TISA จ่อยื่นหนังสือ'ประยุทธ์' ค้านเก็บม่านตาพาสปอร์ตใหม่หวั่นข้อมูลรั่วไหล บิ๊กปท.ไม่ใช้

TISA จ่อทำหนังสือ 'ประยุทธ์' ค้านจัดเก็บม่านตาหนังสือเดินทาง เหตุยังไม่มีความปลอดภัยจริง บิ๊กปท.ไม่ใช้ หวั่นข้อมูลรั่วไหล จัดเสวนาวิชาการถกปัญหาก่อน เผยตามติดคดี บัตร 'ปชช.' เอสโตเนีย ชี้หากเกิดที่ไทยหนักกว่าแน่

TISA

สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า ในวันที่ 12 ก.ค.62 เวลา 14.45 น.-16.30 น. สมาคมความมั่นคงปลอดภัยระบบสารสนเทศ (TISA) จะมีการจัดงานเสวนา "การเก็บข้อมูลชีวมาตรของหน่วยงานรัฐ กับผลกระทบต่อประชาชนและความมั่นคง" ณ ห้องพัชรกิติยาภา อาคารเฉลิมพระบารมี 50 ปี ซอยศูนย์วิจัย ถ.เพชรบุรีตัดใหม่

มีวิทยากรผู้ร่วมเสวนา คือ 1.พล.อ.บรรเจิด เทียนทองดี 2. พล.อ.เจิดวุธ คราประยูร 3. พ.ต.อ.ญาณพล ยั่งยืน 4.นายปริญญา หอมเอนก โดยมีผู้ดำเนินรายการคือ น.พ.สุธี ทุวิรัตน์ กรรมการสมาคมฯ

น.พ.สุธี ทุวิรัตน์ กรรมการสมาคมความมั่นคงปลอดภัยระบบสารสนเทศ (TISA)

ทั้งนี้ น.พ.สุธี เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา ถึงจุดมุ่งหมายการจัดเสวนาในครั้งนี้ ว่า สืบเนื่องจากกระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงข่าวความคืบหน้าการประกวดราคาจัดทำหนังสือเดินทางระยะที่ 3 จำนวน 15 ล้านเล่ม วงเงิน 7,463,250,000 บาท ว่า หนังสือเดินทางใหม่ จะมีการเพิ่มข้อมูลการจัดเก็บม่านตาของผู้ถือหนังสือเดินทาง จากระบบเดิมเก็บเพียงใบหน้า ลายนิ้วมือ ซึ่งในต่างประเทศเริ่มมีการใช้ม่านตามากขึ้น (อ่านประกอบ:ลงนามกลุ่ม DGM แล้ว! กต.แจงจ้างผลิตพาสปอร์ต 7.4 พันล.ได้ปย.6 ประการ ยันไม่มีล็อกสเปค)

น.พ.สุธี กล่าวว่า หลังการแถลงข่าวของกระทรวงการต่างประเทศดังกล่าว ทาง TISA ได้หารือถึงข้อเท็จจริงว่าข้อมูลการจัดเก็บม่านตามีความปลอดภัยจริงหรือไม่ ก็พบว่าแท้จริงแล้วยังมีปัญหาบางประการอยู่ อาทิ 1. ในสหรัฐอเมริกาเก็บข้อมูลเฉพาะภาพถ่ายอย่างเดียว ไม่ให้เก็บลายนิ้วมือ 2.ส่วนสหภาพยุโรปนั้นก็จะมีการเก็บลายนิ้วมือหรือไม่ก็ภาพถ่าย แต่จะไม่มีการเก็บม่านตา

“ปัญหา ก็คือ ข้อมูลประชาชนคนไทยจะที่อยู่หน่วยงานรัฐหรือว่าเอกชนที่มาเก็บรูปถ่ายลายนิ้วมือ และม่านตา ซึ่งผมก็ไปดูข้อมูลตัวนี้จากเงื่อนไขการจัดซื้อจัดจ้าง (TOR) ปรากฎว่าฐานข้อมูลเหล่านี้เป็นของเอกชนที่มาประมูลได้ สรุปก็คือ บริษัทเอกชนที่สามารถประมูลได้สัญญาการทำหนังสือเดินทางนั้นจะมีฐานข้อมูลตรงนี้ทั้งหมด ซึ่งตรงนี้มันน่ากลัว เพราะว่าต่างประเทศเขาเก็บข้อมูลลายนิ้วมือกับรูปหน้าเอาไว้ในชิป ไม่ได้เก็บเอาไว้ในฐานข้อมูล เพราะการเก็บในชิปจะมีความปลอดภัยของข้อมูลสูงกว่า ถ้าหากใครได้ฐานข้อมูลตรงนี้ไปเช่นเจ้าหน้าที่บริษัททำสำเนาออกไป ข้อมูลพวกนี้สามารถจะถูกนำไปแอบอ้างได้ตลอดเวลา อาทิ เอาลายนิ้วมือของใครบางคนไปสแกนก็ได้ แล้วลายนิ้วมือ ม่านตา ถ้ารั่วออกไป ของแบบนี้มันแก้ใหม่ไม่ได้”นพ.สุธีกล่าว

กรรมการ TISA กล่าวต่อว่า นี่คือสาเหตุที่จะต้องมีการจัดเสวนาดังกล่าวเกิดขึ้นเพื่อจะหารือถึงปัญหาและแถลงจุดยืนของ TISA เพราะถือว่ากรณีนี้กระทบต่อความมั่นคงของประเทศเป็นอย่างมาก อาทิ ข้อมูลบุคคลสำคัญ ข้อมูลชีวมาตรของนายกรัฐมนตรี ของคณะรัฐมนตรี ของผู้บัญชาการเหล่าทัพ ต่อไป อาจจะรั่วไหล ไม่สามารถยืนยันในการทำธุรกรรมทางการเงินได้เลย และหลังจากการแถลงข่าวแล้วนั้นทาง TISA ก็จะทำหนังสือเรียนไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีต่อไปด้วย

เมื่อสำนักข่าวอิศราได้ถามถึงกรณีคดีข้อมูลบัตรประชาชนที่ประเทศเอสโตเนียรั่วไหล ซึ่งบริษัทที่รับผิดชอบก็คือบริษัทเกลมาโต้ (Gelmato) หนึ่งในกลุ่ม DGM ที่ชนะการประมูลหนังสือเดินทางของกระทรวงการต่างประเทศดังกล่าว

นพ.สุธี กล่าวว่า "เรื่องนี้ได้มีการติดตามเช่นกัน กรณีที่ประเทศเอสโตเนียนั้นมีกรณีที่แตกต่างจากประเทศไทย ก็คือของเขาจะเป็นบัตรประชาชนซึ่งต้องใส่ในชิป และปัญหาของเขาก็คือว่าอัลกอริทึม (Algorithm) ในการเข้ารหัสมันไม่แข็งแรงทำให้ข้อมูลบัตรประชาชนจำนวนนับแสนคนนั้นถูกเข้าถึงได้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นหายนะเลยเพราะว่าประชาชนไม่สามารถจะใช้บัตรอะไรได้เลย เพราะกลายเป็นว่าข้อมูลส่วนตัวนั้นรั่วไหลไป ซึ่งเป็นกรณีเดียวกันกับที่ทาง TISA จะได้แถลงข่าวต่อไป"

“แต่ถ้าเกิดกับประเทศไทย ซึ่งเป็นหนังสือเดินทาง อันนี้จะหนักหนากว่าของเขาแน่นอน เพราะข้อมูลพวกนี้จะถูกจัดเก็บในฐานข้อมูล ไม่ได้เก็บอยู่ในชิปแบบของเขา ซึ่งประเทศเอสโตเนียนั้นมีการเก็บข้อมูลบัตรประชาชนในชิปก็ถือว่ามีความปลอดภัยในระดับหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังรั่วได้เพราะอัลกอริทึม ที่ล็อกข้อมูลนั้นอ่อนเกินไป”นพ.สุธีกล่าว

อนึ่งก่อนหน้านี้ สำนักข่าวอิศรา เคยสอบถามนายชาตรี อรรจนานันท์ อธิบดีกรมการกงสุล ถึงข้อห่วงใยว่าข้อมูลในหนังสือเดินทางนั้นจะรั่วไหลไปสู่บริษัทที่มาทำสัญญากับทางกระทรวงต่างประเทศหรือไม่

นายชาตรี ได้ชี้แจงว่า “เรามีสัญญาชัดเจนว่าข้อมูลพวกนี้ห้ามส่งออก เอาออกนอกประเทศ ต้องอยู่ในประเทศไทยเท่านั้น ต้องอยู่กระทรวงต่างประเทศเท่านั้น ซึ่งการประมูลจัดทำหนังสือเดินทางที่ผ่านมา มีแต่ทางบริษัทไทยที่เข้ามาประกวดราคา และทางกระทรวงต่างประเทศได้ทำสัญญากับบริษัทสัญชาติไทยเท่านั้นซึ่งบริษัทไทยเหล่านี้เขาก็ตั้งกลุ่มเป็นกลุ่มการค้าที่มีการนำเอาเทคโนโลยีจากบริษัทต่างประเทศที่เขาเป็นพาร์ทเนอร์มาใช้ในการทำหนังสือเดินทาง" (อ่านประกอบ:กต.ยันงานพาสปอร์ต7.4 พันล.ทำสัญญาเข้มงวด-ไม่ทราบเรื่อง บ.Gelmato ผู้ชนะโดนเอสโตเนียฟ้อง)

# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/