"...ก่อนหน้านี้พนักงานอัยการคดีพิเศษได้ส่งสำนวนการไต่สวนคดีนี้ กลับมาให้ดีเอสไอรับทราบ พร้อมสรุปความเห็นว่า เห็นสมควรสั่งไม่ฟ้องในคดีนี้ ซึ่ง ทางดีเอสไอ ได้พิจารณาสำนวนคดีแล้ว มีความเห็นแย้งกับ อสส. โดยยืนยันความเห็นให้มีการสั่งฟ้องคดีนี้ เนื่องจากหลักฐานเส้นทางการเงิน ที่ได้รับทราบจาก ปปง. (สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน) มีความชัดเจน เพียงพอแล้ว ซึ่งตามขั้นตอนต่อไป ถ้า อสส. เห็นด้วยกับดีเอสไอ ก็จะมีการสั่งฟ้องคดีต่อไป แต่ถ้าไม่เห็นด้วย คดีนี้ ก็จะถือเป็นการยุติ"... "
หากสาธารณชนยังจำกันได้
ในช่วงปลายเดือน ต.ค.2562 ที่ผ่านมา มีข่าวใหญ่ปรากฎขึ้นว่า พนักงานอัยการ สำนักงานดคีพิเศษซึ่งมีนายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ เป็นอธิบดีในขณะนั้น(ปัจจจบันนายวงศ์สกุล ดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุด(อสส.)) ได้ส่งสำนวนการไต่สวนคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินจากการขายที่ดินต่อให้กับ นายอนันต์ อัศวโภคิน เจ้าของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง กลับคืนมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)แล้ว
พร้อมสรุปความเห็นว่า เห็นสมควรสั่งไม่ฟ้องในคดีนี้ หลังจากที่ใช้ระยะเวลาตรวจสอบสำนวนการไต่สวนคดีมายาวนานพอสมควร
ขณะที่ สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้รับการยืนยันจากแหล่งข่าวระดับสูงกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ว่า พันตำรวจเอก ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้รับทราบเรื่องที่พนักงานอัยการส่งสำนวนการไต่สวนคดีนี้กลับคืนมาให้ดีเอสไอแล้ว
เบื้องต้น ทางดีเอสไอจะมีการพิจารณาเรื่องนี้อีกครั้ง คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน เพื่อหาข้อสรุปว่าทางดีเอสไอจะทำความเห็นแย้งเพื่อขอให้อัยการฟ้องร้องดำเนินคดีต่อหรือเห็นชอบตามความเห็นของอัยการที่ไม่สั่งฟ้องคดีนี้ (อ่านประกอบ : สำนวนอัยการสั่งไม่ฟ้องคดีฟอกเงิน 'อนันต์' ถึงมือ 'ไพสิฐ'แล้ว - ขอเวลา 2-3 ด. หาข้อสรุป)
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ได้รับการยืนยันข้อมูลเป็นทางการจากแหล่งข่าวระดับสูงในดีเอสไอ ว่า เมื่อเร็วๆ นี้ พันตำรวจเอก ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ ได้ลงนามในหนังสือถึงนายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อสส. เพื่อทำความเห็นแย้ง ขอให้สั่งฟ้อง นายอนันต์ อัศวโภคิน เจ้าของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง คดียักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ส่วนที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินจากการขายที่ดินดังกล่าวแล้ว เนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่าหลักฐานเส้นทางการเงินมีความชัดเจน เพียงพอแล้ว
"หลังจากที่ก่อนหน้านี้พนักงานอัยการคดีพิเศษได้ส่งสำนวนการไต่สวนคดีนี้ กลับมาให้ดีเอสไอรับทราบ พร้อมสรุปความเห็นว่า เห็นสมควรสั่งไม่ฟ้องในคดีนี้ ซึ่ง ทางดีเอสไอ ได้พิจารณาสำนวนคดีแล้ว มีความเห็นแย้งกับ อสส. โดยยืนยันความเห็นให้มีการสั่งฟ้องคดีนี้ เนื่องจากหลักฐานเส้นทางการเงิน ที่ได้รับทราบจาก ปปง. (สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน) มีความชัดเจน เพียงพอแล้ว ซึ่งตามขั้นตอนต่อไป ถ้า อสส. เห็นด้วยกับดีเอสไอ ก็จะมีการสั่งฟ้องคดีต่อไป แต่ถ้าไม่เห็นด้วย คดีนี้ ก็จะถือเป็นการยุติ" แหล่งข่าวจากดีเอสไอระบุ
สำหรับรายละเอียดเส้นทางการเงินในคดีนี้ สำนักข่าวอิศรา เคยตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกมานำเสนอให้สาธารณชนได้รับกันไปแล้วว่า มีรายละเอียดปรากฎตามรายละเอียดตามคำสั่งอายัดทรัพย์สิน ของ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดราย นายศุภชัย ศรีศุภอักษร กับพวก (คดียักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น) ในส่วนของที่ดิน ที่โอนขายที่ดินให้กับ นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ (พี่ชายบญธรรม คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี) และนายอนันต์ อัศวโภคิน เจ้าของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังซึ่งเป็นผลจากการตรวจสอบธุรกรรมและทรัพย์สินของ นายศุภชัย ที่มีพฤติการณ์กระทำความผิดเกี่ยวกับการยักยอกเงินของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด และนำเงินไปลงทุนซื้อที่ดินจำนวน 3 แปลง โฉนดที่ดินเลขที่ 31343 ,31344 และ 31345 ตั้งอยู่ตำบลคลองสอง (คลอง 2 ตก) อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เนื้อที่รวม 312 ไร่ 1 งาน 17.6 ตารางวา และหุ้นของบริษัท เอ็ม-โฮม เอสพีวี 2 จำกัด โดยวิธีการสั่งจ่ายเช็คจำนวน 11 ฉบับ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 321,400,000 บาท
โดยในส่วนคดีของ นายอนันต์ อัศวโภคิน นั้น ปปง. ระบุในคำสั่งอายัดทรัพย์ว่า ภายหลังจากบริษัท เอ็ม-โฮม เอสพีวี 2 จำกัด ได้รับเงินลงทุนของนายศุภชัย ศรีศุภอักษร กับพวกแล้ว บริษัท เอ็ม-โฮม เอสพีวี 2 จำกัด ได้ทำสัญญาซื้อขายที่ดิน โฉนดเลขที่ 31344 ให้กับนายอนันต์ อัศวโภคิน ที่ดินเนื้อที่ 46-3-56.2 ไร่ ราคาไร่ละ 2,000,000 บาท เป็นเงิน 93,781,000 บาท
จากนั้น ได้ปรากฎว่ามีการจัดทำหนังสือแสดงเจตนาถวายที่ดินของนายศุภชัย ให้กับพระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธัมมชโย) เป็นการส่วนตัว
โดยมีนายอนันต์ อัศวโภคิน ลงลายมือชื่อ เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินแทนพระเทพญาณมหามุนี และมีพยานลงลายมือชื่อในหนังสือดังกล่าว เว้นแต่นายศุภชัย ไม่ได้ลงลายมือชื่อ
ต่อมาเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.2558 นายอนันต์ ได้ขายที่ดินแปลงดังกล่าวให้แก่บริษัทไทย แอ็กโกร เอ็กซเชนจ์ จำกัด ในราคา 492,350,250 บาท และได้รับเงินที่เหลือจากการขายที่ดิน จำนวน 468,731,250 บาท นำไปชำระหนี้ให้บริษัท เอ็ม-โฮม เอสพีวี 2 จำกัด และหนี้อื่นบางส่วน โดยนำเงินส่วนใหญ่จำนวน 303,000,000 บาท ไปบริจาคให้มูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง เพื่อนำไปก่อสร้างอาคาร บุญรักษา
(ดูประกาศฉบับเต็ม : http://www.amlo.go.th/amlo-intranet/images/CommandHold/CommandHold_2559/CommandHold_2560/67-2560.pdf )
นอกจากนี้ สำนักข่าวอิศรา ยังมีข้อมูลเบื้องลึกการขายที่ดินจำนวน 8 แปลง รวมเนื้อที่ประมาณ 57 ไร่ ในตำบลคลอง 3 อำเภอคลองหลวง ซึ่งอยู่ใกล้กับวัดพระธรรมกาย ของ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร ให้กับ นางสาว อลิสา อัศวโภคิน ที่สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบเพิ่มเติมในภายหลังด้วย
โดยมีรายละเอียดว่า ในช่วงต้นเดือน มิ.ย.56 หลังจากที่ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร ถูกคณะกรรมการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ในข้อหายักยอกทรัพย์และฉ้อโกง กรณีที่มีการนำเงินของสหกรณ์ไปลงทุนหุ้น ที่ดิน รวมทั้งนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ของสหกรณ์ฯ เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2556
นายศุภชัย ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายที่ดินจำนวน 8 แปลง รวมเนื้อที่ประมาณ 57 ไร่ ในตำบลคลอง 3 อำเภอคลองหลวง ซึ่งอยู่ใกล้กับวัดพระธรรมกาย ให้กับ นางสาวอลิสา อัศวโภคิน ลูกสาวนายอนันต์ อัศวโภคิน เจ้าของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังของไทย โดยหนังสือสัญญาฉบับดังกล่าว ลงวันที่ 7 มิ.ย.56
จากการตรวจสอบหนังสือสัญญาขายที่ดิน ดังกล่าว มีการระบุเลขที่โฉนดที่ดิน จำนวน 8 แปลง ที่มีการตกลงซื้อขายกัน คือ 101460 ,101461 , 101462 , 152624 ,4519 ,101455 , 101456 และ 152626 โดยปรากฎชื่อนายวสินธุ์ เหมือนเกียรติ ทำหน้าที่เป็นตัวแทน ทั้งฝ่าย นายศุภชัย "ผู้ขาย" กับ นางสาวอลิสา "ผู้ซื้อ"
โดยตกลงราคาซื้อขายกันเป็นเงิน 298 ล้านบาท ระบุว่าผู้ซื้อได้ชำระเงินค่าที่ดินให้ผู้ขายเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยที่ดินทั้งหมด ไม่มีสิ่งปลูกสร้าง ไม่มีการเช่า ไม่ค้างชำระภาษีบำรุงท้องที่
ขณะที่ นายศุภชัย "ผู้ขาย" ได้ที่ดินเหล่านี้มาโดยการซื้อเมื่อ พ.ศ.2552
โดย พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา5 กำหนดว่า ผู้ใด
(1) โอน รับโอน หรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินนั้น หรือเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นไม่ว่าก่อน ขณะหรือหลังการกระทำความผิด มิให้ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลงในความผิดมูลฐาน หรือ
(2) กระทำด้วยประการใดๆ เพื่อปกปิดหรืออำพรางลักษณะที่แท้จริงการได้มาแหล่งที่ตั้งการจำหน่าย การโอน การได้สิทธิใดๆ ซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด
ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฟอกเงิน
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันยังไม่มีการยืนยันข้อมูลเป็นทางการว่า การขายที่ดินจำนวน 8 แปลง ซึ่งอยู่ใกล้กับวัดพระธรรมกาย ของ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร ให้กับ นางสาว อลิสา อัศวโภคิน ดังกล่าว มีการสอบสวนทางคดีเกี่ยวกับเรื่องการฟอกเงินเพิ่มเติมด้วยหรือไม่
ตามที่เคยนำเสนอข้อมูลต่อสาธารณชนไปแล้วก่อนหน้านี้เช่นเดิม
อ่านประกอบ :
พลิกปูม! เอ็ม-โฮมเอสพีวี 2 ชื่อศุภชัยโผล่ ต้นทาง'บรรณพจน์-อนันต์' ถูกปปง.อายัดทรัพย์
โชว์เช็ค 11 ใบพันล.! “ศุภชัย”เซ็นจ่ายถึง“ธมมชโย-ธรรมกาย-เครือข่าย”
เช็ค 316 ล.มัด‘ธัมมชโย’ก่อนศาลออกหมายจับคดีฟอกเงิน-จับตาเข้าแจงหรือหนี?
เปิดครบพฤติการณ์ฟอกเงิน'ศุภชัย-อนันต์-ธัมมชโย'! ปปง.โชว์หมดคำสั่งอายัดที่ดินฉบับเต็ม
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/