอ้างว่าการออกข้อบังคับ นโยบาย และสัญลักษณ์ของพรรคอนาคตใหม่ เป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เนื่องจากข้อบังคับ นโยบาย และสัญลักษณ์ของพรรคดังกล่าวมีลักษณะเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองและไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตรา 14 (1) และมาตรา 15 (2) และ (3) นั้น
เห็นว่า การออกข้อบังคับของพรรคการเมือง เป็นส่วนหนึ่งของการจัดตั้งพรรคการเมือง ซึ่งเป็นหนาที่และอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยเอกสารและหลักฐานที่ต้องยื่นพร้อมกับคำขอจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมือง ต้องประกอบด้วยข้อบังคับพรรค ซึ่งจะต้องไม่มีลักษณะเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองฯ และต้องไม่เปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐ
นอกจากนั้นข้อบังคับพรรคจะต้องมีภาพเครื่องหมายของพรรค และนโยบายของพรรค ดังนั้นกระบวนการยื่นคำร้องของจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองนั้นจะต้องยื่นข้อบังคับพรรคพร้อมคำขอด้วย ทั้งนี้เมื่อนายธนาธรได้ยื่นคำขอจดจัดตั้งพรรคอนาคตใหม่ และนายทะเบียนพรรคการเมืองโดยความเห็นชอบของ กกต. ได้รับจดทะเบียนพรรคอนาคตใหม่ และมีประกาศจัดตั้งพรรคในราชกิจจานุเบกษาแล้ว กรณีนี้ย่อมแสดงว่าข้อบังคับพรรคอนาคตใหม่ไม่มีลักษณะเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เนื่องจากนายทะเบียนพรรคการเมืองได้ตรวจสอบและได้รับความเห็นชอบจาก กกต.ให้จดทะเบียนจัดตั้งพรรคได้ อย่างไรก็ตามถ้าปรากฏข้อเท็จจริงในภาพหลังว่าข้อบังคับของพรรคอนาคตใหม่ไม่เป็นไปตามบทบัญญัติตาม พ.ร.บ.พรรคการเมืองฯ มาตรา 14(1) และมาตรา 15 (2) และ (3) ก็เป็นหน้าที่และอำนาจของนายทะเบียนพรรคการเมืองที่จะรายงานไปยัง กกต.พิจารณา และมีมติให้เพิกถอนข้อบังคับดังกล่าวได้
ข้อเท็จจริงในกรณีนี้หาได้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นแต่อย่างใด และผู้ถูกร้องทั้ง 4 คน ก็ไม่ได้มีการกระทำอื่นใดนอกเหนือจากการจดทะเบียนจัดตั้งพรรค กรณีนี้จึงไม่ปรากฏข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะฟังว่าการประทำของผู้ถูกร้องทั้ง 4 นั้นเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองฯ
@ชี้แค่ความห่วงใยของผู้ร้อง ระบุข้อความในข้อบังคับพรรคควรให้ชัดเจน-ไม่คลุมเครือ
นายทวีเกียรติ กล่าวอีกว่า การยื่นคำร้องของผู้ร้องนี้ คงเป็นเพียงข้อห่วงใยของผู้ร้องในฐานะพลเมืองที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และระบบการปกครองของประเทศ ดังนั้นข้อบังคับของพรรคอนาคตใหม่ที่ใช้ถ้อคำว่าหลักประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนรายการคำประกาศอุดมการณ์ทางการเมืองข้อ 6 วรรคสอง ที่กำหนดว่าพรรคอนาคตใหม่ยึดมั่นในหลักประชาธิปไตยตามหลักรัฐธรรมนูญ ซึ่งการใช้ข้อความในข้อบังคับของพรรคการเมืองควรให้ความชัดเจน ไม่มีความคลุมเครือ แตกต่างจากรัฐธรรมนูญมาตรา 2 ที่บัญญัติว่าประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อันอาจก่อให้เกิดความแตกแยกระหว่างชนในชาติตาม พ.ร.บ.พรรคการเมืองฯ มาตรา 14 (3) ได้ ซึ่ง กกต.มีหน้าที่และอำนาจที่จะพิจารณาและมีมติให้เพิกถอนข้อบังคับนั้นได้ตามมาตรา 17 วรรคสาม เพื่อป้องกันความสับสน ขัดแย้งที่อาจจะเกิดขึ้น สมควรที่ผู้ที่เกี่ยวข้องจะได้ช่วยกันแก้ไขเพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญต่อไป
@ข้อกล่าวหา ‘ปฏิปักษ์กษัตริย์นิยม’ ต้องปรากฏข้อเท็จจริงเพียงพอ
นายทวีเกียรติ กล่าวอีกว่า กรณีที่ผู้ร้องกล่าวอ้างว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล และคณะกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ มีพฤติการณ์แนวคิด ทัศนคติคลั่งไคล้ปรัชญาตะวันตก เป็นกระบวนการปฏิปักษ์ ปฏิกษัตริย์นิยม มีแนวความคิดที่ต้องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของสังคมไทย โดยการแสดงความคิดเห็นทั้งก่อนและหลังการจดทะเบียนจัดตั้งพรรคอนาคตใหม่ เช่นการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน การแสดงความคิดเห็นต่อสาธารณะชน การแสดงความคิดเห็นต่อการแก้รัฐธรรมนูญนั้น เห็นว่าการพิจารณาว่าบุคคลใดจะใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองฯ นั้น จะต้องปรากฏข้อเท็จจริงที่ชัดเจนเพียงพอที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งหมายและความประสงค์นั้นถึงระดับที่วิญญูชนควรอาจคาดเห็นได้ว่าน่าจะทำให้เกิดผลเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อทำให้เกิดการล้มล้างการปกครอง โดยการกระทำนั้นจะต้องกำลังดำเนินอยู่และไม่ห่างไกลเกินกว่าเหตุ
แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฎในคดีเป็นเพียงข้อมูลข่าวสารจากเว็บไซต์ สื่อสิ่งพิมพ์ และสื่ออินเตอร์เน็ต และยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีพฤติการณ์หรือการกระทำตามที่ผู้ร้องกล่าวอ้างแต่อย่างใด จึงไม่ปรากฏข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะฟังได้ว่าเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองฯ
ส่วนกรณีการกระทำอื่นใดของผู้ถูกร้องทั้ง 4 จะเป็นความผิดตามกฎหมายอาญาหรือกฎหมายอื่นหรือไม่ จะต้องไปว่ากล่าวกันอีกส่วนหนึ่งต่างหากตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป ดังนั้นอาศัยเหตุผลดังกล่าวข้องต้นจึงวินิจฉัยว่าการกระทำของผู้ถูกร้องทั้ง 4 ไม่เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองฯ ตามมาตรา 49 วรรคหนึ่ง
@‘ณฐพร’พอใจ ปัดกลั่นแกล้ง-ลั่นทำหน้าที่สำเร็จแล้ว
ภายหลังรับฟังคำวินิจฉัย นายณฐพร โตประยูร ผู้ยื่นคำร้อง ให้สัมภาษณ์ว่า พอใจกับคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญและเป็นคำตัดสินที่ถูกต้องแล้ว ถือว่าได้ทำหน้าที่สำเร็จแล้วในการรักษาการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และตนต้องการชี้ให้ประชาชนเห็นว่ามีบางพรรคการเมืองต้องการทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่ได้ต้องการกลั่นแกล้งพรรคอนาคตใหม่ เท่าที่ฟังศาลเองได้ให้พรรคอนาคตใหม่ไปปรับเปลี่ยนข้อบังคับให้เกิดความชัดเจนขึ้น ไม่ให้มีความคลุมเครือ เรื่องนี้ กกต.ต้องเป็นหน่วยงานที่เข้ามาดำเนินการต่อในเรื่องนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ระบุว่า บุคคลจะใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมิได้
ผู้ใดทราบว่ามีการกระทำตามวรรคหนึ่ง ย่อมมีสิทธิร้องต่ออัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้เลิกการกระทำดังกล่าวได้
ในกรณีที่ อสส. มีคำสั่งไม่รับดำเนินการตามที่ร้องขอ หรือไม่ดำเนินการภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้องขอ ผู้ร้องขอจะยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญก็ได้
การดำเนินการตามมาตรานี้ไม่กระทบต่อการดำเนินคดีอาญาต่อผู้กระทำการตามวรรคหนึ่ง
สำหรับคดีนี้นายณฐพร โตประยูร ได้ยื่นคำร้อง 2 ฉบับ โดยระบุสาระสำคัญว่า พรรคอนาคตใหม่ กับพวกรวม 4 ราย มีพฤติการณ์ล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และมีพฤติการณ์ปฏิปักษ์กษัตริย์นิยม รวมถึงใช้สัญลักษณ์แบบองค์กรลับอิลลูมิเนติ (illuminati) เป็นต้น
อ่านประกอบ :
กางข้อเท็จจริง-กม.ปม อนค.ล้มล้างการปกครอง จับตาศาล รธน.วินิจฉัยรอดหรือยุบพรรค?
ทำความรู้จัก‘ณฐพร โตประยูร’คนยื่นยุบ อนค.-ถูกสอบคดีฟอกเงินขายที่ดินคลองจั่นฯ 477 ล.?
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/