
กรมศุลกากร เผย เมียนมา ใช้ไทยเป็นทางผ่านส่งออกแร่ไปสหรัฐอเมริกา เปิดข้อมูลส่งออกแร่ย้อนหลัง 5 ปี ไทยไปจีน หลักพันล้าน - ไทยไปสหรัฐฯ ปี 68 อืดจากปี 67 มูลค่า 59.6 ล้าน - 9 เดือนหลังสุด เพียง 6.5 ล้าน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า สืบเนื่องจากกรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งสหรัฐอเมริกาและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยว่าด้วยความร่วมมือในการพัฒนาความหลากหลายของห่วงโซ่อุปทานของแร่ธาตุที่มีความสำคัญในระดับโลกและการส่งเสริมการลงทุน ( M of U between the Government of the United States of America and the Government of the Kingdom of Thailand Concerning Cooperation to Diversify Global Critical Mineral Supply Chains and Promote Investments) เกี่ยวกับแร่หายา (แรร์เอิร์ธ) กับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
โดยนายอนุทินกล่าวก่อนหน้านี้ว่า เอ็มโอยูมีวัตถุประสงค์หลักคือการแสวงหาความร่วมมือด้วยกัน ซึ่งความร่วมมือก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายของประเทศไทย และไม่มีการจำกัดให้ทั้ง 2 ฝ่าย เปิดโอกาสไปหาความร่วมมือกับประเทศอื่น ๆ และไม่มีผลผูกพันธ์ทางกฎหมาย เมื่อถึงเวลาอันควรดูแล้วไม่มีประโยชน์ที่จะเดินหน้ากันต่อไป คู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็สามารถยกเลิกข้อสัญญานี้ได้เลย โดยไม่ต้องรับการยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่ง

“เข้าใจกันอย่างนี้ แต่ไม่ได้ผูกพันธ์อะไร แต่หากวันหนึ่งเข้าใจเป็นอย่างอื่นก็เลิกแล้วต่อกัน เพราะถ้าจะทำให้เข้มข้นกว่านี้ ต้องทำให้เป็น Agreement ไม่ใช่ Understanding หรือเป็น Agreement Contract หรือ Treaty สนธิสัญญาที่มีการผูกมัดกันทางกฎหมายมากกว่า”นายอนุทินกล่าว
อ่านข่าวประกอบ :
- ย้ำชัด MOU ไม่ใช่กฎหมาย ไม่มีผลผูกพัน ‘เอกนิติ’จ่อคุยผู้แทนการค้า USA จับตาอนาคตภาษีทรัมป์
- เปิดเนื้อหาเต็ม MOU สหรัฐฯทำความร่วมมือขอขุดแร่แรร์เอิร์ธ-ปชน.หวั่นทำไทยเสียเปรียบ
รายงานข่าวจากกรมศุลกากรเปิดเผย ว่า จากสถิติการนำเข้าและส่งออกแร่ (ไม่รวมถึงแร่หายาก) ถึงแม้ว่า สหรัฐฯ ได้ประกาศคว่ำบาตรทางการค้าเมียนมา แต่เมียนมาก็ยังใช้ไทยเป็นทางผ่านส่งออกแร่จากเมียนมาไปสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ไทยนำเข้าแร่ (ORES, SLAG, ASH) จากเมียนมาใน ปี 2568 (ม.ค.- ก.ย.68) มูลค่า 6,738,285,251 บาท (หกพันเจ็ดร้อยสามสิบแปดล้านสองแสนแปดหมื่นห้าพันสองร้อยห้าสิบเอ็ดบาท) ขณะที่ข้อมูลย้อนหลังในปี 2567 มูลค่า 3,946,959,209 บาท (สามพันเก้าร้อยสี่สิบหกล้านเก้าแสนห้าหมื่นเก้าพันสองร้อยเก้าบาท) ปี 2566 มูลค่า 461,475,332 บาท (สี่ร้อยหกสิบเอ็ดล้านสี่แสนเจ็ดหมื่นห้าพันสามร้อยสามสิบสองบาท) ปี 2565 มูลค่า 771,059,814 บาท (เจ็ดร้อยเจ็ดสิบเอ็ดล้านห้าหมื่นเก้าพันแปดร้อยสิบสี่บาท) ปี 2564 มูลค่า 713,058,957 บาท (เจ็ดร้อยสิบสามล้านห้าหมื่นแปดพันเก้าร้อยห้าสิบเจ็ดบาท)
รายงานข่าวเพิ่มเติมว่า ขณะที่มูลค่าการส่งออกแร่ จากไทยไปสหรัฐฯ ในปี 2568 (ม.ค.-ก.ย.68) มีมูลล่าลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนมูลค่าการส่องออกแร่จากไทยไปจีนมีมูลค่าสูงระดับหลักพันล้านบาท โดยมีรายละเอียดการส่งออกแร่ย้อนหลัง 5 ปี ดังนี้
สหรัฐอเมริกา
-
ปี 2568 (ม.ค.- ก.ย.68) มูลค่า 6,568,139 บาท (หกล้านห้าแสนหกหมื่นแปดพันหนึ่งร้อยสามสิบเก้าบาท)
-
ปี 2567 มูลค่า 59,614,522 บาท (ห้าสิบเก้าล้านหกแสนหนึ่งหมื่นสี่พันห้าร้ายยี่สิบสองบาท)
-
ปี 2566 มูลค่า 83,701,955 บาท (แปดสิบสามล้านเจ็ดแสนหนึ่งพันเก้าร้อยห้าสิบห้าบาท)
-
ปี 2565 มูลค่า 78,665,204 บาท (เจ็ดสิบแปดล้านหกแสนหกหมื่นห้าพันสองร้อยสี่บาท)
-
ปี 2564 มูลค่า 56,877,799 บาท (ห้าสิบหกล้านแปดแสนเจ็ดหมื่นเจ็ดพันเจ็ดร้อยเก้าสิบเก้าบาท)
จีน
-
ปี 2568 (ม.ค.- ก.ย.68) มูลค่า 1,622,851,680 บาท (หนึ่งพันหกร้อยยี่สิบสองล้านแปดแสนห้าหมื่นหนึ่งพันหกร้อยแปดสิบบาท)
-
ปี 2567 มูลค่า 4,218,540,548 บาท (สี่พันสองร้อยสิบแปดล้านห้าแสนสี่หมื่นห้าร้อยสี่สิบแปดบาท)
-
ปี 2566 มูลค่า 2,615,487,701 บาท (สองพันหกร้อยสิบห้าล้านสี่แสนแปดหมื่นเจ็ดพันเจ็ดร้อยเอ็ดบาท)
-
ปี 2565 มูลค่า 1,159,647,003 บาท (หนึ่งพันหนึ่งร้อยห้าสิบเก้าล้านหกแสนสี่หมื่นเจ็ดพันสามบาท)
-
ปี 2564 มูลค่า 2,215,374,560 บาท (สองพันสองร้อยสิบห้าล้านสามแสนเจ็ดหมื่นสี่พันห้าร้อยหกสิบบาท)
รายงานข่าวอีกว่า วารสารเหมืองแร่ ปีที่ 15 ฉบับที่ 3 เดือนพฤษภาคม – มิถุนายน 2568 ระบุประเทศที่มีการผลิตแร่ธาตุหายากที่สุดใน พ.ศ. 2567 อ้างอิงข้อมูลจากสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาแห่งสหรัฐอเมริกา The United States Geological Survey : USGS ดังนี้
-
อันดับ 1 จีน ผลิตแร่ธาตุหายากได้ 270,000 ตัน
-
อันดับ 2 สหรัฐอเมริกา 45,000 ตัน
-
อันดับ 3 เมียนมา 31,000 ตัน
-
อันดับ 4 ออสเตรเลีย 13,000 ตัน
-
อันดับ 5 ไนจีเรีย 13,000 ตัน เพิ่มขึ้น 80 % จากปี 66
-
อันดับ 6 ไทย 13,000 ตัน เพิ่มขึ้น 261 % จากปี 66 ทั้งนี้ ไทยไม่มีการทำเหมืองแร่หายาก แต่ผลิตแร่หายากจากการนำเข้าแร่มาแต่ง ประเทศไทยยังเป็นแหล่งนำเข้าแร่หายากสำคัญของจีน สำหรับผลิตผลิตภัณฑ์แร่หายากขั้นปลายของบริษัทในเครือ Neo Performance Materials ซึ่งเป็นโรงงานผลิตวัสดุแม่เหล็ก
-
อันดับ 7 อินเดีย 2,900 ตัน
-
อันดับ 8 รัสเซีย 2,600 ตัน
-
อันดับ 9 มาดากัสการ์ 2,000 ตัน
-
อันดับ 10 เวียดนาม 300 ตัน
ที่มาภาพปก : วารสารเหมืองแร่

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา