ลงนามกลุ่ม DGM แล้ว! กต.แจงจ้างผลิตพาสปอร์ต 7.4 พันล.ได้ปย.6 ประการ ยันไม่มีล็อกสเปค

ผู้บริหารกต.ยกขบวนตั้งโต๊ะแถลงข่าวชี้แจงปมจ้างผลิตพาสปอร์ต 7.4 พันล.ได้ปย.6 ประการ คาดอนาคตมีลดค่าธรรมเนียม ปัดออกทีโออาร์เอื้อกลุ่ม DGM ผู้ชนะ แค่กำหนดต้องใช้เทคโนโลยีปัจจุบันเท่านั้น ยันพิจารณาปัจจัยหลายด้านนอกเหนือจากราคา

Foreign

สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 10 ก.ค.62 ที่กระทรวงการต่างประเทศ ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงฯ ประกอบไปด้วย นายภาสกร ศิริยะพันธุ์ รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ, นายธานี ทองภักดี รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และนายชาตรี อรรจนานันท์ อธิบดีกรมการกงสุล ได้ร่วมกันเปิดแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงการประกวดราคาจ้างผลิตและให้บริการจัดทำหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ ระยะที่ 3 ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ของกระทรวงการต่างประเทศ จำนวน 15 ล้านเล่ม วงเงิน 7.4 พันล้านบาท ซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตถึงปัญหาการกำหนดทีโออาร์ล็อกสเปคเอื้อประโยชน์แก่กลุ่มบริษัทเอกชนรายใดรายหนึ่งให้เป็นผู้ชนะ (อ่านประกอบ : DGM เฉือนชนะจันวาณิชย์ 0.6 คะแนน! ล้วงผลประกวดราคาอี-พาสปอร์ต15ล้านเล่ม-จ่อร้องศาลปค.ต่อ, เปิดคำชี้แจง 3 กลุ่มเอกชน โต้บัวแก้วจัดซื้ออี-พาสปอร์ต 15 ล้านเล่ม 7.4 พันล.DGM เฉือนชนะจันวาณิชย์ 0.6 คะแนน! ล้วงผลประกวดราคาอี-พาสปอร์ต15ล้านเล่ม-จ่อร้องศาลปค.ต่อ, เปิดคำชี้แจง 3 กลุ่มเอกชน โต้บัวแก้วจัดซื้ออี-พาสปอร์ต 15 ล้านเล่ม 7.4 พันล.)

โดยนายธานี แถลงว่า การประกวดราคาจัดผลิตหนังสือเดินทางในระยะที่ 3 นั้น ขณะนี้กระทรวงต่างประเทศได้มีการเซ็นสัญญาว่าจ้างงานกับกลุ่มกิจการร่วมค้า DGM Consortium แล้ว โดยกรอบเวลาการผลิตอยู่ที่ระยะเวลา 7 ปี จำนวน 15 ล้านเล่ม ขั้นตอนจากนี้คือการดำเนินงานของกลุ่มกิจการร่วมค้า DGM Consortium ว่าจะผลิตหนังสือเดินทางได้ครบจำนวน 15 ล้านเล่มภายในระยะเวลา 7 ปีหรือไม่

นายธานี กล่าวต่อว่า หนังสือเดินทางที่ทางกลุ่ม DGM จัดทำนั้นจะมีทั้งแบบอายุ 5 ปี และแบบอายุ 10 ปีด้วยกัน โดยกระจายไปทั่วประเทศรวมถึงกรุงเทพมหานครและปริมณฑล แล้วแต่ความจำเป็น

ส่วนความเปลี่ยนที่จะเกิดขึ้นในอนาคตนั้น จะมีอยู่ 6 ประการ ได้แก่

1.ระยะเวลาได้รับเล่มหนังสือเดินทางจากเดิม 2 วัน ลดจะเหลือ 1 วัน

2.อายุหนังสือเดินทางเพิ่มจาก 5 ปี เป็น 10 ปี โดยประชาชนสามารถเลือกได้ว่าต้องการหนังสือเดินทางอายุ 5 ปี หรือ 10 ปี ซึ่งหนังสือเดินทางอายุ 10 ปี สะดวกทั้งต่อคนที่ไม่ค่อยเดินทาง และในกรณีที่บางประเทศที่มีการตรวจลงตราอายุ 10 ปี

แต่หนังสือเดินทางอายุ 10 ปี จะอนุญาตให้เฉพาะคนที่บรรลุนิติภาวะแล้วเท่านั้น เพราะเด็ก เยาวชนจะมีการเปลี่ยนแปลงของรูปหน้า ทุก 1-2 ปี นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงข้อมูลชีวมาตรอย่างหนึ่ง ซึ่งใช้ระบบสากล เพื่อพิสูจน์ตัวตน ป้องกันการปลอมแปลง

3.จากเดิมระบบเก็บเพียงใบหน้า ลายนิ้วมือ แต่หนังสือเดินทางรุ่นใหม่เพิ่มข้อมูลม่านด้วย ซึ่งในต่างประเทศเริ่มมีการใช้ม่านตามากขึ้น โดยในไทยใช้ในการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวในอุตสาหกรรมประมงแล้ว

4.คาดว่าในอนาคตจะมีการลดระยะเวลายื่นคำร้องจากปัจจุบันดำเนินการให้เสร็จไม่เกิน 20 นาที ส่วนในพาสปอร์ตรุ่นใหม่ ไม่เกิน 12 นาที

5.ชุดอุปกรณ์ประจำจุดบริการทำหนังสือเดินทางในปัจจุบันมีทั้งหมด 313 ชุด จะเพิ่มเป็น 500 ชุด เท่ากับเพิ่มขึ้น 187 ชุด โดยสามารถเปิดสำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราวได้อีกไม่เกิน 15 จุด กระจายไปทั่วประเทศ

และ 6. คาดว่าจะมีการปรับอัตราค่าธรรมเนียมในการทำหนังสือเดินทางใหม่ให้สอดคล้องกับต้นทุนมากขึ้น โดยค่าธรรมเนียมเดิมนั้นจะอยู่ที่ 1,000 บาท

นายธานี ยังกล่าวยืนยันถึงความพิเศษและเทคโนโลยีของหนังสือเดินทางที่กลุ่มกิจการร่วมค้า DGM นำเสนอว่า "ถ้าหากพูดถึงเทคโนโลยี Window Locks นั้นถือได้ว่าเป็นเทคโนโลยีเฉพาะของบริษัท Gemalto ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่อยู่ในกลุ่ม DGM ถ้าหากไปดูในเว็บไซต์ข้อมูลสาธารณะของบริษัท Gemalto จะพบว่ามีทั้งประเทศฟินแลนด์ สิงคโปร์ที่ใช้เทคโนโลยีนี้ และยังมีประเทศอื่นๆที่ใช้เทคโนโลยี Window Locks เพื่อทำเอกสารยืนยันตัวตนกับทางราชการ แต่สำหรับประเทศอื่นๆที่ใช้เทคโนโลยี Window Locks นั้น ผมไม่อยู่สถานะที่เปิดเผยได้ เพราะว่าเป็นสัญญาการไม่เปิดเผยข้อมูลของบริษัท แต่ทางผู้สื่อข่าวสามารถถามข้อมูลกับทางบริษัทได้"

เมื่อสื่อมวลชนถามว่า ในเงื่อนไขการจัดซื้อจัดจ้างนั้นได้มีการตัดคุณลักษณะ Image Perforation ออกหรือไม่

นายธานี กล่าวว่า "ในกระบวนการทำหนังสือเดินทางระหว่างประเทศจะต้องยึดมาตรฐานองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือ ICAO ซึ่งจะมีการกำหนดเกณฑ์ความปลอดภัยในหนังสือเดินทางและป้องกันการปลอมแปลงว่าจะต้องมีรูปภาพเจ้าของหนังสือเดินทางมากกว่า 1 รูป แต่อย่างไรก็ตาม ICAO นั้นไม่ได้กำหนดว่าต้องใช้เทคโนโลยีใดเพื่อให้ได้มาซึ่งรูปภาพอันนี้ เพราะ ICAO ไม่อยู่ในฐานะที่จะไปชี้นำจนนำไปสู่การเอื้อบริษัทใดบริษัทหนึ่งที่ครอบครองเทคโลโนยีโดยเฉพาะได้"

“เราได้นำระบบ Image Perforation มาใช้เพื่อกำหนดภาพในหนังสือเดินทาง แต่ความเป็นจริงมันก็มีเทคโนโลยีอื่นๆอีก ซึ่งเราไม่ได้กำหนดว่าจะนำเทคโนโลยีใดเทคโนโลยีหนึ่งมาเพื่อใช้ทำหนังสือเดินทางดังกล่าวทั้งนี้ขอยืนยันว่าเราดูปัจจัยในหลายด้านนอกเหนือจากทางด้านราคามาเพื่อเป็นเกณฑ์การประกอบการพิจารณาด้วย”นายธานีกล่าว

ส่วนความคืบหน้าผลอุทธรณ์เรื่องของกลุ่มเอกชน 3 ราย คือ กิจการร่วมค้า จันวาณิชย์ (บริษัท จันวาณิชย์ จำกัด และบริษัท จันวาณิชย์ ซีเคียวริตี้ พริ้นท์ติ้ง จำกัด) และกลุ่มบริษัทฯผู้เข้าเสนอราคา อีก 2 ราย คือ กิจการร่วมค้า TIM (บริษัท ที.เค.เอส. เทคโนโลยี จำกัด, IDEMIA (ฝรั่งเศส) MSC และ CP) และ กิจการร่วมค้า WIN (สามารถ, ศิริวัฒนาอินเตอร์พริ้นท์, MSCS และ Dermalug (เยอรมัน) ที่ออกมาคัดค้านผลการประกวดราคานั้น

นายธานีกล่าวว่า "ตอนนี้ยังไม่มีประเด็นในเรื่องการต่อสู้ทางกฎหมายของกระทรวงการต่างประเทศ และยังไม่เคยทราบว่ามีเรื่องการยื่นฟ้องร้องคดีต่อศาลปกครองแต่อย่างใด ขณะที่การอุทธรณ์ของกลุ่มเอกชนทั้ง 3 ราย ทางคณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้างนั้นได้พิจารณาและส่งเรื่องไปให้คณะกรรมการวินิจฉัยคำอุทธรณ์และการร้องเรียนแล้ว ก็ปรากฏว่าไม่มีอะไร ให้ยกคำขออุทธรณ์ ซึ่งกรณีนี้ก็เป็นเหตุผลทำให้กระทรวงต่างประเทศสามารถลงนามว่าจ้างงานนี้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา"

เมื่อถามถึงคดีของบริษัท Gelmato ในประเทศเอสโตเนีย ที่ถูกเรื่องร้องความรั่วไหลของข้อมูลในการทำบัตรประชาชน นายธานีกล่าวว่า "ทางด้านของกระทรวงต่างประเทศได้ตามกรณีนี้มาโดยตลอด ซึ่งต้องขอเรียนว่าประเด็นนี้นั้นต่างกรรมต่างวาระ ไม่มีประเด็นอะไรที่เป็นสิ่งกระทบต่อกระบวนการทำหนังสือเดินทางในครั้งนี้แน่นอน"

สำนักข่าวอิศรารายงานว่า ภายหลังจากการแถลงข่าวเสร็จสิ้นลง ทางกระทรวงการต่างประเทศ ได้มีการแสดงหนังสือเดินทางที่ใช้เทคโนโลยี Window Locks ว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร

โดยเจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศ ระบุว่า เทคโนโลยี Window Locks นั้นจะเป็นเทคโนโลยีการใช้เลเซอร์สลักสร้างกรอบขึ้นมา ให้เป็นภาพเสมือนจริงในหลายมิติ

ขณะที่นายชาตรี กล่าวเสริมว่า "ในเงื่อนไขการจัดซื้อจัดจ้างนั้นไม่ได้มีการกำหนดในเนื้อหาว่าต้องใช้เทคโนโลยี Window Locks หรือเทคโนโลยีใดเทคโนโลยีหนึ่งโดยเฉพาะ แต่ระบุว่าต้องเป็นเทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบันเท่านั้น"

# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/