เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา 'ณัฐกานต์ เทียมเจริญ' อดีตเจ้าพนักงานจัดเก็บรายได้เทศบาลนครสมุทรสาคร เบียดบังเงินไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 7 พิพากษาลงโทษจำคุก 6 ปี 18 เดือน ได้รอลงอาญา หลังรับสารภาพ คืนเงินแล้ว มีสำนึกรู้ผิดชอบชั่วดีอยู่บ้าง - ป.ป.ช.ขออุทธรณ์สู้
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา นายณัฐกานต์ เทียมเจริญ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงานจัดเก็บรายได้ระดับ 3 เทศบาลนครสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร เบียดบังเงินรายได้ของเทศบาลนครสมุทรสาครไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 , 157 และ 162 (4) ประกอบมาตรา 90, 91 แล้วแต่กรณี (มาตรา 162(4) และมาตรา 157 ขาดอายุความ) ตั้งแต่เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2561 ที่ผ่านมา
ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 มีคำพิพากษาว่า นายณัฐกานต์ เทียมเจริญ จำเลย มีความผิดตามมาตรา 147 ลงโทษ จำคุกกระทงละ 5 ปี ปรับกระทงละ 20,000 บาท
จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชนแ์ก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้เหลือกระทงละ 2 ปี 6 เดือน ปรับกระทงละ 10,000 บาท รวม 3 กระทง เป็นจำคุก 6 ปี 18 เดือน ปรับ 30,000 บาท
พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีและสภาพความผิดประกอบรายงานการสืบเสาะและพินิจของจำเลยแล้ว เห็นว่าภายหลังจากกระทำความผิดได้คืนเงินให้แก่ผู้เสียหายจนครบถ้วนแล้ว แสดงว่ายังมีความสำนึกรู้ผิดชอบชั่วดีอยู่บ้าง
เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน เห็นควรให้โอกาสจำเลยกลับตัวประพฤติตนเป็นพลเมืองดีต่อไป
โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี คุมความประพฤติ 1 ปี ให้จำเลยไปรายงานตัว 4 ครั้ง ทำกิจกรรมบริการสังคมเป็นเวลา 24 ชั่วโมง
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2568 มีมติเห็นควรอุทธรณ์คำพิพากษา
สำหรับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท